“ปู ไปรยา” ส่งทนายซัดตู้ม เปิดทุกเม็ด “ต้นหอม-มะตูม” ผิดสัญญาไม่ยอมแจงบัญชี พิรุธยอดขายไม่ตรงกับบัญชี แถมไปจดทะเบียนการค้าเองทั้งที่ในสัญญาระบุทะเบียนการค้าต้องเป็นของปู ซ้ำไม่ยอมจดทะเบียนบริษัทใหม่เพราะต้องการอำนาจบริหารเต็มและให้เงินพุ่งเข้าบริษัทของตน ลั่นบอกเลิกสัญญาก่อนแต่ไม่ฟ้องเพราะกลัวผลกระทบตัวแทน แต่ตอนนี้จะฟ้องกลับเอาเงินค่าเสียหายมาหารให้ตัวแทน
แถลงข่าวชนกันเลยทีเดียวสำหรับ “มะตูม เตชินท์ พลอยเพชร” กับ “นายบวรสิทธิ์ นิติยวาณิชย์” ทนายความของ “ปู ไปรยา” กรณีปูยกเลิกสัญญาสินค้ากับ อาหารเสริม Praya by LB Slim บริษัท ak91 ของ “ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์” และมะตูม ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการไม่ชัดเจนในเรื่องของการเคลียร์บัญชียอดขาย พร้อมกับบอกว่า สงสารตัวแทน ทำเอาต้นหอมและมะตูมต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ปูเป็นบอสไม่ใช่แค่พรีเซ็นเตอร์แบ่งผลประโยชน์เท่ากัน และตนเป็นฝ่ายปลดปูและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ส่วนรายละเอียดให้เอาหลักฐานไปคุยกันในชั้นศาล ด้านทนายความของปูเปิดแถลงข่าวเคลียร์ทุกเม็ด ต้นหอมมะตูมเสนอให้เป็นหุ้นส่วน แต่ปูไม่เห็นด้วยขอเสนอเป็นการตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ผลประโยชน์แบ่งตามสัดส่วน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเพราะต้องการอำนาจการบริหารเต็มที่และเงินต้องพุ่งเข้าบริษัทของต้นหอมมะตูมเท่านั้น
ยันแบ่งกำไรจริง แต่ปูไม่ได้ถือหุ้นไม่ได้เป็นกรรมการบริษัทไม่สามารถตรวจสอบรายรับรายจ่ายได้ จึงกำหนดกติกาให้อัพเดทบัญชีทุกเดือน แต่กลับมีการลงบัญชีไม่ตรงกับยอด ในสัญญาการจดทะเบียนการค้าต้องเป็นปู แต่ก็ไปจดกันเอง พอเคลียร์ไม่ได้ปูจึงขอยกเลิกสัญญาไม่ฟ้องเพราะกลัวกระทบตัวแทน แต่ฝ่ายต้นหอมมะตูมยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ปูเก็บเงียบไม่ให้ข่าวเพราะสงสารตัวแทนอยากให้เจรจา มาถึงตอนนี้คงต้องฟ้องกลับเพื่อให้เรื่องจบ
“ที่ปูไม่ได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ผมเป็นตัวแทนก็จริงแต่ตั้งแต่เริ่มดีลเจรจาโครงสร้างทางธุรกิจ การร่างสัญญาผมเป็นคนทำเองทั้งหมดจะเป็นแนวเขาส่งดราฟมาเราส่งแก้ไขกลับ ผมขอใช้คำว่าเราแทนคุณปู บริษัทแทนคู่พิพาท ส่วนตัวแทนคือลูกค้า ไอพีแทนทรัพย์สินทางปัญญา ผมได้ลิสต์ประเด็นที่สังคมอยากจะทราบออกมาเป็น5 ข้อดังนี้”
