xs
xsm
sm
md
lg

50 ปี "บุ๋ม ตรีรัก" กับชีวิตโสดที่ไม่เคยเหงา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"บุ๋ม ตรีรัก รักการดี" ชื่อนี้สำหรับเด็กรุ่นใหม่ๆ อาจจะสงสัยว่าเธอคือใคร? แต่สำหรับคนที่มีอายุ 40 เป็นต้นไปเชื่อว่าส่วนใหญ่คงจะจดจำนักแสดง-นักร้องหญิงคนนี้ได้เป็นอย่างดี

"บุ๋ม ตรีรัก" เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากเวทีประกวดหนุ่มสาวแพรว ก่อนไปเป็นนักแสดงดาวรุ่งของช่อง 3 หลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็ถูกเลือกตัวให้เป็นนางเอกของช่องในละครแม่นาค "พระโขนง" และมีผลงานตามออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หลังออกงานเพลงอัลบั้ม "Moody ตรีรัก" ในสังกัดคีตา เรคคอร์ดส กับภาพลักษณ์ของสาวเซ็กซ๊่กางเกงคืบเดียว โดยมีเพลงท่อนฮุคคุ้นหูอย่าง "มีแฟนหรือยังจ๊ะ" จู่ๆ เจ้าตัวในวัย 30 กว่าปีก็ตัดสินใจอำลาวงการไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นานร่วม 20 ปีวันลองมาฟังคำตอบจากเจ้าตัวว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ตัดสินใจเช่นนั้นทั้งที่เส้นทางบันเทิงก็ยังมีทางเดินให้เธอโลดแล่นอยู่ทั้งในฐานะนางแบบ นักแสดง นางเอก หรือนักร้อง

"คือตอนนั้นรู้สึกอยากมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องงานและเรื่องไลฟ์สไตล์ของตัวเราเอง และความฝันคืออยากบินไปเมืองนอก อยากเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ก็เลยคิดว่าวงการบันเทิงมันถึงจุดอิ่มตัวของเราแล้ว อีกอย่างคืออยากเป็นสาวโสด คือตอนนั้นพี่มีแฟนอยู่แล้ว พี่รู้สึกว่าผู้หญิงวัย 30 ต้องการอะไรมากกว่านั้น พี่ต้องการอิสระ"

"พี่รู้สึกว่าตอนเด็กๆ วัยรุ่นพี่มีแฟนเร็ว แล้วพี่เป็นคนที่คบแฟนนาน 7 ปีขึ้นทุกคน พี่รู้สึกว่าพี่ขาดช่วงของการเป็นสาวโสดวัยรุ่น ทำงานตั้งแต่เด็กด้วย แถมมีแฟนตั้งแต่เด็กด้วย พอถึงวัย 30 แล้วรู้สึกว่าฉันเบื่อ ฉันอยากอยู่คนเดียว อยากทำอะไรตามฝันของฉัน นี่ก็เลยเป็นการตัดสินใจของพี่ว่าฉันขอไปเรียนต่อ"



ไม่ลังเล ทั้งๆ ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย สอบตกได้ F ตลอด
"ไม่เลยค่ะ ถ้าคนที่รู้จักพี่จริงๆ เขาจะรู้เลยว่าพี่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก พี่เป็นคนที่กล้าตัดสินใจและมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง ซึ่งพี่แค่อยากเดินตามความฝันของพี่ ซึ่งความฝันพี่ไม่ได้เดือดร้อนใคร แล้วพี่ก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แค่พี่คิดทำในจุดที่พี่ต้องการ และพี่รู้ตัวเองอย่างหนึ่งว่าพี่เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยท้อแท้"

"พี่เหมือนกบหูหนวกพี่ไม่เคยฟังใครที่ทำให้พี่หวั่นไหว ใครจะทักยังไงก็แล้วแต่พี่ไม่สนใจ แต่ถ้าถามว่ายากมั้ย ก็ร้องไห้ทุกวัน สามปีพี่ไม่กลับมาเมืองไทยเลย พี่ต้องการความเข้มแข็ง ยากสิค่ะ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี เงินก็มีอยู่ก้อนเดียว เพราะฉะนั้นกลางวันเรียน กลางคืนก็ต้องทำงาน"

