วันนี้ขอพักเรื่องหนังหันมาดูละครที่เป็นกระแสอยู่ในช่วงนี้บ้างเดี๋ยวจะหาว่าไม่ทันสังคม
ได้รับการต้อนรับที่ดีมากๆ ทั้งในเรื่องของตัวเลขเรตติ้งและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับละครเรื่อง "กรงกรรม" ทางช่อง 3 อีกหนึ่งผลงานคุณภาพจากค่าย แอค-อาร์ต เจเนอเรชั่น ของผู้จัดและผู้กำกับชื่อดัง "อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ที่ได้ "อู๋ ธนากร โปษยานนท์" มาช่วยกำกับในช่วง 30% ท้ายของเรื่อง
กับความสำเร็จที่เกิดกับละคร "กรงกรรม" ในครั้งนี้ต้องบอกว่ามีหลายมุมมองให้น่าพูดถึงไม่น้อย
ย้อนกลับไปก่อนหน้า ผู้จัด-ผู้กำกับคนดังเคยประสบความสำเร็จมาแล้วมากๆ กับละครดรามา เนื้อหาหนักๆ คล้ายๆ กันอย่าง "ทองเนื้อเก้า" ในปีพ.ศ. 2556 ที่ทำเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.56 แต่กระนั้นหากมองในเรื่องของการเป็น "กระแส" แล้วก็ต้องบอกว่า "กรงกรรม" ดูจะมีมากกว่า
ไม่ใช่แค่เพียงเนื้อหาที่เป็นดรามาหนักๆ หากแต่ "กรงกรรม" ยังมีการเล่าเรื่องที่ดูแปลกแตกต่าง ด้วยการเล่าย้อนสลับกลับไปกลับมา ที่สำคัญยังมีตัวละครมากตัวซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กับการที่จะให้ตัวละครที่มากตัวเหล่านี้เชื่อมโยงเป็นโลกเดียวกันและแลดูมีบทบาทมีความสำคัญต่อเรื่องราวไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันและกันแต่อย่างใด
แต่ "กรงกรรม" ทำได้และทำได้ในสัดส่วนที่ดีมาก
ในขณะที่ละครไทยเรื่องอื่นๆ ส่วนใหญ่ เราจะเห็นเส้นแบ่งที่ค่อนข้างชัดเจนระหว่างความเป็น "ตัวร้าย" กับ "ตัวดี" หรือมีพระเอก นางเอก ผู้ร้าย ที่เปิดฉากมาเป็นอย่างไรก็เป็นตัวละครตัวนั้นๆ ไปจนจบ แต่สำหรับ "กรงกรรม" ทุกตัวละครไม่ว่าจะเป็น ย้อย, เรณู, เฮียใช้, พิไล, อาตง, อาซา ฯลฯ ทุกตัวต่างล้วนมีบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปตาม "กรรม" ของตัวเองทั้งสิ้น
ตรงนี้นี่เองที่ทำให้ตัวละครเหล่านี้สัมผัสได้ถึงความเป็น "คน" จริงๆ ที่พบเห็นได้ในสังคมทั่วไป
นอกจากความพิพีพิถันกับการเลือกบทประพันธ์ ความปราณีตต่อคอสตูม ฉาก โลเกชั่นที่สมจริงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ดูจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของตัวผู้จัด-ผู้กำกับคนนี้ไปแล้วก็คือความสามารถในการดึงเอาศักยภาพของนักแสดงออกมาให้ได้เห็นกันจริงๆ ว่าแต่ละคนนั้นจะสามารถเข้าถึงอารมณ์จากบทบาทที่ได้รับมากน้อยเพียงใด
รวมไปถึงความกล้าที่จะมอบบทแรงๆ ให้กับนักแสดงที่บางครั้งงบางคราก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเจ้าตัวจะยอมมาแสดง ไม่ว่าจะเป็น "เบลล่า ราณี แคมเปน" กับบทโสเภณี, การสวมวิญญาณ "ย้อย" ของ "ใหม่ เจริญปุระ" หรือ "นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี" กับบท "ลำยอง" ใน "ทองเนื้อเก้า" ในก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นละครที่มีเนื้อหาหนักๆ ดีกรีอารมณ์ตัวละครระเบิดออกมาพุ่งปรี๊ด แต่กระนั้น "กรงกรรม" เองก็ไม่ทิ้งบทบาทหน้าที่ในฐานะผู้ให้ความบันเทิงไม่ว่าการจบที่ค่อนข้างแฮปปี้เอนดิ้ง หรือจะเป็นตัวละครคาแรกเตอร์เดียวอย่าง "ป้าเม้า" (เหมี่ยว ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) ที่ช่วยเบรกอารมณ์ที่กำลังตึงๆ อยู่ และเป็นสีสันของเรื่องได้เป็นอย่างดี
ส่วนที่ดูแปลกๆ ฟังแล้วรู้สึกขัดๆ ไปสักหน่อยของ "กรงกรรม" ก็เห็นจะเป็นในส่วนของบทสนทนาบางช่วงบางตอนที่ตัวละครพูดออกมาเป็นคำคม คำสอน ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่จำเป็นเลยก็ได้ เพราะต่อให้ไม่ต้องพูดออกมา แต่คนดูก็น่าจะเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจาก "ผลกรรม" ของแต่ละคนแล้วนั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร "กรงกรรม" ก็คือละคร "น้ำดี" อีกเรื่องที่ฟันธงได้เลยว่าจะกวาดรางวัลได้เกือบทุกเวทีมีชื่อเข้าประกวดอย่างแน่นอน