ซิลวี่” สารภาพ เคยติดยาเสพติดเพราะอยากผอม หลงตัวเองเลวถึงขั้นเล่นยาต่อหน้าแม่ กว่าจะเลิกได้ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี พร้อมเผยตัวตนเป็นLGBT เป็นคนที่ไม่มีเพศ หญิงก็ได้ชายก็ได้
ขยันแบกร่างอวบๆอวดนมอวดก้นไซส์กาละมังกลายเป็นไอคอนให้สาวยุคใหม่ให้หันมายอมรับและภูมิใจในรูปร่างของตัวเองอวบก็แซ่บได้ แต่ใครจะรู้กว่าสาว “ซิลวี่ เดอะสตาร์” หรือ “ซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ”จะมั่นขีดสุดมาถึงจุดนี้ได้ เธอต้องผ่านเรื่องราวชีวิตที่เรียกว่าวิบัติมาอย่างมากมายทั้งติดยาอย่างหนัก เลวถึงขั้นเล่นยาต่อหน้าแม่กว่าจะตกตะกอนชีวิตหันมารักตัวเองเคารพตัวเองก็ทำเอาชีวิตตกต่ำพร้อมกับประกาศตัวชัดเจนว่า LGBT(กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ)ไม่มีเพศบางวันก็แรด บางวันก็แมน รักได้ทั้งชายและหญิงขอแค่พอใจ
“ไม่มีหนุ่มๆเข้ามาเลย เวลาไปเที่ยวก็จะมีคนมองบ้าง แต่เขาก็มองเฉยๆ ไม่มีใครเข้ามาคือเราไม่เป็นด้วย ทำไม่เป็น ส่วนมากจะมีผู้หญิงเข้ามาหาเรามากกว่า ทั้งเลสเบี้ยนทั้งทอม แต่ผู้ชายไม่ค่อย ด้วยลุกส์เราเขาก็คงจะคิดว่าเราเป็นอีกแนวนึง จริงๆแล้วอยากจะบอกว่าเราเป็น LGBT(กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ)เป็นมาสักพักแล้วแต่เพิ่งจะมาเปิดเผย นี่ก็เพิ่งไปสักสัญลักษณ์ของ LGBT ไว้ที่แขน”
“เรารู้ตัวมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเราเป็นไบเซ็กชวลตอนนั้นเราจะยังไม่กล้าห้าว กลัวคนคิดว่าเราเป็นทอม ทุกวันนี้กล้าตัดผมหรืออะไรแต่ยอมรับว่าเรายังแรดอยู่ เราไม่ได้เป็นทอมแรดนะ เราไม่ได้เป็นอะไรเลยเป็นคนไม่มีเพศ เป็นซิลวี่ที่อะไรก็ได้เลย เพศสภาพปัจจุบันมันเปลี่ยนกันได้วันไหนเราอยากแมนเราก็จะแมน วันไหนเราอยากสวยเราก็จะสวย อะไรก็ได้เลย“
เลือกมองคนจากความคิดมากกว่าเพศสภาพเผยเมื่อก่อนเก็บกดต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง
“เรามองคนจากความคิดมากกว่าไม่มีสเป็คเลยว่าต้องหน้าตาแบบนี้ แต่งตังแบบนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเราโอเพ้นมากๆ ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มี LGBT เราก็เป็นไบเซ็กชวลชอบผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้ ที่ผ่านมาก็มีผู้หญิงเข้ามาตลอดเลยเคยมีผู้ชายเข้ามาคนหนึ่ง คือมันแล้วแต่ช่วงแล้วแต่อารมณ์ช่วงนั้นเลยขอแค่เราอยู่กับเขาแล้วเราไปในแนวทางที่ดีซัพพอร์ตเราให้กำลังใจ เราเราโอเคเราต้องการตรงนี้มากๆ”
