เป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อคนฮ่องกงจำนวนหลายแสนคนพากันออกมาประท้วงกฏหมายว่าด้วยการ "ส่งผู้ร้ายข้ามแดน" ที่ออกโดยสภานิติบัญญัติฮ่องกงและจะมีการพิจารณากันในวันพุธที่ 12 มิ.ย.62 นี้
เรื่องนี้อาจจะเป็นประเด็นทางการเมือง แต่หนึ่งในที่มาของการหยิบเอากฏหมายนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งนั้นก็มาจากคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นในไต้หวันเมื่อช่วงต้นปีที่แล้วนี้เอง
ไป 3 กลับ 1?
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 คู่รักวัยรุ่นชาวฮ่องกง "เฉิน ถงเจีย" และ "พาน เสียวอิ่ง" หรือ "แอมเบอร์" ที่เพิ่งคบหาได้เพียงเดือนเดียวพากันบินไปเที่ยวที่ไต้หวัน แต่สุดท้ายกลับมีเพียงฝ่ายชายคนเดียวที่เดินทางกลับมา
หลังขาดการติดต่อนาน 3 สัปดาห์ ครอบครัว "พาน เสียวอิ่ง" ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจฮ่องกงพร้อมความสงสัยว่าตัวของแฟนหนุ่มอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่ทั้งสองเข้าพักพบว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 "เฉิน ถงเจีย" ได้ออกจากโรงแรมไปเพียงลำพังพร้อมกระเป๋าเดินทางสีชมพู ซึ่งจากการทำงานร่วมกันของตำรวจฮ่องกงและไต้หวันพบว่าเจ้าตัวได้นำบัตร ATM ของแฟนสาวไปกดเงินถึง 3 ครั้งพร้อมนำกล้องถ่ายรูปและไอโฟนของฝ่ายหญิงไปขาย
หลังถูกควบคุมตัวมาสอบสวน "เฉิน ถงเจีย" รับสารภาพว่าได้ลงมือฆ่าแฟนสาวด้วยการบีบคอจนตายหลังมีปากเสียงกันเนื่องแฟนสาวได้บอกว่าเธอท้องซึ่งตนมั่นใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของตน
สำหรับศพฝ่ายหญิงชายหนุ่มเผยว่าได้ยัดใส่กระเป๋าเดินทางและเอาไปทิ้งไว้ที่ป่าหญ้านอกกรุงไทเปก่อนจะหนีกลับไปที่ฮ่องกง
ตำรวจไต้หวันออกค้นหาตามคำสารภาพก่อนพบศพของ "พาน เสียวอิ่ง" ในสภาพที่เน่าเฟะเหลือแต่กระดูก และผลจกการตรวจสอบก็พบว่าเธอกำลังต้องท้องอยู่จริง
ผิดแค่ข้อหาลักทรัพย์
ที่ผ่านมาครอบครัว "พาน เสียวอิ่ง" พยายามคืนความเป็นธรรมให้กับลูกสาวด้วยการขอให้ทางการไต้หวันร้องขอไปยังทางการฮ่องกงให้ส่งตัว "เฉิน ถงเจีย" มาดำเนินคดีที่ไต้หวันซึ่งเป็นประเทศที่เกิดเหตุ แต่ฝ่ายฮ่องกงระบุว่าไต้หวันและฮ่องกงไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
กรณีนี้จึงไม่อาจส่งตัวผู้กระทำความผิดกลับไปได้ (แม้ฮ่องกงจะมีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศอื่นๆ มากกว่า 20 ประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และอังกฤษ ทว่าที่ผ่านมา ทั้ง จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊า กลับไม่มีข้อตกลงในเรื่องนี้ร่วมกันแต่อย่างใด)
คดีนี้จบลงด้วยการที่ทางการไต้หวันทำได้แค่ออกหมายจับ "เฉิน ถงเจีย" ยาวนานถึง 37 ปี 6 เดือน (แต่จะจับได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในไต้หวัน) ขณะที่ศาลฮ่องกงเองก็เอาผิดกับฆาตกรหนุ่มได้เพียงข้อหายักยอกทรัพย์และฟอกเงินโดยมีคำพิพากษาจำคุกเพียงแค่ 29 เดือนเท่านั้น
ผลจากคดีฆาตกรรมโหดทำให้ทางการฮ่องกงเสนอแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อให้สามารถส่งผู้ต้องหาในคดีอาชญากรรม เช่น ฆาตกรรม ข่มขืน โดยจะมีการอนุมัติและพิจารณาเป็นกรณีเพื่อไปดำเนินคดีในประเทศและดินแดนที่ไม่มีข้อตกลงกัน แน่นอนว่านั่นก็รวมไปถึงที่ "จีน" ด้วย
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนฮ่องกงเป็นอย่างมากเพราะมองว่าการส่งผู้ร้ายนั้นจะไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้ต้องสงสัยคดีอาชญากรรมแต่เป็นการเปิดช่องไปถึงคดีทางการเมืองจึงพากันออกมาประท้วงเพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็มองว่ารัฐบาลฮ่องกงชุดนี้เป็น "หุ่นเชิด" ของจีนอยู่แล้ว
ขณะที่ไต้หวันเองก็เกรงว่าคดีที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองจึงรีบชิงออกตัวว่าไต้หวันจะไม่ทำเรื่องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนด้วยกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ทางฮ่องกงกำลังพยายามผลักดันอยู่ พร้อมร้องขอให้ฮ่องกงแยกคดีนี้ออกจากกฎหมายดังกล่าวด้วย (ขอบคุณข้อมูลจากเพจ "บูรพาไม่แพ้")