“มะตูม” ระเบิด จะโกงทำซากอะไร ท้า “ปู ไปรยา” แถลงข่าวดีเบตแฉความจริงกันไปเลย เผยเหตุแตกหักเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว ลั่นเป็นฝ่ายปลดปูพ้นสินค้า ทำใจโดนทั้งประเทศด่ายันพ่อแม่ ลั่นให้ไปพิสูจน์กันที่ศาลใครถูกใครผิด
กลายเป็นกระแสร้อนแรงเลยทีเดียวกรณี “ปู ไปรยา” ออกมาให้สัมภาษณ์แตกหักการทำงานร่วมกันกับ “ต้นหอมศกุนตลา เทียนไพโรจน์” และ “มะตูม เตชินท์ พลอยเพชร” ยกเลิกสัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์อาหารเสริม Praya by LB Slim หลังจากมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบยอดขาย พร้อมกับทิ้งประโยคเด็ด สงสารตัวแทน และขณะนี้เรื่องต่างๆ อยู่ในชั้นศาล ทำเอาต้นหอมต้องออกมาแถลงข่าววันก่อน ล่าสุดมะตูมก็เปิดแถลงข่าวเขย่าอีกรอบ ยืนยันไม่ได้โกง
“คือจริงๆ พี่ต้นหอมสัมภาษณ์ไปบางส่วนแล้ว สิ่งที่พี่หอมสัมภาษณ์ไปถูกต้องทุกอย่างเกิดขึ้นตามนั้นเลยครับ มีแค่อย่างเดียวที่พี่หอมพูดอาจจะผิดพลาดด้วยการสื่อสารของตูมเพราะตูมอยู่ต่างประเทศก็คือเรื่องไลน์แชท ที่เหมือนมีการว่าตูมไปคุยกับคุณปู แล้วไปบอกเขาว่า คุณเอาดีเข้าตัว จริงๆ ตูมไม่ได้พิมพ์ประโยคนั้นไป ตูมแค่บอกเขาไปว่า คุณพูดในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว เพราะฉะนั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยแล้วแหละ แล้วคุณปูเขาก็ไลน์มาขอโทษยาวมาก เป็นหน้ากระดาษเลยครับ อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นว่า มันไม่ตรงกับพี่หอมพูดเท่านั้นแหละ แต่ที่พี่หอมพูดไม่มีอะไรที่ผิดจากสิ่งที่ตูมคิดและสิ่งที่เกิดครับ”
ยัน “ปู” ร่วมงานในฐานะบอสและพรีเซ็นเตอร์ แบ่งผลประโยชน์เท่ากัน
“ในบริษัทของตูมนะครับ ตูมมีสินค้าหลายตัวมาก ขอเกริ่นเลยตั้งแต่ LB ตัวแรก คือดีเจต้นหอม แล้วจากนั้นต่อมา 18 (เอธธีน) เป็นแต้ว ต่อมาก็เป็น Praya by LB คุณปู ไปรยา ตัวล่าสุดคือตัว ไฮร่าบลู กุ๊บกิ๊บ เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ไหม ในเชิงของการพูดออกสื่อเขาเป็นบอสและพรีเซ็นเตอร์ คือคำว่าพรีเซ็นเตอร์หมายความว่า คุณต้องพรีเซนท์สินค้า ในมุมของบริษัท มีตูม มีพี่หอม มีคุณกอล์ฟเป็นหลัก 3 คน แต่สินค้าแต่ละตัวทุกๆ คนเป็นพรีเซ็นเตอร์ของตัวเอง แต่ได้รับผลประโยชน์มากกว่าพรีเซ็นเตอร์นั่นคือการเป็นบอส ซึ่งระบุในสัญญาชัดเจนว่า เป็นมากกว่าพรีเซ็นเตอร์คือเป็นบอสครับ”
“ขอพูดในวันแรกที่ดีลงานกับเขาเลยแล้วกันเพราะตูมเป็นคนดีล จริงๆ ทุกคนตูมเป็นคนดีล ขอโทษที่ต้องพาดพิงนะครับทั้งตัวของแต้วและของคนอื่นๆ ตอนนั้นแบรนด์ LB อยากจะรีแบรนด์พี่หอมเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว แต่เราอยากจะทำอะไรที่มันใหญ่กว่าเดิม ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าได้ร่วมงานกับคนที่อยู่ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลก็คงจะดี ตูมก็เลยติดต่อคุณปูไป ซึ่งเขาก็อยากจะร่วมงานกับทางตูมกับพี่หอม”
