"ปั้นจั่น ปรมะ" ไม่เคลียร์ "ป๊อก ปิยธิดา" แฮชแท็กแรง "อยากแปลกไม่แดกคน" ดรามาปลากระเบน รับผิดคิดน้อย-ไม่รู้กระทบจิตใจใคร เผยน้อยใจและสับสนกระแสตีกลับ คนมาเม้นต์ได้รับผลกระทบไปด้วย เดินหน้าจีบ "ฐิสา" อนาคตใช่หรือไม่ อย่างน้อยแค่รู้จักกันก็ถือว่าโชคดีแล้ว ทำให้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี
เจอดรามาปลากระเบนเข้าเต็มเปา หลังออกปากวิจารณ์รายการมาสเตอร์เชฟ ถึงขั้นผุดแฮชแท็กแรง "อยากแปลกไม่แดกคนละครับ" เรียกว่ากระแสตีกลับจน "ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย" ต้องออกมาขอโทษขอโพย สัญญาว่าต่อไปจะระวังการใช้โซเชียลให้มากขึ้น ล่าสุดหนุ่มปั้นจั่นออกมาเผยถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้งในงาน “OPPO F11 Pro Brilliant Portrait in Low Light” ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ยันไม่มีเจตนาดิสเครดิตใคร
“ที่จริงตอบไปแล้วนะครับ จริงๆ ที่โพสต์ไปไม่ได้มีเจตนาที่จะไปดิสเครดิตใคร จริงๆ เป็นคนรักธรรมชาติชอบเที่ยว ตอนพูดไปก็ไม่ได้คิดว่าอยู่ค่ายไหน ช่องไหนด้วย แต่ว่าคำพูดของผมมันอาจจะค่อนข้างรุนแรง ก็คือใครได้ยิน สำหรับแฟนๆ ของทางรายการ ของช่องก็อาจจะไม่ชอบ ครั้งที่แล้วบอกไปแล้วว่าไม่รู้จริงๆ ว่าอยู่ช่องไหน เพราะว่าผมเองผมดูในยูทิวบ์ มันจะไม่มีโลโก้ช่อง ผมไม่รู้จริงๆ เพราะว่าผมไม่ได้ดูทีวี แต่ว่าตอนนี้ทราบแล้วแหละ ก็ต้องขอโทษด้วย ครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนอีกครั้งหนึ่งของผม ก็เป็นเรื่องเซนซิทีฟ เราเขียนแฮชแท็ก ก็พูดตรงๆ ว่าคิดน้อย ไม่ได้คำนึงว่าจะไปกระทบใครจริงๆ เจตนาเรายิงตรงถึงการอนุรักษ์มากกว่า ที่อยากจะให้ช่วยกัน ที่จริงก็ไม่มีอะไรแล้วครับ ก็ขอโทษไปหมดแล้ว”
"ที่จริงมันไม่ได้ใช้อารมณ์โกรธหรืออะไรนะครับตอนโพสต์ แต่ตอนโพสต์ไปมันก็แค่แบบสงสารสัตว์ครับ ฟีดแบ็กกลับมาแรงครับ แต่ว่าผมว่าผมก็ออกมาพูดแล้วก็ขอโทษแล้ว ที่จริงมันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ เพราะว่าเราโพสต์ไป แล้วเราก็เป็นคนสาธารณะ คือผมเองถ้าผมเป็นแฟนคลับหรือแฟนๆ รายการใดรายการหนึ่ง แล้วเราชอบมากๆ มันก็อาจจะมีเอฟเฟกต์กับตัวเรา แต่ว่าไม่อยากจะให้ไปมองในเรื่องของเป็นการแข่งขันของทางช่อง เพราะว่าตัวผมเองก็ทำงานร่วมได้กับทุกช่อง แล้วทุกช่องจริงๆ แล้วก็เป็นพันธมิตรกันหมดเวลาเราทำโครงการอะไรดีๆ ร่วมกัน มันก็ผนึกกำลังกันได้ ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นช่องไหน เพราะว่าทุกคนก็ทำหน้าที่ ทำงานของตัวเองไป ผลิตผลงานดีๆให้กับประชาชนได้ดู"