"แล้วงานที่ง่ายที่สุดสำหรับเด็กไทยแบบเรา ก็คืองานเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหาร พี่ทำงานเสิร์ฟอาหารอยู่ 4 ปี จนกระทั่งมีเงินเก็บ แล้วพี่ก็เลยไปเรียนตัดขนสุนัข คราวนี้พี่ไปใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนต่างชาติอย่างเดียวเลย เมื่อก่อนมั่นใจอยู่แล้วคราวนี้มายิ่งมั่นใจกว่าเดิม"



มีสาขาอาชีพให้เลือกมากมาย ทำไมถึงเลือกเรียนตัดขนสุนัข?..."จุดเริ่มต้นคือ พี่เป็นคนรักน้องหมามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ได้เห็นได้เลี้ยงน้องหมามาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มีความผูกพันกับน้องหมาเป็นทุนเดิม และมีเพื่อนที่เป็นบรีดเดอร์ที่นำน้องหมาต่างประเทศเข้ามาลี้ยงหลายพันธุ์"

"ก็ไปเรียนตัดขนสุนัขและแมว เรียนอยู่ประมาณ 1000 ชั่วโมง และจึงจะได้รับประกาศนียบัตรการเป็นกรูมเมอร์ ซึ่งพี่ก็ทำงานอาชีพนี้มา 16-17 ปีแล้ว พี่ก็พยายามเรียนรู้เอาประสบการณ์จนเป็นหญิงไทยคนเดียวที่ได้ใบประกาศนียบัตรมาสเตอร์กรูมเมอร์ของ American Kennel Club (AKC) ซึ่งเป็นสมาคมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก"

ที่ผ่านมาเคยคิดมั้ยว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ทิ้งวงการไปทั้งที่เรายังมีชื่อเสียงอยู่
"คุ้มค่ามากที่สุด ทุกคนบอกว่าพี่ตัดสินใจถูกแล้วที่ไป เมื่อก่อนพี่ยอมรับว่าพี่มีอีโก้สูง สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง คนจะด่าพี่มาก แต่หลังจากที่ไปเป็นเสิร์ฟอาหารอยู่ 4 ปี นิสัยพี่น่ารักขึ้นทันทีเลย และงานของพี่เป็นงานที่ต้องเทคแคร์คน เพราะต้องการทริปจากเขา จุดนั้นทำให้พี่เปลี่ยนตัวเองจากที่ไม่เคยแคร์คนอื่นพี่กลับแคร์คนอื่นมากขึ้น"

"จากที่เป็นคนไม่ค่อยพูดกับใครพี่กลายเป็นคนที่เฟรนลี่ยิ้มแย้มแจ่มใสไปคุยกับเขาก่อน พี่เปลี่ยนไปเลย 3 ปี ที่พี่กลับมาเมืองไทยทุกคนเหวอ เพื่อนสนิทครอบครัวบอกทำไมเดี๋ยวนี้คุยเก่งจัง ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด อีกอย่างพี่ได้ภาษาอังกฤษ และได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติ ได้เปิดโลกทัศน์ ตอนนี้พี่สามารถเดินทางไปทั่วโลกได้แล้ว"



ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี "บุ๋ม ตรีรัก" ในภาพจำของหลายคนก็คือสาวเซ็กซี่เจ้าของแฟชั่นกางเกงแค่คืบ
"ถ้าในยุคนั้นใครๆ ก็บอกว่าพี่เป็นต้นแบบของกางเกงที่สั้นที่สุดในเมืองไทยและโชว์สะดือ คือจริงๆ พี่อยากบอกว่าที่พี่ใส่แบบนั้นเพราะมันเป็นเรื่องของการทำงาน พี่ไม่เคยใส่กางเกงคืบเดียวเดินตามท้องถนน ไม่เคยใส่กางเกงขาสั้นนั่งรถแท๊กซี่เพราะมันไม่ปลอดภัยสำหรับเรา พี่จะใส่แค่อยู่บนเวทีกับออกรายการสัมภาษณ์"