“ซึ่งเราถามปูว่า ใจพี่หอมอยากได้เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ เพราะเขามีความรู้สึกว่าตัวเขาเป็นบอสไปแล้วของตัว LB จะมาเป็นซ้ำทำไม แต่ตูมบอกว่าพี่หอมถ้าได้ปูเป็นบอสด้วยก็ดี มันก็เหมือนเป็นการที่แบบว่า เราปรับส่วนแบ่งให้ไป ผลประโยชน์เท่ากัน จะได้ทำงานหนักเท่าๆ กัน เพราะอยากให้พี่หอมวางมือจากตรงนี้ แล้วไปบริหารหลังบ้านอย่างเต็มที่ครับ ก็เลยมีการยื่นข้อเสนอกับทางคุณปูไปว่า ยูจะเป็นบอสหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งตอนนั้นคุณปูต้องบอกว่าย้อนไปดูได้ มันมีคลิป คุณปูเคยออกมาบอกว่าเขามีพรีเซ็นเตอร์เยอะมาก ปู ไปรยา เป็นคนที่มีพรีเซ็นเตอร์เยอะจริงๆ ครับ หัวจรดเท้าเขาติดหมดแล้ว เราก็เลยมีความรู้สึกว่า คุณติดอะไรตรงนี้ไหม เขาก็บอกว่าโอเค เดี๋ยวเขาจะมาทำธุรกิจกับเราดู แต่ทำเป็นบอสเลยนะร่วมกับเรา เพราะฉะนั้นตูมก็เลยเข้าใจมาตลอดว่า ปูเขาเลือกที่จะเป็นบอส ก็เลยงงกับบทสัมภาษณ์ของเขาเฉยๆ แล้วในตามสัญญาเนี่ย ก็ระบุว่าเป็นบอส คือทุกอย่างหารเท่ากัน รับผิดชอบร่วมกันครับ”
“เราส่งสัญญาไป คือเรื่องสัญญาตูมไม่สามารถพูดได้ว่ามันระบุอะไรไว้บ้าง เพราะมันอยู่ในข้อของกฎหมายไปแล้ว แต่ปู ไปรยา เป็นคนที่ทำงานเก่ง เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเคร่งครัดในเรื่องของระบบสัญญาของตัวเอง เขารับพรีเซ็นเตอร์เขาอยู่ในวงการมากี่ปี เขามีพรีเซ็นเตอร์กี่ตัวก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาดูสัญญาทุกตัวอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นตัวนี้เขาก็ดูครับ”
ทางปูเขาติดใจในเรื่องรายละเอียด เรื่องยอดขายและระบบบัญชี เรื่องมะตูมพร้อมชี้แจงให้ตรวจสอบ
“เรื่องรายละเอียดตูมขอพูดสั้นๆ ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ฟังทนายเขาเพราะเพิ่งลงจากเวทีมาเลย เรื่องรายละเอียดและข้อสงสัย เรื่องความไม่โปร่งใสในตัวบริษัท เรื่องตัวเลขเรื่องบัญชี ให้ติดต่อฝ่ายบัญชี ฝ่ายทนายของบริษัทพร้อมให้ทุกคนตรวจสอบและ พร้อมที่จะชี้แจงกับทุกอย่าง ทุกข้อกฎหมายเพราะเราไม่มีทางที่จะมาตุกติกหรือโกงหรืออะไรอยู่แล้ว อันนี้คือในมุมของตูมนะ แต่เรื่องข้อพิพาทของกฎหมาย เราพูดอะไรได้ไม่มาก เพราะตูมไม่ใช่ศาล”
ยันทางบริษัทเป็นคนปลด “ปู” ไม่ใช่ปูเป็นคนยกเลิกสัญญาเองตามที่ปูให้สัมภาษณ์ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรขอให้ศาลตัดสิน ใครก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสิน
