xs
xsm
sm
md
lg

“คานส์” ใครๆ ก็ไปได้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


#ยืนงงในดงคานส์
#เกิดที่ไทยตายที่คานส์ ……….
ที่ยกขึ้นมานี่คือส่วนหนึ่งของแฮทแท็กยอดฮิตประจำปีที่ผ่านมา ซึ่งคงไม่ต้องย้อนความว่าอะไรคือปฐมบทแห่งการเกิดแฮทแท็กเหล่านี้
แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ ก็คือ นั่นคือบทสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่ หมายรวมถึงสื่อมวลชนด้วย ดูเหมือนจะหลงลืมจุดประสงค์หลักของการจัดงานที่เมืองคานส์ไปเสียสิ้นแล้ว
เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1946 เพื่อนำเสนอผลงานภาพยนตร์จากทั่วทุกมุมโลกให้ผู้คนได้รู้จัก ไม่จำกัดอยู่เพียงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงภาพยนตร์แนวสารคดี อินดี้ หรือกระทั่งหนังอาร์ต อย่างไรก็ดี เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เริ่มมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จนสามารถขยับขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของเทศกาลภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ เทียบเคียงกับเทศกาลภาพยนตร์เวนิสของอิตาลี และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินของเยอรมนี
หากในยุคปัจจุบัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสายตาของคนไทย เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ กลายเป็นแค่ชื่อเรียก ที่คนแทบจะไม่สนใจแก่นแท้ของงานด้วยซ้ำว่า จะมีภาพยนตร์เรื่องไหนเข้าฉาย และเนื้อหาสาระที่ซ่อนอยู่ในภาพยนตร์แต่ละเรื่องคืออะไร เพราะสิ่งที่คนให้ความสำคัญ กลับกลายเป็นเรื่องของแฟชั่น เรื่องว่าดาราคนไหนจะได้ไปเฉิดฉายอยู่ในพรมแดงของงาน และแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ใด ? สวย สง่า สมฐานะ หรือไม่ อย่างไร ?
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่านางเอกหัวแถวอย่าง “ชมพู่ – อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ที่ไปบุกเบิกเปิดตลาดพรมแดงในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเครื่องสำอางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ และรับหน้าที่ดังกล่าวต่อเนื่องอย่างยาวนานมากว่าครึ่งทศวรรษนั้น ทำให้เทศกาลดังกล่าว กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาอย่างมาก

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า เทศกาลภาพยนตร๋เมืองคานส์ ถือเป็น 1 ใน 3 เทศกาลยักษ์ในแวดวงคนรักหนัง ในแต่ละปีจะมีบรรดาสื่อมวลชนจากทั่วโลก ไหลรวมมาอยู่ที่งานนี้เพื่อนำเสนอข่าว ว่ากันว่าไม่ต่ำกว่า 3-4,000 คน ฉะนั้นแล้ว เทศกาลนี้ย่อมเป็นที่หมายตาของบรรดาสินค้าระดับไฮเอ็นทั่วโลก ที่ต้องการใช้เป็นพื้นที่โฆษณาเพื่อให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จัก เป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น
ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์เครื่องสำอางที่มีชมพู่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ก็มาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน !!!

เอาจริงๆ การปรากฏตัวของชมพู่ กว่าพันก้าวบนพรมแดง กับ 19 ลุค ที่อวดโฉมผ่านภาพถ่ายกว่าสองพันห้าร้อยภาพตลอด 6 ปีนั้น แน่นอนว่าเธออาจจะไม่ใช่คนที่สื่อต่างประเทศทุกคนจะต้องพร้อมใจกันลั่นชัตเตอร์ แต่ถ้าผันมานับเป็นมูลค่าสื่อที่แบรนด์ได้รับรีเทิร์นกลับมานั้น ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
เอาง่ายๆ ว่าไม่มีสื่อสำนักไหนไม่ลงข่าวของชมพู่ และทุกครั้งที่ภาพและข่าวของชมพู่ถูกนำเสนอ ก็ต้องพ่วงมาด้วยชื่อแบรนด์สินค้ามาพร้อมกันเสมอๆ