"อย่างยุคปัจจุบันพี่บอกตามตรงว่ารุนแรงมากในเรื่องการแต่งกาย พี่คิดว่ามันไม่ปลอดภัย คือถ้าเกิดคุณมีรถโอเค แต่ถ้าเกิดขึ้นรถไฟฟ้าคุณไม่คิดบ้างหรอว่าความปลอดภัยมันไม่มี อันนี้พี่พูดในฐานะที่พี่เป็นคนริเริ่มในการแต่งตัวเซ็กซี่ และถึงแม้ว่าพี่เป็นผู้หญิงไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมานาน พี่อาจจะได้รับวัฒนธรรมของเขามามาก แต่พี่ก็ไม่เคยลืมว่าพี่เป็นผู้หญิงไทยที่รู้กาลเทศะอยู่ตรงไหนในการแต่งกายของเรา"



ตั้งแต่ตัดสินใจโสดก็โสดมาจนถึงตอนนี้?
"ก็มีคนมาถามพี่ว่าทำไมไม่ยอมมีแฟนอีกเลย ทำไมถึงไม่ยอมแต่งงาน ทำไมพี่บุ๋มกล้าที่จะอยู่คนเดียว พี่ก็บอกตามตรงว่าพี่อายุมากแล้ว และพี่เป็นคนที่มีกฎเกณฑ์เรื่องความรักเยอะมาก คือผู้ชายต้องไม่เจ้าชู้ ผู้ชายของฉันต้องเป็นของฉันคนเดียว ผู้ชายของฉันต้องทำงานเสร็จกลับบ้าน แล้วต้องทำกับข้าวเป็น ถ้าคุณทำกับข้าวไม่เป็นคุณต้องมีแม่บ้านมาทำกับข้าวให้ฉัน และอย่าหวังว่าฉันจะมาเทคแคร์คุณ เพราะฉะนั้นยากค่ะที่จะมีแฟน"

"อีกอย่างพี่ไม่เคยเข็ดกับความรัก มีผู้ชายตามจีบพี่เยอะแยะ กล้าพูดได้เลยว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนแค่เดินขึ้นเครื่องก็มีหนุ่มๆ มองแล้ว บางคนส่งข้อความมาบอกว่าผมขอจีบพี่ได้มั้ยถึงแม้พี่จะเป็นรุ่นแม่ ซึ่งเราก็ตอบไปว่าอย่าเสียเวลากับคนแก่คนนี้เลย ถ้าเกิดพี่จะมีแฟน แฟนคนนั้นต้องเก่งกว่าพี่ ถ้าเกิดตอนนี้พี่มีทุกอย่างแล้ว ผู้ชายคนนั้นต้องมีมากกว่าพี่ ถึงจะจีบผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและเก่งมาก"

"คือพี่ไม่ได้หมายถึงผู้หญิงเก่งต้องรวย แต่เป็นผู้หญิงที่สามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ ผู้หญิงเก่งในสายตาพี่คือมีสมองสองมือและไม่ท้อถอย"

หลายคนมองว่าความโสดมันน่ากลัว..."แต่สำหรับบุ๋ม ตรีรัก มันไม่ได้น่ากลัว เพราะพี่อยู่ด้วยตัวเองได้ พี่เป็นคนไม่เหงา พี่มีเพื่อนเยอะและเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว พูดตรงๆ 7 วัน พี่ทำแต่งาน ทำงานเสร็จอ่านนิยายออนไลน์อยู่บ้าน แล้วก็อยู่กับลูกๆ (น้องหมา) สำหรับพี่แล้วพี่ไม่เคยเหงา"


กำลังโหลดความคิดเห็น