“ตามที่พี่หอมบอกเลยว่าทางฝั่งเราเป็นคนยื่นก่อนครับ เขาบอกว่าเขายื่นมา แต่ว่าตอนนี้ทางบริษัทตูมยังไม่ได้รับหมายศาล หรือได้รับการแจ้งฟ้องร้องอะไรเลย ส่วนที่เขาบอกว่าเขาเคยยื่นชี้แจงมา อันนี้อาจเป็นไปได้ แต่ตูมไม่รู้นะ ที่บอกไม่รู้ตอนนี้ เพราะยังไม่ได้เห็นตัวเอกสาร สิ่งที่ตูมรู้คือฝั่งเราได้ยื่นโนติสไปตั้งแต่ปีที่แล้ว คือการปลด”
“พูดจริงๆ นะ ตูมประดิษฐ์คำพูดแบบเป็นทางการไม่เป็นขอพูดแบบเป็นธรรมชาตินะ ไม่มีใครพูดให้ตัวเองดูแย่ เขาเชื่อมั่นในหลักฐานของเขา ฝั่งบริษัทมะตูมก็เชื่อมั่นในหลักฐานของบริษัทเรา เพราะฉะนั้นทุกๆ คนต้องการที่จะงัดหลักฐานมาเพื่อต้องการสู้เพื่อให้ตัวเองถูกต้อง การที่เกิดความขัดแย้งกันระหว่างตัวของเขากับตัวของเรามันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่สามารถให้ใครมาตัดสินได้ พวกพี่ๆ นักข่าว หรือประชาชนในประเทศไทยไม่ได้ตัดสินแทนได้ เพราะพวกคุณไม่ได้มีหลัดฐาน พวกคุณแค่ฟังจากเค้าและก็มาฟังจากตูม เพราะฉะนั้นถ้ามันขัดแย้งถึงจุดนี้ ศาลตัดสินเลย รอให้ศาลพิพากษา และให้ศาลตัดสินเลยว่าใครถูกใครผิดกันแน่”
จุดเริ่มต้นของการมีปัญหาคือผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว
“เหมือนที่พี่หอมพูดเช่นเดียวกัน ว่ามันเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายในเรื่องของระบบการทำงานที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ ในเรื่องของการทำงานที่ว่าทำงานเท่านี้ แต่ทำไมได้รับผลประโยชน์เท่านี้ อย่างที่พี่หอมพูดเลย ซึ่งการทำงานทุกอย่างต้องระบุชัดเจนอยู่แล้ว”
ไม่ขอพูดว่า “ปู” ทำผิดสัญญาหรือไม่ แต่เชื่อว่าปูคงทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
“ตูมพูดเป็นกลางนะ เรามองว่าปูเขาทำเต็มที่ในส่วนของเขาแหละ แต่ระบบการทำงานและทัศนคติอาจจะไม่ตรงกัน ฉะนั้นวันนี้ปูไม่โทษว่าปูผิดสัญญา หรือไม่มาร่วมงานกับเรา หรืออยากจะถอนตัวหรืออะไร ตูมไม่โทษเลยนะ เพราะการที่แค่เขาเคยคิดที่จะมาร่วมงานกับเรา สำหรับตูมมันเป็นเกียรติแล้ว เพราะเราเป็นแค่แบรนด์เล็กๆ เราไม่ใช่เคาท์เตอร์แบรนด์ด้วยซ้ำ มาอยู่กับเรา มาช่วยเราตอนนั้น”
ขอโทษที่แขวะ “ปู” เพราะโมโหขาดสติ เผยปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว
“แต่ล่าสุดตูมต้องขอโทษที่ตูมแขวะ ตูมยอมรับว่าฟังบทสัมภาษณ์ของปูล่าสุดแล้วเราเสียความรู้สึกกับปูมาก มากถึงขนาดที่ว่า ปกติปูกับตูมไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยด่าทอกันเลย ถ้ามีปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นกับทางหุ้นส่วนคนอื่น แต่ตูมกับปูไม่เคยตีกันเลย ซึ่งครั้งนี้มันทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ มันทำให้เราโมโหและไม่มีสติ จึงทำให้เราแชร์และอยากต้องการให้ตัวแทนเห็นว่าปัญหาจริงๆ มันเป็นแบบนี้นะ เรื่องการฉีกสัญญาหรือการทะเลากันมันมีมาตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว มันไม่ใช่แค่แบรนด์เราที่โดนกระทบมันโดนหมด ตูมเลยบอกไงว่าทำไมเราไม่ประนีประนอมแล้วมาคุยกันหลังบ้าน จนถึงวันนี้วันที่เราทุกคนทั้งตัวปู พี่หอม ทั้งตูมและคนรอบตัวกลายเป็นขี้ปากชาวโซเชียลโดนด่า และคนที่หนักสุดคือคนที่อยู่เกรดล่างสุดนั่นคือตัวตูม วันนี้ตูมโดนประชาชนตัดสินไปก่อนศาลแล้ว”
