เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นักแสดงชื่อดัง "ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์" และ "ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น" หรือ "กนกฉัตร มรรยาทอ่อน" เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีรีวิวเมจิกสกิน ตามหมายเรียก ต่อพนักงานสอบสวน ขณะที่นักแสดง-ดีเจ อีก 3 รายที่มีรายชื่อจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ขอเลื่อนไปก่อน ซึ่งผลปรากฎว่าทั้งคู่รับสารภาพ ขวัญมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งสามารถเทียบปรับ จ่ายค่าปรับ 1 แสน
ขณะที่ ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น มีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2552 ข้อหาโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษ ตาม ม.70 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถูกส่งตัวขึ้นศาลในวันนี้ทันที
ด้านนางเอก "ขวัญ อุษามณี" เผยว่าตนไม่ซีเรียสกับการถูกเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ยันที่ผ่านมารับรีวิวด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และหลังจากนั้นก็ไม่รับรีวิวสินค้าอีก ขออยู่ในเซฟโซนดีกว่า
"ก็เราก็ยอมรับผิดนะคะ เพราะว่าก็เกิดจากการที่เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต่อไปเราก็ต้องใช้ชีวิต เราเป็นคนสาธารณะก็จริง แต่ว่าเราก็ต้องมีความรอบคอบมากขึ้นในการใช้ชีวิต ในการพิจารณาต่างๆ ค่ะ ท่านตำรวจทุกๆ คน ก็ให้ความรู้ ให้ความกระจ่างเรา ว่าเราควรจะใช้ชีวิตในทิศทางแบบไหนค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนี้ ก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แล้วก็พี่ทนาย กับคุณอาเป็นคนจัดการดูแลต่อค่ะ"
"ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อยไปตามคุณธรรม จริยธรรมอยู่แล้วค่ะ ตามหลักทำนองครองธรรม ในสิ่งที่ถูกต้องแค่นั้นเอง"
บอกตนก็เป็นอีกคนที่เชื่อตามโฆษณา คนอื่นใช้ดีก็เลยบอกต่อ
"คือเราได้ของใหม่ๆ มา ความเป็นผู้หญิงเราก็ตื่นเต้น ได้ใช้ก่อน แต่ถามว่าเราได้ไปตรวจสอบไหม คือเราไม่ทราบ เราแค่เหมือนเห็นคนอื่นเขาใช้กันแล้วดี บอกต่อ เราก็เชื่อตามโฆษณาไปด้วยค่ะ"
"ถามว่าทดลองใช้กี่วัน คือเขาเอามาให้เรา 2-3 ซอง แล้วเราก็ใช้ ไม่ได้นับว่ากี่วันหรืออะไรแบบนี้ค่ะ มันอาจจะเป็นอนุมานของเราไปเองก็ได้ค่ะ ซึ่งเราใช้ก็เห็นผลนะคะ เราก็ใช้ หรือหน้าเราสวยอยู่แล้วด้วยมั้งคะ (หัวเราะ)"
"ส่วนถ้าให้ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่ขวัญใช้สามารถเห็นผลได้จริง อันนี้ขวัญว่ามันลึกเกินไปค่ะ ขวัญก็ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็ให้วิทยาศาสตร์เป็นตัวพิสูจน์ ทดลองแล้วกัน เพราะว่าอย่างเรามันเป็นแค่ลมปาก แต่ว่าหลักฐานทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้องค์ประกอบความรู้ แลปด้วย จะให้คำตอบดีที่สุดค่ะ"
ไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของผลิตภัณฑ์
"ไม่ค่ะ ก็คืออันนี้ขวัญว่าขวัญให้คำตอบชัดเจนเคลียร์ที่สุดแล้ว เรื่องรายละเอียดข้างหลังก็ต้องให้เป็นของแบล็กกราวน์ของตำรวจในกระบวนการของเขาต่อไป"
ปัดตอบค่าจ้างรีวิว ยันไม่รับรีวิวสินค้าแนวนี้อีกแล้ว อยู่ในเซฟโซนดีกว่า
"อันนี้ขอไม่ตอบได้ไหมคะพี่ (เป็นลักษณะเอเจนซี่มาจ้างหรือเราประสานกับเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง?) ไม่ใช่ค่ะ ขวัญว่าอันนี้คือขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจแล้วกันเนอะ ข้อเท็จจริง หรือการชี้แจงอะไร ขวัญมาบอกความกระจ่างตรงนี้โดยที่ครอบคลุมหมด หลังจากที่โดนอะไรแบบนี้ ก็ไม่รับงานรีวิวสินค้าแบบนี้อีกค่ะ ก็เป็นคนที่รู้จักที่สนิทติดต่อมาค่ะ ซึ่งขวัญไม่ได้รับแล้วค่ะ ขออนุญาตขอตัวนะคะ"
