“หมอศิริราช” แถลงพร้อมครอบครัว “น้ำตาล” สัญญาณชีพคงที่แล้ว CT Scan แต่ยังไม่พบสาเหตุเลือดออก รักษาด้วยการประคับคองร่วมกับการใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด
วันนี้เวลา 14.00 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธานชี้แจงอาการของ “น้ำตาล บุตรศรัณย์ ทองชิว” โดยมี รศ.นพ.ปรัชญญา สากิยลักษณ์ สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ และ "น้ำผึ้ง พิมพ์รดา ทองชิว" และ "กิตต์ธีธัช ก้องภพจิรพัฒน์" พี่สาวและพี่เขยของน้ำตาล ณ ห้องสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
โดยน้ำตาลได้เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. หอผู้ป่วย ICU ด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดในปริมาณมาก ส่งผลให้อาการหายใจลำบาก และทำให้หัวใจหยุดเต้น และได้ทำการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพเป็นจำนวน 2 8รั้งที่บ้าน และโรงพยาบาลสมุทรสาคร
จากนั้นได้มีการประสานงานมายังคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดย รศ.นพ.ปรัชญญา สากิยลักษณ์ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมุทรสาคร ทำการผ่าตัดใส่เครื่องช่วยพยุงกรทำงานของหัวใจและปอด ก่อนจะย้ายผู้ป่วยมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช
โดยทีมแพทย์ได้ทำการตรวจ พร้อมวางแผนการรักษา เริ่มจากปรับเปลี่ยนกระตุ้นหัวใจและยาเพิ่มความดัน พร้อมให้ยาแก้ไขสภาวะความเป็นกรดด่างของเลือด รวมทั้งมีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการเฝ้าระวังสัญญาณชีพอย่างต่อเนื่อง 24 ชม. จนสัญญาณชีพของผู้ป่วยคงที่
อาการล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 13 มิ.ย. ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพคงที่ และไม่มีเลือดออกทางท่อหายใจแล้ว แพทย์จึงได้พิจารณานำผู้ป่วยส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT Scan สมอง และปอด เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเลือดออกที่ปอด และวินิจฉัยประเมินความเสียหายของสมอง ผลการตรวจพบว่า ไม่พบตำแหน่งเลือดอกที่ปอดทั้งสองข้าง และสมองบวม โดยมีแผนการรักษาต่อไปคือ เนื่องจากยังไม่พบตำแหน่งที่มีเลือดออก จึงต้องเฝ้าระวังและหาสาเหตุต่อไปเพราะอาจจะมีภาวะเลือดออกได้อีก รวมไปถึงการแก้ไขภาวะผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย และให้ยาเพื่อลดอาการสมองบวม พร้อมทั้งให้การรักษาแบบประคับประคองร่วมกับการใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด
นอกจากนั้นแล้วผู้สื่อข่าวยังสอบถามถึงอาการปอดแตก ซึ่งทีมแพทย์ได้ชี้แจงว่าเป็นเยื้อหุ้มปอดรั่ว จึงไม่สามารถทำให้ออกซิเจนไปถ่ายเทภายในปอดได้ จึงต้องใช้เครื่อง ECMO ไม่ใช่โรคไข้เลือดออกตามที่มีการสันนิษฐานกันในโซเชี่ยล เพราะน้ำตาลไม่ได้มีเกล็ดเลือดต่ำจึงไม่เข้าข่าย รวมไปถึงการที่หยุดหายใจสองครั้ง บางครั้ง 30 นาทีนั้น ทีมแพทย์ได้อธิบายว่า การหยุดหายใจนั้นอาจจะหยุดเป็นช่วงๆ แต่ไม่ได้หยุดหายใจนานและก็ได้มีการปั้มหัวใจอยู่ตลอด จนสัญญาณชีพกลับมา และสาเหตุของการที่เลือดออกในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในทุกคน เพราะเกิดขึ้นได้น้อยมาก จึงไม่อยากให้ทุกคนเกิดความตื่นตระหนกตกใจ