ส่วนเรื่องการไม่โปร่งใสของการดำเนินกิจการ “มะตูม” ขอให้เป็นเรื่องของศาลตัดสินเอาหลักฐนมาพิสูจน์
“เรื่องของบริษัทตูมต้องขอโทษจริงๆ เพราะตูมพูดไม่ได้มาก ไม่ใช่ว่าตูมอยากจะปิดบังอะไรพี่ๆ นะครับ แต่เนื่องจากตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่ระดับประเทศแล้ว มันอยู่ในเรื่องของการฟ้องร้องแล้ว เพราะฉะนั้นตูมปล่อยให้เป็นทีมฝ่ายกฎหมายของบริษัทและทนายตูมจัดการแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เลย เรื่องความไม่โปร่งใสที่ทางฝั่งเขาคิดมันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริง หรือมีข้อโต้แย้งอะไรให้เขาออกมาชี้แจง และให้มาพิสูจน์หลักฐานกันเพราะฝ่ายตูมก็ยินดีให้เขาตรวจสอบทุกอย่างอยู่แล้วครับ”
ไม่อยากให้ออกมาสาดโคลนกันอีก เชิดใส่ “ปู” ไม่ได้อยากสนิทด้วย ที่ผ่านมาเข้ามาเพราะเรื่องผลประโยชน์พบจบผลประโยชน์ก็ให้ศาลตัดสิน
“อันนี้ตูมขอโทษนะ ตูมไม่เคยถามพี่หอมหรือหุ้นส่วนคนอื่นๆ ว่าอยากจบยังไง แต่สำหรับตูม ตูมอยากจบด้วยความที่เราไม่ควรออกมาสาดน้ำลายใส่กัน หรือด่ากันในโลกโซเชียลอีกแล้วมันไม่มีประโยชน์ ตูมโดนด่าหนักสุดในชีวิตยังไง ตูมก็รู้ว่าเป็นดีเจแคมฟรอก ดีเจตลาดล่าง มีวันนี้ได้เพราะเกาะดาราดังด้วยการตีสนิท คือโดนด่าแบบนี้ตูมเฉยๆ เมื่อก่อนตูมก็โตมาจากการด่าคน ตูมเลยไม่ซีเรียส ณ วันนี้ตูมเป็นหนี้ของวงการบันเทิงมาขนาดไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ภาพของปูเขาใหญ่มาก มีงานระดับไหน อยู่ในวงการมากี่ปี เขาไม่ควรมีข่าวในด้านลบแบบนี้อยู่แล้ว”
“ปูบอกว่าไม่ได้แคร์มิตรภาพเพราะไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องแคร์มิตรภาพก็ได้ ถ้าไม่อยากสนิท เราก็ไม่ได้อยากจะไปสนิทกับเขา แต่วันที่คุณเข้ามาสนิทกับเราเพราะวันนั้นมันมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามา ณ วันนี้มันจบเรื่องผลประโยชน์ไปแล้วถูกผิดให้กฎหมายเป็นคนตัดสิน แต่ทั้งตัวตูมเอง ตัวต้นหอม และตัวปู หยุดการสาดน้ำลายใส่กัน นี่คือทางออกที่ดีที่สุดครับในวงการ”
ฟ้องเรื่องผิดสัญญา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ ถ้าผิดจริงก็ยินดีจะจ่าย
“ฟ้องร้องเรื่องการผิดสัญญาครับ จริงๆ ประเด็นหลักมันมีอยู่แค่นั้น แต่รายละเอียดในด้านต่างๆ เราก็อยากจะให้ทางฝ่ายกฎหมายของเราเป็นคนดำเนินการเพราะตัวเลขมันยังไม่ชัดเจน ถ้าเราผิดจริงๆ และศาลตัดสินให้เราจ่าย เราก็ต้องจ่าย แต่ตอนนี้ตูมไม่สามารถตอบสื่อได้ว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ เพราะศาลจะต้องเป็นคนตัดสินเท่านั้นครับ”