"ถามว่าไม่รับเพราะอะไร จริงๆ เราเสี่ยงเราเป็นคนสาธารณะมีความเสี่ยงก็เยอะ เพราะฉะนั้นเราก็อยู่ในที่ๆ ปลอดภัย เซฟโซนของเราดีกว่า แล้วก็ขอไปที่เซฟโซนก่อนนะคะตอนนี้ ขอตัวค่ะ ส่วนตำรวจจะนัดเพิ่มอีกไหม เป็นหน้าที่ทนายแล้วกันค่ะ ขวัญขอตัว ถามว่าเครียดไหม ไม่ค่ะ (ยิ้ม)"
ขณะที่ "ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น" เผยว่าวันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาและเบื้องต้นให้การสารภาพ ส่วนโทษจำคุกหรือปรับให้อยู่ที่ดุลยพินิจศาล
"จริงๆ วันนี้ผมเข้ามาตามหมายเรียกนะครับ แล้วก็เข้ามาฟังคำแนะนำซะส่วนใหญ่ ว่าทิศทางมันไปทางไหน มารับทราบว่าข้อกล่าวหามันเป็นยังไง ส่วนทางผมก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ และอยากทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องตามกฎหมายครับ เบื้องต้นก็รับสารภาพครับ เพราะมันเป็นอะไรที่เกิดจากการที่เรากระทำลงไปในโซเชียล ถึงแม้ว่าเราจะทำตามในสิ่งที่มีการได้สั่งมา"
ยอมรับหนักใจ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ตัวเอง และผู้บริโภค
"ผมไม่แน่ใจว่าหนักไหม แต่ที่แน่ๆ คือผิดกฎหมายครับ ถามว่าหนักใจไหม ผมก็มีหนักใจประมาณหนึ่งนะครับ แต่คือรู้สึกว่ามันเป็นอุทาหรณ์มากๆ ก่อนที่เราจะบริโภคอะไร หรือว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไร เราต้องศึกษาดีๆ ก่อน ไม่ใช่แค่ว่าตัดสินใจจากการศึกษาแค่แป๊บเดียว ต้องตัดสินใจเยอะๆ ครับ"
"ถามว่าต้องใช้เวลาในการพิจารณามากน้อยแค่ไหน ก็ไม่ได้นานมากครับ ด้วยตอนนั้นเป็นกระแสด้วย แล้วก็เห็นมีหลายๆ ท่าน ที่ได้ทำการรีวิว ประกอบกับเราได้ลองกินแล้วด้วย รู้สึกว่าก็โอเค เลยทำการรีวิวครับ ตอนที่ผมกิน มันไม่ได้มีผลอะไร เพราะว่าผมกินไป 2 ซอง ณ ตอนนั้นก็เข้าใจว่ากินแบบนี้ น่าจะกินระยะยาวถึงจะเห็นผล แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นอะไร"
รับงานรีวิวผ่านค่าย ตกใจรู้ข่าวว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย รีบลบออกจากโซเชียลทันที
"รู้สึกตกใจครับ วันที่ข่าวออกมาว่าตัวผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ผมตกใจมาก แล้วผู้จัดการตอนนั้นก็รีบโทร.มาว่ามันเป็นแบบนี้ๆ นะ เธอต้องรีบลบ ไม่งั้นจะเป็นการโฆษณา เราก็รีบทำการลบออกจากโซเชียลครับ ส่วนถามว่าได้ค่าตัวเท่าไหร่ อันนี้ไม่สะดวกดีกว่าครับ ก็เป็นการรับงานผ่านค่ายครับ ณ ตอนนั้น ซึ่งจริงๆ ทางค่ายเขาก็ทำดีที่สุด เช็กทุกอย่างแล้วครับ"
"ถามว่าจะกล้าใช้อะไรแบบนี้อีกไหม มันลำบากใจครับ เอาเป็นว่าถ้าจะรีวิวหรือใช้อะไร ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ที่แน่ๆ ต้องเป็นอะไรที่เราใช้เองด้วย"
เผยกรณีขึ้นศาล พร้อมรับผิดชอบ แต่ไม่ขอลงรายละเอียดด้านกฎหมาย
ทนาย : "เรียนสื่อมวลชนวันนี้น้องเขามาให้ข้อเท็จจริง ที่ทางตำรวจท่านได้เชิญมา ก็ได้รับความกรุณาจากท่านพล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา ต้องเรียนว่าในส่วนของน้องเองก็รู้สึกผิดนะครับ ในสิ่งที่กระทำไปโดยที่เราเองก็ไม่รู้ แล้วตอนก่อนจะมีการรีวิว ก็มีการตรวจสอบคุณสมบัติอย. แต่เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกล่าวอ้าง เราก็พร้อมที่จะรับผิดชอบครับ แล้วก็มายอมรับในสิ่งที่กระทำไป วันนี้สิ่งที่เราต้องการก็คือยอมรับในสิ่งที่เราได้ทำ ฝากไปถึงทุกๆ คน ว่าต่อไปจะบริโภคอะไรก็แล้วแต่ ต้องใช้ความระมัดระวังนะครับ"