ทางบริษัทของ “ต้นหอม มะตูม” ไม่ยอมให้ตั้งบริษัทใหม่และแบ่งผลประโยชน์ตามสัดส่วน เพราะต้องการอำนาจในการบริหารเต็มที่ และเงินต้องพุ่งเข้าบริษัทของตนเท่านั้น
“1.สรุปปูเป็นเจ้าของหรือเป็นแค่พรีเซนเตอร์ สัญญาดราฟแรกที่เขาส่งมา แล้วปูโทรมาคุยกับผมว่าโจทย์ที่เขาอยากได้คือเป็นบอส ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นบอสมันคือยังไง หลังจากอ่านสัญญาที่เขาส่งมา มันก็ออกมาในลักษณะหุ้นส่วนที่ 1-2-3 ผมก็บอกปูไปว่า แบบนี้พี่ว่ามันไม่โอเคนะ อย่างนี้มันเข้าลักษณะหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน เกิดมีปัญหาอะไรขึ้นปูจะรับผิดชอบไหวเหรอ เพราะมันต้องร่วมรับผิดกันทุกคน งานของเราเราแค่มาร่วมโฆษณาประชาสัมพันธ์ เรื่องการบริหารเราไปบริหารให้เขาไม่ได้นะ ผมก็เลยเปลี่ยนสัญญาใหม่ เป็นลักษณะสัญญาผู้ถือหุ้น ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาทุกคนแบ่งผลประโยชน์กันตามสัดส่วน แต่ดราฟนี้ล้มเพราะความต้องการหรือโจทย์จริงๆ ของบริษัทเขาต้องการมีสิทธิ์ที่จะบริหารอย่างเต็มที่ เงินที่ได้รับจะต้องพุ่งเข้าบริษัทเท่านั้น”
“ผมก็โอเคไม่เป็นไร อยากให้จะเป็นโมเดลแบบเดิมๆ ที่บริษัทมีอยู่ ผมเลยเปลี่ยนสัญญาและให้เป็นโมเดลใหม่เรื่องของการใช้สิทธิ์ เพราะว่าปูเป็นบุคคลสาธารณะ รูปโฉม ชื่อ ภาพลักษณ์ทั้งหลายสามารถเอาไปใช้ในทางพาณิชย์ได้ ผมเลยทำสัญญาเป็นการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ แล้วตกลงกันว่าไม่ว่าไอพีใดๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจะตกเป็นของปูแต่เพียงผู้เดียว เครื่องหมายการค้าที่การันตีว่า เป็นพรีเซนเตอร์จะต้องได้รับการคุ้มครองและจดในชื่อของปู ถ้าไม่จดแล้วหรือถ้าทางบริษัทไปจดเองสุดท้ายดำเนินการต่อไปเราจะทะเลาะกันเพราะปูไม่มีสิทธิ์จะให้หรือจะเก็บเงินอะไร”
“เปอร์เซ็นต์มีแบ่งกันจริง มีการให้เงินค่าใช้สิทธิ์จริง หักส่วนกำไรแล้วจริง แต่ปูไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการของบริษัทแต่อย่างใด สัญญามีระบุไว้หมด เมื่อเราไม่ใช้ผู้บริหารเราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ารายรับรายจ่ายเป็นอย่างไร สินค้าในคลังเป็นอย่างไรบ้างที่แสดงมามันถูกต้องมั้ยเลยมีการกำหนดกติกากัน ทุกเดือนไม่ว่าจะเป็นรายจ่ายหรือรายรับ บริษัทจะต้องบันทึกข้อมูลแสดงบัญชีให้เราทราบโดยให้เราทราบแบบเรียลไทม์ เราเซทเป็นคาวด์เบทไฟล์ ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ถ้ามีหลักฐานทางบัญชีก็อัปโหลดเข้าไป เราจะได้ตรวจสอบได้โดยไม่ต้องสงสัยกัน”