ส่วนเรื่องจุดแตกหักที่ “ปู” ให้สัมภาษณ์ว่า เกิดจากเรื่องของเครื่องหมายการค้านั้น “มะตูม” บอกว่า ทุกคนโดนกันหมดเพราะเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์
“ตรงนั้นให้ศาลตัดสินเลยครับ จริงๆ เราไม่ได้โดนแค่เรื่องเครื่องหมายการค้า โดนหลายครั้งมาก โดนหลายอย่างมาก ซึ่งตอนนั้นเราคุยกันตลอด เราเข้าใจว่าตอนนั้นปูโดนหนักมาก ออกมาเจอสื่อบ่อยมาก แต่ขอพูดตรงนี้ครับไม่ใช่แค่ปูที่โดน เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ของปีที่แล้ว ตูมก็โดนพี่ๆ นักข่าวสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต้วก็โดน พี่หอมก็โดน ทุกคนโดนหมดครับ เพราะเราเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ครับ”
ลั่นโปร่งใส่ จะไปโกงทำซากอะไร
“ถ้าเป็นตัวตูม ตูมโปร่งใส ไม่ใช่แค่ตูมสิ แต่ทุกๆ คนที่ตูมร่วมงานด้วย เอาจริงๆ นะ ตูมจะไปโกงเขาทำซากอะไร ถ้าโกงก็จะโดนแหก โดนแหกไม่พอยังจะต้องโดนฟ้องอีก ยิ่งคนที่ตูมร่วมงานด้วยเป็นถึงดาราตัวท็อป เขาก็มีเงินจ้างทนายกันทั้งนั้น มันไม่มีประโยชน์ในการโกงเลยครับ”
เผยแบ่งผลประโยชน์เท่ากันมีทั้งหมด 4 หุ้น
“ถ้าในผลิตภัณฑ์ Praya By L.B เท่ากันครับ เขาเป็นบอส มีหุ้นด้วยกันทั้งหมด 4 คนครับ ส่วนสัญญาของปูคือ 1 ปีมันหมดไปแล้ว แต่ช่วงที่เรายื่นฟ้องมันยังมีระบุอยู่ในสัญญา ตั้งแต่เปิดตัวมาปูเขาลงรูปไม่กี่รูปเอง ซึ่งตอนนี้หยุดใช้รูปปูไปแล้วครับ จริงๆ เรามีการสั่งห้ามก่อนจะแตกหักกันด้วยนะครับ ตั้งแต่เรามีข่าวเรื่องสึนามิวงการอาหารเสริม เราสั่งให้ทุกคนหยุดโพสต์หยุดใช้รูปปู ไม่ใช่เฉพาะกับแบรนด์ของเขา แต่เป็นกับทุกผลิตภัณฑ์ในบริษัทให้หยุดใช้ไปก่อน เพราะตอนนั้นเรายอมรับว่าเราโดนหนักนะจริงๆ ตูมไม่รู้ว่าวันนี้ทิศทางมันจะไปเลยทางไหนกับธุรกิจที่ตูนสร้างมา แต่ยืนยันได้ว่าตูมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายหรือทำลายชีวิตใครอย่างแน่นอน”
ซัด “ปู” บอกสงสารตัวแทน แต่วันนี้คนที่ต้องอุ้มตัวแทนเป็นบริษัทไม่ใช่ปู
“จริงๆ ตัวของกุ๊บกิ๊บมันก็ยังไปต่อได้ วันนี้มีตัวแทนหลายคนมาหาตูมด้วย ตูมเชื่อว่ามันเป็นอาชีพสุจริตที่สร้างคนได้และช่วยเหลือคนได้ คำว่าสงสารตัวแทนที่เขาพูด เขาอาจจะหมายถึงสงสารเรื่องกำไรที่เขามาลงทุนในวันที่เขาพูดเปิดตัว แต่ ณ วันนี้คนที่เห็นตัวแทนลำบากจริงๆ คนที่ต้องอุ้มตัวแทนขึ้นมาจริงๆ คือบริษัท ไม่ใช่เขา“
ภาพลักษณ์บริษัทเสียหายอย่างหนัก ทั้งโดนด่าว่าใช้อย.ปลอม วันนี้ไม่มีคนเชื่ออีกแล้วว่าดาราใช้สินค้าจริง