"ส่วนเรื่องค่าปรับหรือประกันตัว อันนี้ได้หารือกับทางตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาครับ ก็มีขั้นตอนตามกฎหมาย ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดแล้วกันนะครับ"
โทษจำคุกและปรับอยู่ในดุลยพินิจศาล เพราะอีกฝ่ายไม่เคยกระทำผิดมาก่อน
ทนาย : "คือเนื่องจากน้องเองก็ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน แล้วก็ประกอบกับว่ารับสารภาพในสิ่งที่ได้กระทำไป อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลนะครับ"
"ถามว่ากังวลไหม ไม่กังวลครับ กังวลแค่ว่า ผมรู้สึกว่ามันเป็นอุทาหรณ์มากๆ ถ้าจะทำอะไร ต้องใช้ชีวิตมีสติมากขึ้น แม้กระทั่งฝากถึงทุกคนด้วยดีกว่าครับ ทั้งผู้ที่จะบริโภคสินค้าและผลิตภัณฑ์อะไร ต่อไปอาจจะต้องระวังมากขึ้น แล้วก็มีการตรวจสอบให้ละเอียดให้ดี อย่างน้อยคืออย่างผมก็เหมือนเป็นกระบอกเสียง เสียงหนึ่งได้ ถ้าเราเผยแพร่อะไรไปมันก็เป็นผลในวงกว้าง ก็ต้องมีสติมากขึ้น"
จากนั้น "พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา" รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนคดีเมจิกสกิน ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ดารานักแสดงทั้ง 2 คน ยอมรับทุกข้อกล่าวหา โดย "ขวัญ อุษามณี" มีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 (ข้อหาโฆษณาเครื่องสำอางด้วยข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) จะต้องไปเปรียบเทียบปรับที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
แต่สำหรับ "ไต้ฝุ่น กนกฉัตร มรรยาทอ่อน" ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2552 (ข้อหาโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ต้องถูกส่งตัวไปให้ศาลแขวงพระนครใต้ในบ่ายวันนี้ เนื่องจากความผิดอยู่นอกเหนืออำนาจของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาที่จะทำการเปรียบเทียบปรับได้
"ทั้งสองคนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหานะครับ ท่านแรกที่เป็นสุภาพสตรีนั้น ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบในเรื่องของการโฆษณาเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง คือกรณีที่ให้สัมภาษณ์ว่าหน้าใส ไร้สิว ไม่ง้อเข็ม ไม่เจ็บตัว ถือว่าเป็นการโฆษณาที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของเครื่องสำอางครับ ก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พุทธศักราช 2558 มาตรา 41 วรรค 2(1) ซึ่งมีโทษปรับตามมาตรา ซึ่งมีอัตราโทษตามมาตรา 84 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
"ในกรณีนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เป็นความผิดที่มีโทษปรับ จำคุกไม่เกิน 1 ปี เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ ทางพนักงานสอบสวน จึงทำหนังสือส่งตัวให้ไปทำการเปรียบเทียบปรับ หรือว่าเสียค่าปรับ ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาครับ ซึ่งเป็นการปฎิบัติตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง มาตรา 90 ครับ ก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้วนะครับ วันนี้เขาคงจะไปเปรียบเทียบปรับต่อไปครับ"
"ส่วนท่านที่สองนั้น ที่เป็นนักร้องชาย ก็มารายงานตัว แล้วก็แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่าโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ สรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความเชื่อโดยไม่สมควร เป็นความผิดตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังจากที่ทำการสอบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็จะส่งตัวไปปรับที่ศาลทันทีครับ"
"รายแรกเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง มาตรา 90 กำหนดไว้ว่า ถ้ามีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ แล้วก็ทางผู้ต้องหา ประสงค์ที่จะไปทำงานเสียค่าปรับที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทางเราพนักงานสอบสวน ก็จะมีหนังสือส่งตัวไปให้ทำการเปรียบเทียบปรับที่นั้นครับ"
"เมื่อผู้ต้องหาไปเสียค่าปรับ ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว แล้วนำหลักฐานการเสียค่าปรับมา ก็ถือว่าคดีอาญานั้นได้เสร็จสิ้นและยุติลง เราก็จะต้องทำสำนวนสั่งไม่ฟ้อง เพราะเนื่องจากเขาไปเสียค่าปรับ ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วครับ"
"ส่วนรายที่สองนี้ มีอัตราโทษจำคุก 3 ปี ซึ่งเกินอำนาจที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะทำการเปรียบเทียบปรับได้ จึงต้องส่งตัวฟ้องศาลครับ"
แย้มมีคนดังอีก 2 คนต้องโทษจำคุก 3 ปี พร้อมส่งให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
"ขณะนี้เหลืออีก 2 คนครับ ที่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร มีโทษจำคุก 3 ปี ส่วนที่เหลือผิดพระราชบัญญัติเครื่องสำอางอีก 9 คน ที่จะทยอยเข้ามารายงานตัววันที่ 12-13 มิถุนายนนี้ 9 คนมีโทษจำคุกแต่ไม่เกิน 1 ปีสามารถเปรียบเทียบปรับได้ที่เลธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แต่อีก 2 คนมีโทษเกิน 1 ปี ที่มีโทษตามพระราชบัญญัติอาหาร จะต้องส่งดำเนินการให้ศาลเป็นผู้พิจารณา"
"เนื่องจากความผิด มี 2 พระราชบัญญัติโทษไม่เหมือนกัน การปฎิบัติจริงไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี สามารถทำการเปรียบเทียบปรับที่ อย.ก็ได้ ในกรณีที่ผู้ต้องหาให้การสารภาพ แล้วประสงค์จะไปทำการเสียค่าปรับที่คณะกรรมการอาหารและยา เราก็จะทำหนังสือส่งตัวไปให้ครับ"
ชี้แจงกรณีโทษปรับไม่หนัก ดาราจะเกรงกลัวกฎหมายหรือไม่
"เป็นคำถามที่ดีครับ กรณีที่ผิดซ้ำสอง ผมคิดว่าในส่วนนี้ทางคณะกรรมการอาหารและยาจะปรับหรือไม่ปรับก็ได้นะครับ แล้วก็ในส่วนของค่าปรับนั้นสูงถึง 1 แสนบาท คืออัตราเต็ม 1 แสนบาท แต่ทางเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะปรับที่เท่าไหร่นั้น ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของเขาครับ แต่ในส่วนที่สอง มีอัตราโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท ถ้าครั้งแรกนั้น อาจจะพิจารณารอลงอาญา แต่ถ้าครั้งที่สองแล้ว อาจจะต้องลงอาญาแล้วเอาโทษที่รอลงอาญานั้นมารวมด้วยครับ"
ส่งรายชื่อผู้กระทำผิดกฎหมาย 54 ราย เหลืออีกประมาณ 24 ราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำลังพิจารณาความผิดอยู่ว่าเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่
"คดีของเมจิกสกินในส่วนที่ผิด ที่เราปรับไปแล้วนั้น ศาลก็ได้สั่งคำพิพากษาไปแล้วนะครับเรียบร้อย ขณะนี้ที่เราส่งไปให้ทางคณะกรรมการอาหารและยา ทำการพิจารณาว่ามีผู้ใดบ้าง ที่กระทำผิดกฎหมาย เราส่งไป 54 คน ขณะนี้ส่งกลับมาให้เราแล้ว 13 คน ส่วนที่เหลือนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาครับ"
"ใช้เวลาเป็นปีครับ เนื่องจากเขาต้องดูรายละเอียดเยอะ แล้วต้องมีการประชุมกันหลายครั้ง เพราะว่ากระทบเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ แล้วก็ชื่อเสียงของผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ทางนั้นจึงพิถีพิถันครับ แล้วก็พิจารณากันอย่างละเอียดครับ"
"ถามว่าชื่อเสียงสำคัญกว่าข้อกฎหมายหรือไม่ ข้อกฎหมายมันต้องมีหลายประเด็น มันต้องเอาข้อเท็จจริงเข้าไปประกอบด้วย บางทีเขาก็จะต้องมาขอให้ตำรวจมาเพิ่มเติม เอาสารประกอบในสิ่งที่โฆษณานั้น ไปดูว่ามีสารประกอบอะไรบ้าง ต้องสอบผู้เชี่ยวชาญอีก ขั้นตอนเยอะครับ”