มองมุมไหน คิดยังไงก็คุ้ม !!!!
แม้แต่ตัวของบชมพู่เอง ก็ได้โปรไฟล์ที่ดูเสมือนเป็นตัวแทนประเทศไทยที่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในเทศกาลระดับโลกแบบนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูหรู ดูแพง ดูเลอค่า และก้าวมายืนเป็นนางเอกหัวแถวได้อย่างสง่างาม ด้วยอานิสงส์แห่งพรมแดงเมืองคานส์โดยแท้
ระยะหลังพรมแดงเมืองคานส์จึงกลายเป็นที่ที่นักแสดงเอย แม้กระทั่งเทคอัพ อาร์ตติสท์เอย ใช้เป็นเวทีที่จะนำมาประชันขันแข่ง นำมาช่วงชิงพื้นที่สื่อ

แง่งามของการไปร่วมในเทศกาลดังกล่าว ถูกวัดค่าด้วยเสื้อผ้า หน้าผม ว่าใครจะเจิดจรัสกว่าใคร ใครเกิด ใครตายบนพรมแดง ประหนึ่งไม่ใช่เทศกาลหนัง แต่เป็นแฟชั่นวีค
กลายเป็นที่ที่ไม่ว่าใครก็ไปได้ถ้าได้รับการว่าจ้าง ไม่ต่างอะไรกับอีเวนต์ที่เห็นกันดาษดื่นตามห้าง เพียงแต่ว่าบังเอิญว่าไปจัดที่ต่างประเทศ โดยอาศัยความเป็นพรมแดงของเมืองคานส์เป็นฉากหลังเท่านั้น
เพราะโดยที่นักแสดงส่วนใหญ่ที่ไปนั้น ไปในฐานะตัวแทนของสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์

ถึงขนาดที่มีเรื่องดรามาตามมาว่าแค่มีเงินก็ไปพรมแดงเมืองคานส์ได้แล้ว

ไม่เฉพาะดาราไทยเท่านั้น แม้แต่นักแสดงจากแถบประเทศเพื่อนบ้าน ก็ล้วนแล้วแต่พยายามตะเกียกตะกายไปเมืองคานส์เพราะอยากโปรโมตตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหางแถวจากประเทศจีน อย่าง ”ซีเหยียนเฟย” เจ้าของรับบทนางสนมในซีรีส์สุดฮิต Story Of Yanxi Palace ที่ตกเป็นข่าวว่าโดนสื่อมวลชนขับไล่ของจากพื้นที่พรมแดง เพราะอยากจะถ่ายรูปดาราเกรด A ไม่ใช่ดาราเกรด ที่ไม่มีใครรู้จักอย่างเธอ
หรือกระทั่งตุ๊กตาหน้าเป็น “หง็อก ตรินห์” เจ้าของมงกุฎมิสเวียดนามอินเตอร์เนชั่นแนคนแรก ก็ขออาศัยพื้นที่พรมแดงเมืองคานส์เพื่อสร้างชื่อให้คนรู้จักไปด้วยโลก ด้วยการอวดโฉมในชุดซีทรูสุดเซ็กซี่ ซึ่งแม้จะโดนกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ไปในทางลบ แต่ก็แลกมาด้วยการที่ภาพและชื่อของเธอได้ไปปรากฏอยู่ในสื่อดังๆ อย่าง เดลี่เมล, เดอะซัน ฯลฯ

จากเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก กลายเป็นแค่สนามอีเวนต์ที่ใครๆ ก็ไปกันได้

พรมแดงที่ควรจะเป็นพื้นที่ให้ผู้คนได้ก้าวเดินอย่างมีเกียรติ และได้รับการยกย่อง กลายเป็นแค่ลานดินที่ผู้คนใช้เป็นที่โฆษณาตัวเอง จนไม่หลงเหลือความขลังใดๆ ให้ผู้คนได้ชื่นชมอีกแล้ว

นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25-31 พฤษภาคม 2562
กำลังโหลดความคิดเห็น