“เหมือนเมื่อก่อนเราเก็บกดมาเยอะเราบอกใครไม่ได้ว่าเราเป็นอะไร ต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา เช่น ใส่ส้นสูงความอ้วนความผอมที่เราจะต้องหุ่นเท่าคนอื่น คือคนไทยนิยมคนผอมสวยขาวเราก็พยายามที่จะเป็นอย่างนั้นเราคิดเลยว่าถ้าเราเป็นอย่างนั้นเราอาจจะได้งานที่มากขึ้นแต่กลายเป็นว่าสุดท้ายเราเก็บกดมันไว้ทุกๆ อย่าง คิดอย่างนี้มาเรื่อยๆ จนอายุ 21ปีถึงเพิ่งจะมาคิดได้ว่าไม่จำเป็นแล้วถึงค่อยเสริมสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เป็นตัวเองได้อย่างทุกวันนี้”
สุดท้ายจะค้นพบได้เป็นตัวเองงานก็ยังเท่าเดิม แต่ที่ได้มากกว่าเดิมคือความสุขที่ได้เป็นตัวเอง
“งานคิดว่าประมาณเดิมแต่ที่เปลี่ยนเลยจริงๆ คือเรื่องของจิตใจเรา เรามีความสุขกับชีวิตมากขึ้น กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่เราอยากจะเป็นมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เมื่อก่อนเราจะคิดแล้วเครียดตอนนี้เราคิดในทางบวก สามารถเผยแพร่ให้กำลังใจให้ความรู้คนอื่นได้”
เปิดโปงชีวิตเคยตกต่ำที่สุดหันไปใช้ยาเสพติดเพราะอยากผอม
“มีอยู่ช่วงนึงที่ชีวิตเราตกต่ำใช้ชีวิตเละเทะหลงผิดตอนนั้นอายุ 18-19 เราใช้ยาเพื่อให้ตัวเองผอม ไม่ใช่ยาลดความอ้วนนะคะแต่เป็นยาเสพติดช่วงนั้นชีวิตดาร์คมากไม่ไปเรียนงานก็เสียเข้ากับครอบครัวไม่ได้จนเราทนไม่ไหวแล้วกับชีวิตที่เราเป็นอยู่ ความใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาในวงการบันเทิงเข้ามาตั้งนานแล้วอยู่ๆ มาทำเละเทะแบบนี้ คิดว่าตัวเองมีเงินจะทำอะไรก็ได้จะปาร์ตี้จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นมันเละเทะไปหมดคือเราคิดไม่ได้แต่อยู่จิตใต้สำนึกของเรา กับแม่ที่คอยอยู่ข้างๆเราถึงเราจะไม่ดียังไงเขาก็ไม่เบื่อที่จะพูดให้เรากลับมาเป็นคนดีเราเลยรู้สึกสงสารแม่ เราทนสภาพตัวเองไม่ไหว เลยพลิกตัวเองขึ้นมาพอเปลี่ยนความคิดว่าไม่อยากจะทำตัวไม่ดี หลังจากนั้นอย่างอื่นตามมาหมดเลยเรียนก็ดีขึ้นมีความมั่นใจตัวเองดีขึ้นทุกอย่างตามมาหมดเลยชีวิตเปลี่ยนไปเลยจากตรงนี้นี่แหละ แต่พอเลิกยาเราก็อ้วนขึ้นอีก(หัวเราะ)”
ติดยาอย่างหนักใช้เวลา 5 ปีถึงจะเลิกได้ขาด