“มันมีอยู่ช่วงนึงมีการประกาศว่าขายได้ x กล่อง แต่พอเวลาแจงบัญชีกันมันไม่ใช่ก็เลยเกิดข้อสงสัย เราเริ่มลงนามสัญญาวันที่ 28 ก.พ. ต่อมาวันที่ 25 เม.ย.มีหนังสือฉบับแรกขอตรวจสอบบัญชี ขอให้แสดงตัวเลขการผลิต สต๊อกสินค้า เราจะได้มาเช็คว่าสุดท้ายที่แบ่งมันตรงกันมั้ย และในสัญญาตกลงกันว่า คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของปูเพียงฝ่ายเดียว วันที่ 25 เราขอไปเพื่อว่าเป็นชื่อเราจริงหรือไม่ แล้วก็ขอให้บันทึกลงไปในคาวด์ด้วยแต่ก็ไม่เคยมีการบันทึกเลย เราก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรเพื่อไม่ให้มันกระทบกับบรรยากาศ ถ้าเราทำอะไรลงไปมันจะไปกระทบต่อลูกค้า”
เลิกร่วมงานกัน เพราะรายงานการขายไม่ตรงกันกับยอด และไม่มีการทำรายการสรุปตามที่สัญญา และบริษัทของต้นหอมมะตูม ก็ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเอง ทั้งที่ในสัญญาตกลงกันว่า ต้องเป็นชื่อปูเท่านั้น แต่ตัดสินใจยังไม่ฟ้องเพราะกลัวผลกระทับกับตัวแทนสินค้า
“2.มีปัญหาอะไรถึงต้องเลิกทำ พอรายงานไม่ตรงกับยอดที่บอกก็เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ปัจจุบันยังไม่มีการบันทึกอะไรกันลงในคาวด์เลย แต่ในสัญญามีระบุไว้ชัดเจนถึงวิธีการต่างๆ ซึ่งเราได้ร้องขอให้มีการบันทึกตลอด สุดท้ายเราพบว่าสิ่งที่เราตกลงกันมันคลาดเคลื่อน สถานะ ณ ปัจจุบันนี่ผมคัดมาเมื่อวาน ในสัญญาที่ควรจะเป็นชื่อเราเพื่อการันตีว่าเราจะไม่ถูกทิ้งกลางทาง คือเครื่องหมายจดทะเบียนการค้าที่ต้องเป็นชื่อปูแต่เพียงผู้เดียว เขายื่นจดทะเบียนวันที่ 8 มี.ค. 2561 ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นประกาศโฆษณา วันที่ 1 เม.ย.2562 จดในนามบริษัทเอเค 91 กรุ๊ป ตอนที่มีเรื่องเรายังไม่ได้ประกาศโฆษณากัน เราก็บอกให้เขาส่งมาให้เราดูหน่อยว่าแก้ไขหรือยัง จนบอกเลิกสัญญากันแล้วเขาก็ยังไม่แก้ พออะไรที่มันมีการผิดสัญญากับ เรามีสิทธิ์แค่ฟ้องหรือขอร้องให้แก้ไข แต่ถามกลับกันถ้าทุกคนเป็นปูทุกคนจะกล้าฟ้องมั้ย เพราะถ้าฟ้องมันจะเป็นเอกสารสาธารณะ จะต้องเป็นข่าวออกมาคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือตัวแทน เราเลยเลือกที่จะคุยกันหลังบ้าน ซี่งผมเป็นคนคุยเอง”