เผยทั้งเซรั่ม เมสโซ่ , ครีโอ , สลิมมิ้ลค์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย ศาลสั่งให้ทำลายไปแล้ว
"บางผลิตภัณฑ์นั้น ศาลได้พิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็ได้พิพากษาให้จำหน่ายของกลาง คำว่าจำหน่ายของกลางคือ กำจัดของกลางที่เอาไปเผาที่สวนอุตสาหกรรมคราวที่แล้ว ที่จ.อยุธยา"
"ผลิตภัณฑ์ 3 ตัวดังกล่าวนั้น ศาลพิจารณาแล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมาย ศาลก็ได้พิพากษาให้ทำลายเป็นที่เรียบร้อย แล้วผมจำได้ว่าวันนั้นทำลาย ผมหยิบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์นี้ โชว์แล้วก็ทำลายครับ"
“ในส่วนนี้ทางอย.เพิ่งแจ้งกลับมาแค่ 13 คน ส่วนที่เหลืออีกส่วนหนึ่ง ยังไม่ได้แจ้งกลับมาครับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาครับ”
ยึดทรัพย์เจ้าของเมจิกสกินไปแล้ว 19 ล้านบาท และทรัพย์สินเช่นรถยนต์อีกส่วนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ขอให้ผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกงเข้ามายื่นเอกสารชี้แจงที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
"สำหรับผู้เสียหายในคดีเมจิกสกินขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวน ได้ยึดทรัพย์ และส่งปปง.ไปจำนวน 19 ล้านบาทเศษนะครับ ก็ขอให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้เสียหาย และมีหลักฐานเกี่ยวกับความเสียหาย ให้มายื่นขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ที่ปปง. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับ อันนี้หมายถึงผู้ที่ถูกฉ้อโกงครับ แต่ถ้าใครที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์ก็สามารถที่จะมาฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้ครับ ตามกฎหมายแพ่งต่อไป"
"ในการที่เรายึดได้ขณะเข้าทำการจับกุมมีแค่เงินสด 19 ล้าน แล้วก็มีทรัพย์สินน่าจะเป็นรถส่วนหนึ่ง อันนั้นเป็นส่วนเบื้องต้นที่พนักงานสอบสวนไปจับได้ในขณะที่กำลังเข้าจับกุม แต่หลังจากนั้น ปปง. ได้ทั้งคดีเมจิกสกินนี้ เป็นคดีฟอกเงินแล้ว เมื่อตั้งเป็นคดีฟองเงิน ทางเจ้าหน้าที่ปปง. ก็ทำการสืบทรัพย์ ทางตำรวจก็ทำการสืบทรัพย์ พอได้ทรัพย์มา ก็จะต้องมาดำเนินการขายทอดตลาด เพื่อนำทรัพย์สินนั้นมาตกเป็นของรัฐ หรือใช้คืนให้ผู้เสียหายครับ"
“ขณะนี้ผมก็ได้สั่งการให้ทีมสอบสวนแล้วก็สืบสวนของตำรวจไปทำการสืบสวนด้วยนะครับ แล้วก็ฝากพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย หากพบว่าทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาในเครือเมจิกสกินนั้น เก็บซ่อนไว้ หรือฝากทรัพย์สินไว้ที่ใครก็แจ้งเบาะแสด้วย เราจะได้ไปตามยึดคือให้ผู้เสียหาย หรือยึดคืนตกเป็นของแผ่นดิน ในกรณีที่ผู้เสียหายไม่มาร้องขอที่จะเฉลี่ยทรัพย์ แล้วก็ในส่วนนี้ขอฝากผู้ที่ช่วยเขาถือทรัพย์ ช่วยปกปิดซ่อนเร้น ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามฟอกเงินด้วย ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปีครับ"
"ถามว่าการติดต่อดารารีวิวผ่านเอเจนซี่ไหม จากการสอบสวนเบื้องต้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีการติดต่อโดยตรง แต่อย่างดารา ก็จะโดนผ่านผู้จัดการ แล้วก็จากพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาในเครือเมจิกสกินนั้น เขาจะใช้หลักการพิจารณาว่า สมมติเขาจะโฆษณาผลิตภัณฑ์เมสโซ่ เกี่ยวกับเรื่องผิวงาม เขาก็จะหาดาราที่ผิวงามๆ ใสๆ สวยๆ เขาใช้วิธีการเจาะบุคคลตรงครับ แล้วก็ติดต่อผ่านผู้จัดการส่วนตัวของดาราท่านนั้นครับ"