“มันกระทบอยู่แล้วครับ แต่เรื่องคุณภาพของสินค้าต้องให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสิน ณ วันนี้คนออกมาด่าสินค้าเราเยอะมาก เคยใช้จริงหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้เราก็เคยโดนด่าแรงมากว่าใช้ อย. ปลอม จนเราต้องออกมาชี้แจงว่าจริง เราต้องบอกว่าเราเป็นแบรนด์ที่มีนางเอกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์และบอส เพราะฉะนั้นมันเลยไม่แปลกที่คนจะมาเพ่งเล็งเราเป็นพิเศษ และแบรนด์เราดังเรา ต้องยอมรับตรงนี้ครับ”
“จริงๆ ตูมเซ็นซิทีฟกับตัวแทนมาก (เสียงสั่น) เขาไม่จำเป็นต้องเชื่อบริษัทก็ได้ครับ ถึงแม้ตัวแทนหลักๆ บางคนจะขาดทุน แต่เขาก็มาบอกว่า บอสไม่เป็นไรนะเราจะสู้ไปด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่มันทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำต่อไป ธุรกิจของเราเคยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเคยทรุดลงไปอย่างมากตอนที่มีปัญหาเรื่องธุรกิจอาหารเสริม วันนี้ไม่มีใครเชื่อแล้วว่าแค่ดาราถือคือดารากินจริง”
ยอมรับคลิปที่ “มะตูม” บอกว่า จะไม่รับรีวิวสินค้าอะไรเพราะหน้าดีอยู่แล้วพร้อมกับใช้คำพูดหยาบคายคือตนเอง แต่ที่รีวิวสินค้าของตัวเองนั้นใช้จริง
“ขอพูดแก้ต่างตรงที่มีคลิปแชร์กันเยอะมาก ซึ่งเป็นคลิปของมะตูมที่เคยบอกว่าจะไม่รับรีวิวนะหน้าดีอยู่แล้ว นั่นเป็นคลิปที่ตูมอัดจริงๆ เป็นตูมจริงๆ ไม่ใช่คนหน้าคล้ายนะ ต้องขอโทษทีตอนนั้นพูดหยาบ แต่ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าถ้าไม่ได้ใช้อะไรจริงๆ จะไม่มีทางโพสต์รูปหรือรีวิวเด็ดขาด สิ่งที่ตูมโพสต์ในไอจีทุกวันนี้ มันคือผลิตภัณฑ์ของบริษัทตูมเอง ซึ่งกว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมาสู่ตัวแทน มะตูมต้องพัฒนามันเองต้องไปโรงงานเอง ลองกับหน้าตัวเองหลายสูตรต่อหลายสูตร จึงกล้าบอกว่าเราใช้จริงถึงกล้าพูด”
โดนด่าเละอยู่คนเดียวเพราะไม่ดังเทียบเท่า “ปู” กับ “ต้นหอม” รู้ตัวเองดีว่ามาจากจุดไหน
“บทเรียนในครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าด้วยคาแรกเตอร์ที่ถูกมองว่าตูมเป็นคนแรงอยู่แล้ว ถามวันนี้สำนึกผิดตรงไหน คือเรื่องการสงบสติอารมณ์ในการใช้โซเชียลของตัวเอง แต่ถ้าในเรื่องของพาร์ทธุรกิจ ตูมมีความรู้สึกว่าตูมโปร่งใส และทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาโดยตลอด ถ้าวันนี้ตูมจะขอโทษ ตูมขอโทษกับทุกคนที่รู้สึกไม่ดีกับข้อความในโซเชียลของตูม”
“ต้นหอมกับปูทะเลาะกัน เหมือนเขาอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ดีเจมะตูมไม่สามารถไปเทียบเคียงกับเขาได้ ต้องมาตอกย้ำหรือมาด่าตูมครับ เพราะตูมตระหนักและสำเหนียกตัวเองอยู่แล้วว่ามาจากจุดไหน ไม่เคยลืมกำพืดตัวเอง แค่มีวันนี้ได้เราก็มีความสุขและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีแล้วครับ”
ไม่ได้ดึง “แพท” มาเสียบแทน “ปู” เพราะแพทเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แล้ว