“เลยเกิดหนังสืออีกตัวนึงขึ้น เซ็นสัญญา 28 ก.พ. 2561ขอตรวจบัญชี 25 เม.ย. 2561 ขอให้บริษัทแสดงข้อมูลทางบัญชีเพิ่มเติม 1 พ.ค.2561 วันที่ 4 เราได้เป็นอาร์ตก๊อปปี้ เราเอาไปตรวจสอบแล้วมีคำถามเยอะ เราถามไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ เราเลยปฎิเสธความถูกต้องของบัญชี แล้วเราก็เลยให้แสดงคำขอการจดทะเบียนว่าได้เปลี่ยนชื่อไปหรือยัง ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 เราได้รับหนังสือจากทางบริษัทว่าให้เราโพสต์รูปเพิ่มในไอจี ในมุมของเราแค่นี้เราก็ขมขืนพอแล้ว แต่เมื่อเราไม่ได้รับคำตอบแต่กลับขอให้เราเพิ่มรูป ในสัญญาคือจะต้องใช้บัญชีในสื่อออนไลน์ พรีเซนเตอร์ ซึ่งปูทำแล้ว ไม่ได้ลบออกเลย มีรูปมีภาพเคลื่อนไหวอยู่ในไอจีสตอรี่ ภาพบนกล่องก็ยังอยู่ คอนเทนต๋ที่กระจายอยู่ในสื่ออนไลน์ เป็นปริ๊นแอดท์ยังอยู่ เราก็เลยไม่โพสต์เพิ่มเพราะมองว่ามันเพียงพอแล้ว เรารอความชัดความชัดเจนทุกอย่างที่เราสงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะชี้แจงเรา”
ปู เป็นฝ่ายยื่นหนังสือยกเลิกสัญญาเพราะทางบริษัทของต้นหอมมะตูม ไม่บันทึกรายการบัญชี
“3. ใครบอกเลิกสัญญาก่อน เราทิ้งระยะไปนานมาก ผมเลยโทรศัพท์ติดต่อไปทางทนายความของบริษัทบอกว่าผมอยากให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาดีกันมาเคลียร์กันได้มั้ย แต่สุดท้ายก็ไม่บรรลุข้อตกลง จนปูก็รู้สึกไม่ไหว เราจะไปฟ้องขอให้เปลี่ยนชื่อเครื่องหมายจดทะเบียนการค้าเราก็ไม่เอาดีกว่า เราก็เลยส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาแทน โดยอ้างเหตุเรื่องไม่บันทึกคาวด์ บันทึกรายการบัญชี แล้วก็เรื่องไอพีที่เราเสียไป เราไม่บอกใครว่าเราเลิกสัญญาแล้วเพราะเรายังหวังลึกๆ ว่าเราอาจจะกลับมาระงับข้อพิพาทกันได้ในตอนสุดท้าย”
ปู ส่งหนังสือเรียกค่าเสียหายที่บริษัทต้นหอมมะตูม ผิดสัญญาเรื่องการจดเครื่องหมายการค้า และขอนำเงินค่าเสียหายไปเฉลี่ยให้กับตัวแทนตามความเสียหายของแต่ละคน
“พอทางบริษัทได้รับก็ไม่มีการตอบกลับอะไรมา จนวันที่ 23 พ.ย. เราได้รับหนังสือเรียกค่าเสียหายจากบริษัทโดยอ้างเหตุว่าไม่โพสต์ไอจีเพิ่ม แต่เราบอกเลิกสัญญาไปแล้วก่อนหน้านี้ สุดท้ายวันที่ 8 ธ.ค. 2561 เราก็ส่งหนังสือชี้แจงค่าเสียหายไปที่เขาทำผิดสัญญาเรื่องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แล้วเราก็บอกว่าเราขอนำเงินที่ได้จากค่าเสียหายตรงนี้ไปเฉลี่ยให้กับตัวแทนตามความเสียหายของแต่ละคน”
ถึง ปู จะบอกเลิกสัญญาแล้วแต่ก็ไม่ฟ้อง และไม่ลบภาพสินค้าในไอจีและเฟซบุคเพราะกลัวผลกระทบจะไปกระทบกับตัวแทน