“เราเป็นมากถึงขั้นจะไปเลิกที่วัดถ้ำกระบอกเลยนะติดเยอะมาก เราเปลี่ยนไปคนละคนเลย ช่วงนั้นเราจะเก็บตัวไม่คุยกับใครแล้วจุดที่เริ่มคิดจะไปเลิกที่วัดถ้ำกระบอกเพราะเราเริ่มที่จะทำลายข้าวของเพราะเราต้องการมันแต่เราก็ผ่านจุดนั้นมาได้ มันไม่สามารถเลิกขาดได้เลยตามที่ใจเราต้องการนะพอมันมีเหตุการณ์นั้นเรารู้สึกว่าเราเป็นตัวอสูรแล้ว เราอยากจะเลิกจริงๆ แล้วเราทำลายข้าวของทำลายนั่นนี่เพื่อที่จะได้ยามันเกินไปแล้วพอเจอเหตุการณ์นั้นเราเลิกได้พักนึงเราก็กลับไปหามันอีก ก็เจออีกเหตุการณ์หนึ่งอีกวนๆ อยู่อย่างนี้ถึงจะค่อยๆ ลดไปเรื่อยๆ จนมันขาดไปเอง ค่อยๆทำให้ตัวเองแข็งแรงขึ้น ก็ใช้เวลา 5 ปี ตอนนี้คลีนทุกอย่าง”
เผยตอนนี้เลิกยาเสพติดเด็ดขาดมาได้1 ปีแล้ว มีแม่เป็นเสาหลักคอยช่วยเตือนสติ
“ตอนนี้เลิกเด็ดขาดแล้วใช้เวลานานมากนะคะกว่าจะเลิกได้ขาด นี่ก็เพิ่งเลิกขาดได้จริงๆ ปีเดียวเองรวมที่ติดทั้งหมด 5 ปี ทุกวันนี้บอกตัวเองจะไม่กลับไปหามันอีกทุกวันนี้ยังมีสังคมที่เข้ามาชวนให้เรากลับไปใช้มันอีกแต่สิ่งที่ทำให้เรายืนกรานได้ทุกวันนี้คือความคิดเราที่แน่วแน่ว่าเราจะไม่กลับไปอีก แล้วก็แม่มีอะไรก็จะบอกแม่ใครมาชวนก็บอกแม่ แม่เขาก็จะช่วยเรา คือต้องมีคนคอยเตือนเราคือเราไม่อยากเสียแม่ไป ไม่อยากทำให้เขาผิดหวังในตัวเราแล้ว เรื่องดีๆเราก็มีเยอะแต่เรากลับเก็บเอามาเหลิงว่าเราสามารถทำแบบนี้ได้เพราะเราหาเงินเองได้แล้วมันเป็นความคิดที่แย่มาก”
“ณเวลานั้นมันจะเหมือนเป็นคนบ้า มันจะเหมือนคิดได้ แล้วก็กลับมาคิดไม่ได้ วนๆ อยู่อย่างนี้กว่าจะเป็นเราทุกวันนี้ได้นานมาก กว่าที่เราจะหล่อหลอมตัวเองว่าเราสามารถยืนเองได้เรามีที่ยึดได้แล้ว เมื่อก่อนจะอยู่กับความรู้สึกได้-ไม่ได้ โลเลตลอดเวลาแต่จะบอกทุกคนเลยว่า เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องคิดได้เอง เรื่องนี้ต้องคิดได้เองจริงๆพ่อแม่หรือใครไม่ช่วย ส่งไปต่างประเทศอะไรไม่ช่วยหรอก ต้องคิดได้เองจริงๆจิตสำนึกของเราเองล้วนๆ เลย บวกกับความรู้สึกที่แม่เขาเหนื่อยที่จะพูดกับเราวันที่เขาเหนื่อยจะพูดกับเรานั่นแหละเราถึงคิดได้ว่าเขายอมแพ้กับสิ่งที่เราทำแล้วเราต้องคิดให้ได้แล้วนะ ที่ผ่านมาเขาพูดเขาทำมาโดยตลอดจนที่สุดเขาถึงขึ้นยอมแพ้แล้ว เราเลยกลับมาคิดได้เอง ดีใจที่กลับมาคิดได้เอง”
เลิกยาแล้วเหมือนได้ชีวิตใหม่เรียนจบ มีงาน ได้เป็นครูสอนร้องเพลง
“ตอนนี้เป็นคนใหม่เรียนจบแล้ว เป็นครูสอนร้องเพลงด้วย ชีวิตพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยชีวิตดีขึ้นเยอะอ้วนท้วมสมบูรณ์อยู่ในสิ่งที่กำลังพอดีได้กินอาหารอร่อยที่เราอยากกินได้ออกกำลังกายไม่เครียดอยากกินตอนไหนก็กินอยากลดวันไหนก็ลดแล้วแต่เลยอยากจะเป็นอะไรวันไหนก็เป็นอะไรก็ได้ขอแค่ไม่ทำผิด ความคิดนี้มาจากแม่ว่าอะไรก็ได้เลยขอแต่อย่าทำผิด