“ไม่ใช่ครับ หลายคนเข้าใจผิดเครือของปูคือ ไปรยา บาย แอลบี สิ่งที่ตัวแทนลงทุนมันต้องเดินหน้าต่อ ซึ่ง แพท ณปภา ไม่ได้อยู่บนกล่องด้วยซ้ำ แพทเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ เพราะจริงๆ ถ้าไปถามแพท แพทเขาจะถูกบิ้วให้เป็นพรีเซนเตอร์ก่อนพี่ต้นหอมซะอีกสำหรับตัวแอลบี และพอแพทเขาหมดสัญญาปุ๊บ เราก็เอาแพทมาทำสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ต่อ 1 ปี แพทเป็นพรีเซนเตอร์นะครับ ไม่ใช่บอสเหมือนกับที่ปูเป็น มะตูมยังยืนยันนะครับว่าทำไมปูถึงเป็นบอส เพราะนั่นคือสิ่งที่เราคุยกัน เราคุยกันว่าหุ้นส่วนเราจะแบ่งกันเท่านั้นเท่านี้ และในวันเปิดตัวเราก็ให้ปูพูดได้เลย อีกอย่างในวันเปิดตัวเราก็ไม่ได้มีสคริปต์”
เครียดจนร้องไห้ โดนด่าหนักที่สุดในชีวิต คนด่าถึงพ่อถึงแม่
“ร้องครับ เราโดนคนด่าทั้งประเทศ แถมด่าถึงพ่อถึงแม่ด้วย ซึ่งภาพมองบนของมะตูม มะตูมยืนยันเลยว่าไม่ได้ตั้งใจแขวะใคร มะตูมลงก่อนที่เขาจะให้สัมภาษณ์ด้วยซ้ำเพราะมันเป็นเวลาอเมริกา และสาเหตุที่มะตูมนำมาโพสต์ลงก็เป็นเพราะมะตูมรู้สึกว่ามุมหน้ามันสวย อันนี้พูดจริงๆ เลย และยิ่งพอกุ๊บกิ๊บเข้ามาคอมเมนต์มันก็เลยเหมือนกับว่าเป็นการจุดชนวนให้กับข่าว คอมเมนต์แรงมากๆ ครับ มะตูมไม่เคยโดนใครด่าหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แต่มะตูมก็จะไม่ลบ เพราะมะตูมจะเก็บไว้เตือนตัวเองว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยทำพลาด เรื่องนี้จะได้เป็นบทเรียนในการสอนมะตูม หากวันไหนที่เรารู้สึกหลงตัวเองก็ให้มาย้อนดูว่า ไม่ใช่ทุกคนจะเปิดพื้นที่ให้เราหรือเปิดแขนต้อนรับเรา เพราะยังมีคนบางคนที่เขาเกลียดและไม่ชอบเราอยู่ด้วยเหมือนกัน”
ต่อไปจะร่วมงานกับใครต้องคิดให้มากขึ้น
“เราต้องคิดให้มากขึ้น จริงๆ มะตูมไม่อยากพูดประโยคนี้นะ แต่ถ้ามะตูมมองใครเป็นเพื่อนจริงๆ มันไม่มีการฟ้องร้องกันอยู่แล้ว ซึ่งกับปูเราเองก็ไม่ได้สนิทกับเขาหรือรู้จักกับเขาขนาดนั้น มันไม่ได้เหมือนกับแต้ว กุ๊บกิ๊บ หรือพี่ต้นหอมที่เราสนิทกันมาก่อนรู้จักกันมาก่อน แต่ว่าของคุณปูเขาอยู่สูงมาก(เสียงสูง) ซึ่งมะตูมไม่ได้จะจัดระดับใครนะครับ แต่มะตูมแค่จะบอกว่าก่อนที่เราจะมาเซ็นสัญญาร่วมกัน มะตูมเคยเจอกับเขาแค่ 2 ครั้งเอง คือเราแทบจะไม่รู้จักกันเลย”
เผย “ปู” ส่งข้อความาขอโทษ
“จริงๆ มะตูมกับปูเราไม่ได้คุยกันมาครึ่งปีแล้วตั้งแต่แตกหักและทะเลาะกัน แต่ว่าตอนนั้นยังอยู่ในสัญญานะครับ คือเขาต้องการให้คุยผ่านทนายเขาเท่านั้น ให้มะตูมไปคุยกับทนายของเขา ซึ่งมะตูมรู้สึกว่าทำไมจะต้องใช้ทนายคุย เพราะถ้าเขาไม่คุยกับมะตูมก็ให้ทนายของมะตูมไปคุยกับทนายเขาก็ได้ ให้ทนายกับทนายคุยกันดีกว่า ดังนั้นมันก็เลยกลายเป็นว่าตลอดระยะเวลาที่เรามีปัญหากัน ทนายคุยกับทนายตลอด แต่ตัวของเราเองไม่เคยได้คุยกันเลย”