“4.ปูบอกสงสารตัวแทนสงสารจริงมั้ย แล้วออกมาพูดทำไมถ้าสงสารตัวแทน เราพยายามขอตรวจสอบทั้งทางวาจาแลลายลักษณ์อักษรก็ไม่ได้รับการแก้ไขแต่เราก็ไม่กล้าฟ้อง เพราะฟ้องแล้วเดี๋ยวจะเป็นข่าว ซึ่งก็จะกระทบลูกค้าอีก เราก็เลยตัดสินใจเลิกสัญญา ถึงเราจะเลิกสัญญาก่อนแต่เราก็ไม่กล้าฟ้องกลัวกระทบลูกค้า แล้วไปเช็คได้เลย ถ้าคลิปหรือภาพต่างๆ อันไหนของปูถ้าหมดสัญญาแล้ว ปูจะลบทุกคอนเทนต์ทั้งในไอจีและเฟซบุคเพราะมันจะไปกระทบกับสินค้าเจ้าใหม่ ของบริษัทนี้เราไม่ได้ลบแม้ว่าเราจะใช้สิทธิ์บอกเลยสัญญา หรือเราบอกเลิกสัญญาเองเราก็ไม่ได้ลบ ยังปล่อยให้คาอยู่เพราะเราแคร์ตัวแทน เราหวังลึกๆ ว่าสุดท้ายเราจะเคลียร์กันได้ ปูก็พยายามติดต่อ ผมก็พยายามติดต่อให้กลับมาคุยกันแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อ สุดท้ายเราถูกฟ้องในคดีดำ ที่พ 2500/2561 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้วันที่ 26 ธ.ค. 2561 ข้อหาผิดสัญญา มีเรียกค่าเสียหายมา ขออนุญาตไม่บอกตัวเลขที่ฟ้องมา เราก็ยังไม่ลบรูปทิ้งเพราะยังมีตัวแทนใช้รูปเราอยู่ ยังมีตัวแทนเอาคลิปไปใช้ขายของอยู่ เราก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล”
“ปู” โดน “บริษัทต้นหอมมะตูม” ฟ้องก่อน แต่ก็ไม่ฟ้องกลับและไม่ให้ข่าว เพราะกลัวส่งผลกระทบกับตัวแทนและคิดว่าน่าจะตกลงกันได้ในชั้นศาลจะได้ไม่กระทบตัวแทน
“แต่ที่ทางคุณศกุนตลาออกมาทางเราไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย ผมบอกเลยถ้าจะไกล่เกลี่ยในคดีนี้จะต้องมีคำตอบให้เขาว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่ในจุดยืนของทางเราคือเราไม่ได้เป็นฝ่ายทำผิดสัญญา จนตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ฟ้องเขา ให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่พอมันมีเรื่องในศาลแล้วเป็นเรื่องที่สาธารณะชนเข้าถึงได้ พอมีนักข่าวไปถามปูว่าแบรนด์นี้ยังทำอยู่มั้ย คิดว่าลึกๆ ปูก็คงไม่อยากพูดแหละ แต่มันมีการฟ้องร้องเป็นเรื่องของสาธารณะไปแล้วจะให้ปูมาโกหกก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่ปูบอกสงสารตัวแทนเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ เราถูกฟ้องก่อนแต่เราก็ไม่ได้บอกให้ใครทราบ เพราะสุดท้ายพอเรื่องมันไปอยู่ที่ศาลแล้วมันอาจจะไกล่เกลี่ยกันได้และจบถ้ามีคดีสวนออกไป ปูอยากจะให้สังคมเข้าใจปู เพราะตอนนี้เราขมขืนมาก จริงๆ ใช้คำนี้เลย”
“5.มีแนวทางยุติหรือแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ผมขอพูดเรื่องที่คุณศกุนตลา เอ่ยว่าส่งแมสเสจไปหาคุณเตชินท์ ปูมาปรึกษาผมว่าอยากจะชี้แจงกับสังคมให้ขาดไปเลย จะได้ไปสู้กันในศาลคิดว่าเป็นวิธีที่ดีกว่ามาสาดโคลนกัน ผมทราบดีว่าน้องปูกับเตชินท์สนิทกัน ผมก็บอกเขาไปว่าถ้าจะพูดอะไรกันแล้วมันค้านกับที่อีกฝั่งพูดไปเราควรจะบอกเขาก่อนมั้ย เพราะถ้ามันเกิดความเสียหายกับเขาหรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง ในเมื่อน้องรู้สึกดีหรือรักพี่เขา ก็ควรจะบอกเขาก่อน ขอโทษเขาก่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมน้องถึงส่งไปขอโทษ”