ทำอะไรที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดจากสิ่งที่เขาบอกกันว่า อันนี้ห้ามทำคือมันไม่เคยมีใครบอกว่า ห้ามแต่งตัวโป๊นะ ตราบใดที่เราไปทะเลเราสามารถใส่ได้มันจะมีข้อจำกัดของเรากับแม่อยู่แค่ว่า ขอแค่อย่าเละเทะ ชีวิตได้เรียนถูกเรียนผิดมีบทเรียนให้ตัวเองพอเรายืนได้ทุกอย่างที่เราอยากจะมีตอนนั้นมันมาหมดเลยเราได้รีบูทกลับมาเป็นตัวเอง”
เตือนสติวัยรุ่นจงเชื่อในสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดคำว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนนั้นมันคือเรื่องจริง
“ช่วงนั้นเราเป็นวัยรุ่น 18-19 ปี เรากำลังมีความคิดว่า เรากำลังจะเป็นผู้ใหญ่สิ่งที่เราคิดเรามีเหตุมีผลของเรา เราก็เลยจะกล้าทำในสิ่งที่เราคิดมากๆและเราก็คิดว่าสิ่งที่เราคิดที่เราทำมันถูกต้องแล้วอยากบอกว่าขอให้ฟังไว้เถอะสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาบอกว่า เขาอาบน้ำร้อนมาก่อนมันคือเรื่องที่จริง ยังไงก็ตามเขาโตมาก่อนเรา เราจะเถียงจะยืนกรานว่าเราถูกต้องยังไงก็ตามแต่ไม่อ่ะมันมีข้อจำกัดของมัน ยังไงก็ต้องฟังเขาไว้อยู่ดี สิ่งที่เขาเตือนมันจะเป็นอย่างนั้นหรือมันจะเป็นไปในทางนั้นอย่าคิดว่าโลกมันหมุนรอบตัวเรา อย่าคิดว่าเราเป็นเจ้าของโลกของเราสิ่งที่เราทำเราจะคิดว่ามันไม่ได้เดือดร้อน เราสัมมะเลเทเมาเราก็เดือดร้อนแค่ตัวเรา ใช่ แต่เวลาเข้าโรงพัก เข้าโรงพยาบาลใครเดือดร้อนตอนนั้นเราคิดว่ามันไม่มีหรอก เราตายไปเราก็ตายของเรา แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยคนที่เดือดร้อนก็คือครอบครัวของเรา สิ่งที่เราทำอยู่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนที่เขาต้องมาทุกข์ใจกับเราอยากให้คิดดีๆ อยู่กับตัวเองมีสติอย่าไหวไปตามอารมณ์”
“ในวันนั้นโชคดีมากๆที่เรามีแม่ แม่ขึ้นมาอยู่ด้วยที่กทม.เลย คือเขาเห็นเลยว่าเราเสพยา เราเล่นยาต่อหน้าโดยไม่แคร์อะไรเขาเลยตอนแรกเขาแค่จับได้เฉยๆ พอเขาจับได้เราก็เล่นมันตรงนั้นเลย คือหนูเหี้ยอ่ะพี่ยอมรับเลย 18-19 เป็นจุดเริ่มต้น 20 เรายังเล่นอยู่บ้าง จนตอนนี้ 23 เลิกขาดหมดแล้ว ขาดมาปีนึงถ้าเรายังอยู่ในวงเวียนนั้นเราก็ยังกลับไปอีก เราก็ค่อยๆปรับตัวเองถ้าไปปรับเลยนี่คงต้องไปโรงพยาบาลแล้ว โชคดีมากๆ ที่พอเรากลับมาเป็นคนดีแล้วมีงานเข้ามาทุกอย่างเหมือนเดิมไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้เลย แต่เราอยากเล่าประสบการรณ์ชีวิตเราให้คนอื่นฟังเผื่อจะมีประโยชน์กับใครบ้าง”