“จนกระทั่งวันที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์แบบนั้น ซึ่งมะตูมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้วว่า ทำไมเราไม่เคลียร์กันหลังบ้านมันจะได้จบ แต่ถ้าจะให้มาเคลียร์ตอนนี้มันก็คงจะไม่มีประโยชน์แล้วเพราะมันมองหน้ากันไม่ติดไปแล้ว อย่างล่าสุดเขาก็ไลน์มาถามว่า มะตูมเลิกบล็อกเขาแล้วหรือยัง ซึ่งมะตูมสามารถบอกได้เลยว่ามะตูมไม่เคยบล็อกเขาเลย แม้กระทั่งวันนี้อินสตาแกรมเขามะตูมก็ยังติดตามอยู่ ทั้งๆ ที่เขาเลิกติดตามมะตูมไปแล้ว มะตูมยืนยันได้เลยว่า ไม่เคยบล็อกเขา แล้วมะตูมก็ยอมรับว่ามะตูมส่งข้อความไปหาเขาด้วยความน้อยใจว่า คุณจะมาด่าเราเหรอ คุณทักเรามาทำไม ถ้าจะมาด่าไม่ต้องแล้วนะเพราะเราโดนคนทั้งประเทศด่าแล้ว ซึ่งเขาก็พิมพ์ข้อความมาประมาณว่า พี่มะตูมปูขอโทษไม่อยากให้มาถึงจุดนี้เลย จริงๆ ปูยังรู้สึกดีกับพี่มะตูมนะ คือ...เรายิ่งเห็นประโยคนี้เราเองก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ เพราะว่าถ้าเขายังรู้สึกดีทำไมเขาไม่เคลียร์ก่อนจะออกมาพูดทำไม เรามาคุยกันก่อนสิ การที่เราสาดโคลนใส่กันคนที่เจ็บคือมะตูม รองมาก็คือคุณนั่นแหละที่โดนด้วย”
“ก็คือถ้าถามมะตูม มะตูมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามะตูมถูกไหมในสายตาคนอื่น แต่มะตูมก็พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุด เพราะว่ามะตูมยังต้องทำมาหากินในวงการนี้ มะตูมไม่ได้อยากที่จะอยู่ดีๆ ก็ต้องมาเข้าคุกนะพี่”
พร้อมแถลงข่าวคู่ “ปู” มาดีเบตกันไปเลย ฝากไปถึงปูให้เอาหลักฐานมาขึ้นศาลให้ศาลตัดสิน
“จริงๆ ก็อยากที่จะพยายามเคลียร์ทั้งตัวเขาและตัวเรา ซึ่งก็มีคนท้านะว่าให้เราสองคนมาดีเบตกัน หรือให้เราทั้งคู่มาแถลงข่าวพร้อมกันเลย มะตูมพูดได้ว่ามะตูมพร้อมนะครับพร้อมเสมอ แต่ถ้าถามว่า ณ วันนี้เรายังสามารถมองหน้ากันได้ไหมหรือร่วมงานกันติดไหม มันไม่ติดหรอกครับ มันไม่ติดอีกแล้ว ส่วนเรื่องการเดินหน้าต่อไปจะทำอย่างไร อย่างแรกเลยก็คือหยุดการด่าทอ หยุดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เนื่องจากตอนนี้ปูเขายังอยู่ที่ต่างประเทศและมีกำหนดการว่าจะกลับอาทิตย์หน้า เอาเป็นว่ามะตูมขอพูดผ่านตรงนี้ละกันเพราะเขาเองก็ได้พูดผ่านสื่อมา คือ...ปู มะตูมได้รับบทเรียนแล้ว กับการทำธุรกิจโดยที่เราไม่ได้ศึกษาดูใจกันมาตั้งแต่แรก ณ วันนี้ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกว่าตัวเองถูกต้องมีหลักฐาน เพราะฉะนั้นเราให้กระบวนการของศาลเป็นคนตัดสินเราสองคนดีกว่า เราสองคนไม่ต้องมาให้ประชาชนตัดสินกันเอง เพราะประชาชนไม่ใช่ศาล”
“ถ้าหากต้องไปเจอกันที่ศาล มะตูมใส่แว่นมะตูมก็คงต้องถอดแว่นและมองปกติ แต่ถ้าจะให้อยู่ดีๆ เข้าไปทักเข้าไปเซย์ไฮมันคงจะไม่ได้แล้ว”