เตรียมฟ้องกลับจะได้มาเจรจากันได้
“แนวทางน่าจะไปต่อ ตอนนี้ยังไม่เคาะ แต่คิดว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วน่าจะไปต่อ ในคดีใหม่ผมคิดว่าน้องน่าจะพร้อมเจรจา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องจ่ายเขาไปเท่าไหร่ แต่ยังไม่แน่ใจเพราะไม่คุยเรื่องทางออกกับน้อง เพราะยังอยู่ต่างประเทศ ผมคิดว่าถ้ามีอีกคดีนึงที่สวนไป ผมว่าน่าจะเจรจาได้ แต่จะออกมารูปแบบไหนอีกเรื่องนึง”
"ผมว่ามันเป็นเรื่องของความถูกต้องมากกว่า ผมก็ไม่รู้ว่าเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง แล้วจะแก้ไขให้กับคนที่ซื้อของขาดไปให้เขาไปต่อได้ยังไง เอาจริงๆ นะเรื่องที่บอกว่าตลาดออนไลน์ล่มแล้วน้องออก ผมบอกเลยนะไม่ใช่ นี่เป็นความเห็นผมนะไม่ใช่ความเห็นปู เมื่อเราย้อนกลับไปดูในช่วงที่ตลาดออนไลน์ที่เขาว่าล้ม ลองไปดูตามแอปพลิเคชั่นขายของต่างๆสินค้านี้มันขายอยู่เท่าไหร่ แล้วต้นทุนของตัวแทนเล็กๆ เขาได้ไปเท่าไหร่ สมมติว่าในแอปขาย 100 บาท ถ้าซื้อจากบริษัทไปอาจจะซื้อไปราคา 95 บาท คุณคิดว่าคนตัวเล็กๆ อยู่ได้มั้ย แล้วโมเดลธุรกิจการขายที่ต้องอาศัยผู้ขายที่อยู่ในเชนล่าง แต่ละชั้นมันก็คนละราคากัน แล้วเหมือนมาขายตัดราคากัน แต่อันนี้ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงนะ แต่สุดท้ายมันเป็นโมเดลที่ควบคุมราคาหรือไม่ผมไม่ทราบ ก็ลองพิจารณาดู”
ส่วนที่ “ต้นหอม” และ “มะตูม” บอกว่า “ปู” เป็นบอสสินค้า เป็นเจ้าของสินค้าและเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น ทนายความยืนยันว่า ปูไม่ได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เป็นพรีเซ็นเตอร์และมีสัญญาแนบพ่วง ส่วนที่ใช้คำว่า บอส เพราะเป็นแนวทางการตลาดของบริษัทต้นหอมมะตูมที่พรีเซ็นเตอร์ต้องทำตาม
“เอาจริงๆนะ ทุกคนจำกัดความคำว่าบอสยังไงกัน บอสคือเจ้าของผลิตภัณฑ์ บริหารการขาย ลูกค้าอยู่ในมือ รับเงินมาแบ่งให้ทุกคน ดูแลรายรับรายจ่าย แต่ที่พูดมาทั้งหมดปูไม่ได้ทำเลย ปูเป็นพรีเซนเตอร์ มีสัญญาใช้สิทธิ์แนบพ่วงกับสัญญาพรีเซนเตอร์”
