เหลือเชื่อ “อ้อยใจ” สั่งจิตได้ อธิษฐานถึง “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์”ทุกวันจนได้มาเล่น “กรงกรรม” ยันไม่ได้เล่นของหรือมนต์ดำแค่ทำบุญทำทานและรักษาสัจจะไม่โกหกไม่นินทาคนอื่น เผยชีวิตนี้อุทิศให้กับหมาจรจัดเจอโดนด่าโดนประณามแต่ไม่เคยตอบโต้มีแต่ให้ขอบคุณและให้พร สุดท้ายคนด่ามีอันเป็นไป
หวนคืนจออีกครั้ง!!กับบทบาทของโสเภณีรุ่นพี่ชื่อ “ประนอม” ของ “เรณู” ในละครเรื่อง “กรงกรรม”ที่ได้นักร้องสาวลูกทุ่งเจ้าของตำนานเบรคแตก “อ้อยใจ แดนอีสาน” ซึ่งก่อนหน้านี้บันเทิงMGR ได้เปิดเผยชีวิตของอ้อยใจที่คนในครอบครัวค่อยๆ ตายไปทีละคนเหตุเพราะผิดคำสาบานและนี่ก็จะเรียกได้ว่าเป็นภาคต่อก็ได้เพราะกว่าจะได้มาเป็นหนึ่งในนักแสดงละครเรื่อง นักร้องสาวรุ่นใหญ่ถูกมองว่า เล่นของพร้อมชีวิตอีกด้านที่แม้จะขายยำประทังชีวิตแล้ว แต่ก็ไม่วายถูกป้ายยา ขโมยเงินจนหมดชีวิตนี้อุทิศให้กับหมาจรจัดจนคนหมั่นไส้ด่าใส่หน้าทุกวัน ประหนึ่งว่าเป็นศัตรูด่าอยู่ได้ทุกวัน
“ที่ได้กลับมาเล่นละครอีกครั้งเอาจริงๆ พูดแล้วขนลุกนะ เพราะว่าเราชื่นชอบการแสดงของคุณพงษ์พัฒน์มานานตั้งแต่สมัยที่เล่นกับคุณลลิตาเป็นหนังใหญ่ตั้งนานแล้วเคยใฝ่ฝันว่าเมื่อไหร่เราจะได้ร่วมงานกับเขา เพราะเราดูละครของคุณพงษ์พัฒน์แล้วรู้สึกดีชอบอยากจะเล่นพอถามหลายๆ คนเขาก็บอกว่าเข้าไม่ถึงตัวหรอก แต่มีพระองค์เป็นพระเขมรบอกว่า คุณอ้อยใจอธิษฐานเลยว่าคุณอ้อยใจอยากเจอใคร อยากจะทำอะไร ก็เลยบอกว่าอยากเจอคนๆ หนึ่งคือพงษ์พัฒน์วชิระบรรจง และท่านก็บอกว่าให้โยมตั้งจิตอธิษฐาน แล้วก็หมั่นทำบุญตักบาตรให้ทานแล้วโยมจะเจออาตมาคิดว่าอาจจะมีโอกาสได้เจอ”
“แล้วก็มีขันน้ำมนต์ที่มีตอกที่เขาเอาไว้มัดข้าวต้ม เขาก็หักแล้วเขาก็เอามาวางในพาน อีกสักพักหนึ่งท่านก็เอามาใส่ในน้ำมนต์แล้วก็เอาดอกมะลิมาใส่ก็จะเห็นเป็นรูปร่างเราก็มองใช่หรือเปล่านะ แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเห็นเป็นรูปร่างหน้าตาแต่เราจำคร่าวๆ ได้ว่าเป็นคุณพงษ์พัฒน์ คือในขันน้ำมนต์ขึ้นมาเป็นรูปเลยดอกมะลิเรียงเป็นรูปเพราะในขันน้ำมนต์มีดอกมะลิกับตอกท่านก็บอกว่าโยมอยากเจอคนนี้ใช่ไหม โยมก็หัดหมั่นทำบุญตักบาตรต่อจากนี้ไปโยมก็ทำบุญตักบาตรให้ทาน ห้ามไปนินทากาเล ห้ามพูดโกหก ห้ามพูดเท็จเขาห้ามหมดเลยจริงๆ ซึ่งเราก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วเพราะวันๆเราก็ขายแต่ของอย่าเดียว แต่พอเวลาผ่านไป เราก็คิดว่าจะจริงเหรอ”
ถูกป้ายยาคารถขายยำคนรุมด่าหน้าป้ายรถเมล์ เผยผมร่วงแทบหมดหัว แต่ไม่แคร์คำด่าเดินหน้าหาเงินเลี้ยงหมากว่า 100 ตัว
“และพระท่านยังบอกว่าหน้าตาของโยมดูหมองคล้ำนะคือที่ท่านทักเริ่มแรกเลยสตางค์หาย เพราะด้วยความใจดีของเรา ชอบช่วยเหลือและตอนนั้นเราขายของก็รู้จักกับแม่ค้าคนอื่นบางคนเขาไม่มีที่นอน เราก็ใจดีพาเขาไปอาศัยอยู่ด้วย แล้วก็ถูกเขาขโมยเงินไปเราก็เลยเครียดผมก็เลยร่วงแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะว่าเราไม่สามารถพูดอะไรต่อ เพราะว่าเราไม่มีหลักฐานแต่เรารู้ว่าใครเป็นคนขโมยไป ซึ่งพอไปถามเขา เขาก็ตอบว่าไม่รู้และหลังจากนั้นพอเราทำใจได้แล้วห่างไปประมาณสัก 6-7 เดือน เราก็เริ่มเก็บเงินสะสมขึ้นมาได้ประมาณ 48,000 บาทซึ่งพอดีฝาบ้านปลวกมันกิน เราก็กลัวว่ามันจะอันตรายกับเราก็เลยให้เขามารื้อฝาผนังบ้าน แล้วถึงเวลาเขามาเก็บเงินเราก็เลยบอกว่าให้มาเอาที่รถเข็น ซึ่งตอนนั้นเราออกไปขายยำพอดีแต่ยังไม่ทันให้สรุปสุดท้ายเราถูกป้ายยา”
“แม้ตัวเราไม่มีจะกินแต่เราก็ยังห่วงพวกมัน อีกอย่างก็คือทำมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมาทำทำมาตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าวงการเลย สุนัขเหล่านั้นเขาพูดไม่ได้เขาไม่สามารถไปขอใครกินได้และเขาต้องหนีไปอยู่ในป่าไปขุดดินอยู่ในรูและเวลาไปให้อาหารก็ต้องไปให้ตอนตี 1 เพราะเคยไปให้ตอนกลางวันก็มีคนมาด่าว่า อีนี่รวยอะไรนักหนาแต่หลวงพ่อเคยสอนว่าไม่ต้องเถียงไม่ต้องพูดตอบโต้เวลาเขาว่าเราบุญของเขาก็จะเหลือน้อยลงไป และถ้าเราไปโต้ตอบอะไรกลับไปบุญของเราก็จะออกไปหาเขา ซึ่งเวลาเขาว่าอะไรเรามา เราก็ยิ้มและขอบคุณ กล่าวคำว่าสวัสดี”