เป็นไปตามคิด เมื่อตัวเลขเรตติ้งตอนจบของละคร “กรงกรรม” พุงขึ้นไปแตะที่ตัวเลขสองหลัก ด้วยยอดสรุปของทั่วประเทศที่ 11.1 และเฉพาะในกรุงเทพ 14.5
มาแรงแซง “ทองเอกหมอยาท่าโฉลง” ครองอันดับหนึ่งของละครเรตติ้งสูงสุดประจำปีนี้ไปเรียบร้อยโรงเรียนมาลีนนท์แล้ว
สำหรับ “ทองเอกฯ” นั้น ต้องบอกว่าเป็นแนวตีหัวเข้าบ้าน ทำคะแนนนำโด่งมาตอนต้นเรื่อง แล้วก็ค่อยๆ แผ่วลง สวนทางกับ “กรงกรรม” ที่ออกสตาร์ทไม่สู้ดีนัก แต่ตัวเลขค่อยๆ วิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ตามความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง และการสาดพลังของนักแสดง ที่ใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหลัก หรือนักแสดงแวดล้อม ที่ต่างก็มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ประการที่สำคัญ ก็คือเป็นละครที่ต้องยอมรับว่าตัวเลขเรตติ้งกับกระแสโซเชียลไปในทิศทางเดียวกันจริงๆ ถ้าเทียบกับบางเรื่องที่กระแสโซเชียลดี แต่เรตติ้งไม่ขึ้น
อย่างที่เคยเขียนชื่นชมผู้จัด อย่าง “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง” แห่ง “แอคอาร์ต เจเนเรชั่น” ไปแล้ว ในแง่มุมของการมีรสนิยมในการเฟ้นหาบทประพันธ์มาสร้างเป็นละคร ชนิดที่ “มองขาด” ว่าตลาดในแต่ละช่วงต้องการเสพละครประเภทไหน อีกหนึ่งจุดแข็งในฐานะผู้จัดของอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ก็คือความสามารถในการดึงศักยภาพในตัวของนักแสดงมาใช้ในละครแต่ละเรื่องได้อย่างเต็มที่
“นุ่น-วรนุช” ที่ด้วยรูปโฉมโนมพรรณ มองยังไงก็ไม่ใช่ “อีลำยอง” ในละคร “ทองเนื้อเก้า” แต่เขาก็สามารถสร้างนุ่นให้กลายเป็นสาวขี้เหล้าเมาหยำเปจนคนดูเชื่อสนิทใจ
“แต้ว-ณฐพร” ก็กวาดรางวัลแทบจะครบทุกสถาบัน ผ่านฝีมือการเจียระไนของผู้จัดคนนี้ ตั้งแต่เรื่อง “คุณชายรัชชานนท์” จนมาพีคสุดๆ จากบท “เจ้าแม่นาคี”
มาจน “เบลล่า-ราณี” ใน “กรงกรรม”
หลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่า นางเอกหน้าหวานอย่างเบลล่า จะมารับบทเป็นโสเภณีสุดแซ่บในละครเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะมันช่างแตกต่างกันสุดขั้วจากคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เคยฝากฝีมือไว้ ไม่ว่าจะเป็นนางเอกผู้แสนดี อย่าง “พิมาลา” จาก “เพลิงบุญ” หรือ “แม่หญิงการะเกด” จาก “บุพเพสันนิวาส”
แต่เมื่อเห็นผลงานการแสดงในละครเรื่องนี้ กับบทบาทที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังออกปากว่าแรงที่สุดในชีวิตการแสดง ทุกคนก็ยอมรับอย่างหมดใจว่าเธอคือ “เรณู” โสเภณีแห่งตาคลี และเป็นซ้อใหญ่แห่งบ้านแบ้โดยไม่มีข้อกังขา
และที่ต้องจารึกไว้เป็นโปรไฟล์ในฐานะนางเอก ก็คือเบลล่าเป็นเจ้าของสถิตินางเอกของละครอันดับหนึ่งติดต่อกันมาสองปีซ้อน นับจาก “บุพเพสันนิวาส” เมื่อปีก่อน มาจน “กรงกรรม” ในปีนี้ ซึ่งคงไม่ใช่ว่านางเอกทุกคนที่จะทำสถิติเช่นนี้ได้ แม้แต่เบอร์ใหญ่อย่างนุ่น-วรนุช หรือกระทั่งรุ่นเดียวกันอย่างแต้ว-ณฐพร แม้แต่ “ญาญ่า-อุรัสยา” นางเอกเบอร์หนึ่งของช่องเองก็ตามที
และยิ่งถ้าย้อนดูเส้นทางการเป็นนักแสดงตั้งแต่เริ่มเข้ามาอยู่ใต้ร่มเงาของช่อง 3 ก็ยิ่งเซอร์ไพรซ์หนักมาก
หลายคนอาจจะจำไมได้ว่า เบลล่าไม่ได้ถูกเริ่มต้นปลุกปั้นให้เป็นนางเอก ตรงกันข้าม กลับรับบทเป็นนางร้ายด้วยซ้ำ ในละคร “รอยมาร” ซึ่งครานั้นมี “มาร์กี้-ราศรี” เล่นเป็นนางเอกนำ คู่กับ “บอย-ปกรณ์”
ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน ที่นักแสดงที่เริ่มต้นจากการเป็นนางร้าย จะถูกผลักดันให้ก้าวมารับบทนางเอก แต่ข้อกำหนดกฏเกณฑ์ดังกล่าว คงไม่ใช่สำหรับเบลล่า เพราะในละครลำดับที่ 3 “พรพรหมอลเวง” เธอก็ได้รับมอบหมายให้เป็นนางเอกอย่างเต็มตัว หากก็ยังไมได้ฉายแสงอย่างเต็มที่ เพราะบทเด่นจริงๆ ไปตกอยู่ที่นักแสดงเด็กที่รับบทเป็น “น้องเมย์”
จนเมื่อ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร” นั่นเอง ที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ส่งให้เบลล่าก้าวขึ้นมาอยู่ในระนาบเดียวกับนางเอกร่วมรุ่นอีกหลายคนในช่อง 3 แม้ด้วยบารมี และชื่อเสียง อาจจะยังเป็นรองนางเอกอีกหลายคนก็ตามที
แม้แต่บท “แม่หญิงการะเกด” จากละครดังแห่งปีที่แล้ว อย่าง “บุพเพสันนิวาส” ที่ส่งให้เธอโด่งดังแซงหน้านางเอกคนอื่น เบลล่าก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่ผู้จัดอย่างบรอดคาซท์หมายมั่นจะมอบบทนี้ให้ ถ้าไม่บังเอิญว่าตอนนั้น “ชมพู่-อารยา” บอกปัดบทนี้ไปเสียก่อน
จังหวะ โอกาส แม้กระทั่งดวงก็ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรเสีย สุดท้ายยังมองว่าความสามารถ และเชิงชั้นทางการแสดงต่างหาก ที่นับว่าเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญกว่าที่นำพาให้เบลล่าก้าวมาไกลถึงขนาดนี้
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 49 4-10 พฤษภาคม 2562