“คำว่าบอสไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าของกิจการ เราเซนสัญญาพรีเซนเตอร์ การกำหนดทิศทางการตลาด ทางการโฆษณา เราต้องทำตามผู้ประกอบการที่เขาลิสต์มาให้เรา ไม่งั้นเราก็ผิดสัญญา เรื่องทักท้วงเรื่องบอสผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ผมคิดว่าคำว่าบอสไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นเจ้าของจริง เพราะตกลงกันในสัญญาแล้วว่า บอสนั้นเราไม่ได้หมายถึงการเป็นเจ้าของกิจการในรูปแบบห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน”
ยันฟ้องกลับจะนำค่าเสียหายมาแบ่งให้กับตัวแทน เผยสิ่งที่ “ต้นหอม” ให้สัมภาษณ์ทำให้เกิดความเสียหายในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ “ปู” ในสินค้าตัวอื่น
"มาถึงขั้นนี้แล้วหลักฐานก็ชัดตามที่เสียหายเท่านี้ๆ เรายังยืนยันเหมือนเดิมว่าเราไม่ได้หวังเงินเขา แต่เราจะนำเงินที่ได้สงวนสิทธิ์ให้กับตัวแทน ตอนนี้เราก็ยังสามารถรอมชอมกันได้นะแต่ในคดีใหม่ คดีเก่าก็เล่นกันไปครับ ต้องยอมรับว่าความเสียหายจากคำให้สัมภาษณ์ของคุณศกุนตลา มันมีผลกระทบไปถึงแบรนด์อื่นๆ ที่เราเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย เลยทำให้ปูเริ่มกังวลใจ เริ่มเครียด ผมเป็นประจักษ์พยาน ผมเลยจะชี้แจงให้แต่ผมคาดหวังว่าจะไม่ต้องมาพูดแบบนี้อีก เรื่องแพร่ออกไปแล้ว จะให้เรื่องมันบรรเทาเบาบางมันยากและใช้เวลาเราเพิ่งไปขึ้นศาลครั้งเดียว นัดพร้อมให้สองฝ่ายมาเจอกัน ผมให้การไปว่าคดีนี้ฟ้องผิดศาล รอนัดอีกครั้งหน้า ศาลยังไม่ได้นัดเลย”
“ปู” เครียดกับสิ่งที่ “ต้นหอม” พูด ขอให้สังคมเข้าใจในมุมของปูบ้าง
"น้องเครียดนะครับ สิ่งที่ทางนั้นได้พูดออกไปคลาดเคลื่อนกับเอกสารผม ทำให้เกิดอิมแพ็คกับแบรนด์อื่นที่ปูทำอยู่ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องด้วยน้องก็เสียใจอยากให้สังคมเข้าใจในมุมของเราบ้าง ซึ่งเรื่องภาพลักษณ์เราด้อยลงแน่นอน แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ"
แถลงชนกันแบบแฟร์เกมส์ ไม่แถลงหลัง “มะตูม” แถลงเสร็จ
"ทราบครับ เราไม่ได้ตั้งใจชน แต่เราแฟร์เกมกัน เราไม่รอให้คุณเตชินท์เขาพูดไปแล้วเราค่อยไปหาทางแก้ เราไม่ครับ เราเปิดเลย ใครจะดูก็ดูเพราะเราคิดว่าเราพูดความจริง ไม่ต้องประดิษฐ์ ในหลักฐานที่เรามี เราเชื่ออย่างนี้ ตอนเซ็นสัญญาผมเป็นคนร่างเอง แต่เป็นสัญญาชุดเดียวกันแน่นอน"
อยากจะจบเรื่องราวไม่อยากฟ้องร้อง แต่ต้องไม่จบที่ “ปู” จะต้องจ่ายในสิ่งที่ปูได้รับค่าเสียหาย
"เข้าใจว่าไม่น่าจะคุยกันแล้วนะ เอาจริงๆ เราอยากจบ ไม่อยากไปสุดหรอก แต่ไม่ใช่ในแนวทางที่เราต้องจ่าย ในสิ่งที่เราได้รับความเสียหาย และจะเอาค่าเสียหายไปหารให้กับตัวแทน"