เมื่อ 20 ปีก่อน อังลี่ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการภาพยนตร์ ด้วยการปลุกชีพหนังกำลังภายในขึ้นมาอีกครั้ง crouching tiger hidden dragon หรือ พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก เป็นหนังกำลังภายในที่ทะเยอทยานที่สุดเท่าที่เคยมีมาเรื่องหนึ่ง หนังใช้ทุนสร้างมหาศาล และยังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกด้วย
โดย crouching tiger hidden dragon ได้นักแสดงเชื้อสายจีนที่ดังระดับโลกอย่าง โจวเหวินฟะ และ มิเชล โหย่ว มาประชันบทบาทกัน แต่ดาราที่ถูกพูดถึงมากที่สุดกลับเป็นดาราสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ตอนนั้นแทบไม่มีใครรู้จักเลย ซึ่งตอนนั้นคนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยเธอในชื่อ จางซิยี่ ตามตัวสกดภาษาอังกฤษ แม้ว่าจริง ๆ แล้วชื่อของเธอจะอ่านว่า จาง จื่ออี๋ ก็ตาม
พริบตาเดียว จาง จื่ออี๋ เข้าวงการบันเทิงมานานถึง 20 ปีแล้ว ตอนนี้นับได้ว่าเป็นรุ่งกลาง ๆ ของวงการบันเทิงจีนก็คงจะได้ โดยตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จาง จื่ออี๋ มีผลงานโดดเด่นมากมาย นอกจากงานในจีนแผ่นดินใหญ่แล้วก็ยังเป็นดาราจีนที่ได้รับงานจากฮอลลีวูดต่อเนื่องที่สุดคนหนึ่งด้วย
จาง จื่ออี๋ กรุงปักกิ่ง พ่อเป็นข้าราชการ แม่เป็นครูอนุบาล สอบเข้าโรงเรียนนาฏศิลป์ปักกิ่ง เรียนระบำพื้นบ้าน จากนั้นจึงสอบเข้าวิทยาลัยการแสดงแห่งชาติ สถาบันสอนการแสดงอันดับต้น ๆ ของประเทศ
จาง จื่ออี๋ เริ่มได้รับงานแสดงตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแล้ว ผลงานการแสดงชิ้นแรก Touching Starlight เป็นหนังสำหรับฉายทางทีวีที่ค่อนข้างจะทุนต่ำ และแทบไม่ได้รับความสนใจเลย แต่อย่างน้อยความส่วนโดดเด่นของ จาง จื่ออี๋ ก็เริ่มเป็นที่พูดถึงในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
จนในปี 2000 เธอจึงได้รับเลือกจาก จางอี้โหมว ให้แสดงนำในหนัง The Road Home ผลงานแนวโรแมนติกที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรม ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ หนังมากมาย ก่อนที่ในเวลาต่อมา จาง จื่ออี๋ จะดังไปทั่วโลกจาก crouching tiger hidden dragon
หลังจากนั้นชื่อเสียงของ จาง จื่ออี๋ ก็ดังติดลมบนทันที นอกจากจะได้เล่นหนังผลงานของผู้กำกับดัง ๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ แทบจะทุกคนแล้ว จาง จื่ออี๋ ก็ยังได้มีโอกาสรับงานแสดงในประเทศต่าง ๆ มากมาย
Musa หนังฟอร์มยักษ์จากเกาหลีในปี 2001 เป็นหนังเกาหลีแรกของ จาง จื่ออี๋ ตอนนั้น วงการบันเทิงเกาหลีกำลังเริ่มจะสร้างชื่อ และโดดเด่นจากผลงานแนวโรแมนติก แต่หนังแอ็กชั่นย้อนยุคเรื่องนี้ก็ทำให้แฟนหนังได้รับรู้ว่าเกาหลีก็ทำหนังแนวอื่นเป็นเหมือนกัน
ในปีเดียวกันนั้นเอง จาง จื่ออี๋ ก็ยังได้รับงานจากฮอลลีวูดเป็นครั้งแรก ในหนังแอ็กชั่นของ เฉินหลงเรื่อง Rush Hour 2 ซึ่งทำให้เธอแจ้งเกิดในฮอลลีวูดสำเร็จอย่างเป็นทางการ และได้รับงานที่นั่นอีกหลายเรื่องในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
จาง จื่ออี๋ ยังเคยไปรับงานแสดงที่ญี่ปุ่นในหนัง Princess Ragcoon ของคนทำหนังระดับตำนานของที่นั่นอย่าง เซจุน ซูซูกิ ด้วย
ก่อนจะได้แสดงเป็นคนญี่ปุ่นอีกครั้งใน Memoirs of a Geisha หนังฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูด ที่เล่าเรื่องเหตุการณ์ในญี่ปุ่น แต่ใช้นักแสดงส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายจีน และถ่ายทำเป็นภาษาอังกฤษตลอดทั้งเรื่อง จนถูกวิจารณ์ทั้งจากชาวญี่ปุ่นเอง ส่วนชาวจีนก็ตำหนิ จาง จื่ออี๋ ไม่น้อยเหมือนกัน ที่ไปรับงานแสดงเป็นคนญี่ปุ่นแบบนี้
จาง จื่ออี๋ ยังเคยนั่งเก้าอี้ผู้อำนายการสร้างหนังร่วมทุน จีน-เกาหลี เรื่อง Sophie's Revenge แถมยังดึงเอาซูเปอร์สตาร์เกาหลีใต้ โซ จี-ซ็อบ กับ ฟ่านปิงปิง ที่ตอนนั้นยังไม่ได้ดังระดับซูเปอร์สตาร์มาร่วมแสดงด้วย
แต่แม้จะเล่นหนังของหลาย ๆ ชาติ สุดท้ายหนังจีน ก็ยังเป็นงานที่โดดเด่นท่สุดของ จาง จื่ออี๋ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง THE GRANDMASTER หนังชีวประวัติยิปมัน ที่ตัวละครของ จาง จื่ออี๋ เด่นซะยิ่งกว่ายิปมัน ของ เหลียงเฉาเหว่ยซะอีก
THE GRANDMASTER คว้ารางวัลทั่วโลกมากมาย ตัวของ จาง จื่ออี๋ เองก็ได้รับรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ มากถึง 12 ตัว ถึงขั้นที่เธอบกว่าหลังจากนี้ ถ้าผู้กำกับ หว่องกาไว ต้องการ เธอก็พร้อมเล่นหนังของเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทอะไร หรือต้องเตรียมตัว 3 ปี 5 ปี จาง จื่ออี๋ ก็จะไม่บ่นอะไรเด็ดขาด
ล่าสุด จาง จื่ออี๋ ได้กลับมาเล่นหนังฮอลลีวูดอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง จาก The Cloverfield Paradox เมื่อ 2 ปีก่อน ในปีนี้เธอได้ร่วมแสดงในหนังฟอร์มยักษ์อย่าง godzilla king of the monsters ด้วย ก่อนที่ในปีหน้า จาง จื่ออี๋ จะได้ร่วมเป็นพยานในศึกสัตว์ประหลาด Godzilla vs King Kong เรียกว่าฮอลลีวูดในยุคนี้ ถ้าอยากได้นักแสดงหญิงชาวจีนขึ้นมา จางจื่ออี๋ ก็น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่พวกเขาคิดถึงอย่างแน่นอน