ตกผลึกความคิด ไม่มีใครมีความเห็นตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์
"จริงๆ หลังจากวันนั้นช่วงแรกมันมีบ้าง แต่ผมเองก็ตกผลึกในเรื่องของความคิดมาแล้ว ซึ่งผมรู้สึกว่าใจเขาใจเรา มันไม่มีใครหรอกที่จะเห็นตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมว่าผมเข้าใจทุกอย่าง มันเหมือนเวลาเราเลือกของ อย่างที่บอกมันไม่ใครชอบของชิ้นเดียวกันทั้งหมด ผมเองก็สำหรับใครที่ติ ที่ว่า ผมก็เข้าใจแล้วก็ขอโทษด้วย”
ระวังเรื่องใช้โซเชียลให้มากขึ้น ไตร่ตรองแล้วแต่อาจไม่มากพอ
"ผมระวังมาโดยตลอด เรื่องโซเชียลเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟ ผมคิดว่าการเมืองเราก็พูดไม่ได้ เพราะมันเซนซิทีฟ แต่ว่าเรื่องสัตว์ เราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทุกคนน่าจะเห็นด้วยนะ ในการที่จะช่วยกันรณรงค์ แต่ว่า ณ วันนี้ก็รู้แล้วว่าคนเรามีความคิดหลายแบบ แล้วสิ่งที่จะตามมา มันไม่ได้กระทบแค่เรื่องของสัตว์อย่างเดียว มันกระทบเรื่องของรายการ เรื่องของเรตติ้งของช่อง ถึงแม้เราจะโพสต์ไปแล้วเราไม่ได้คิดก็ตามว่ามันจะกระทบ แต่ว่าด้วยความไตร่ตรองแล้ว อาจจะไตร่ตรองไม่มากพอ แล้วพอมันไปกระทบ มันก็กระทบจิตใจคนที่เขารักเขาชอบอยู่ ซึ่งอันนั้นผมเองก็เข้าใจ"
ไม่ต้องเคลียร์ "ป๊อก ปิยธิดา"
"ที่จริงกับพี่ป๊อกไม่ได้เคลียร์ครับ ผมว่าสำหรับทางผู้ใหญ่ทางฝั่งนั้นก็ตอบไปหมดแล้วในวันนั้น ว่าผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้รู้สึกว่าผมพาดพิง แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำลายชื่อเสียงหรือว่าไปกระทบกับผู้ทรงคุณวุฒิ หรือว่าผู้ร่วมแข่งขันในรายการ ผมพูดตรงๆ ว่าผมก็ดูรายการ แต่ว่าผมไม่รู้จริงๆ ว่าอยู่ช่องไหน ผมดูยูทิวบ์”
รับสับสนและน้อยใจกระแสตีกลับ ถูกขุดเรื่องเก่าๆ
"ที่จริงก็ค่อนข้างงง สับสนมาก ก็น้อยใจแหละ แต่ว่าผมก็เข้าใจนะ แล้วก็ตัวผมเอง คนที่มาเม้นต์มาอะไรก็โดนผลกระทบไปด้วย ซึ่งอันนั้นผมไม่พูดถึงแล้วกัน เพราะตัวผมเอง ผมก็เคยกิน เคยทานหูฉลามที่เขาโพสต์ว่าผมมา แต่ ณ วันนี้ผมเลิกแล้ว ส่วนรายการที่ผมทำ มันก็เป็นรายการที่ทางนั้นเขาปรุงมาอยู่แล้ว อาหารญี่ปุ่น ผมเป็นแค่ผู้ดำเนินรายการ ก็พรีเซนต์ออกไป มันเป็นอีกหนึ่งงาน แต่ว่าในเรื่องของการรณรงค์ ในเรื่องของความรักธรรมชาติ ผมเองผมก็แอ็กทีฟเต็มที่ ในทุกๆ เรื่อง"
"ถ้าเกิดหลายคนได้ติดตามผม ทั้งเรื่องเสือดำ เรื่องอะไรก็แล้วแต่ บางคนอาจจะไม่เห็นก็ตาม ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็รู้สึกว่าถ้าจะแอ็กทีฟอะไรก็แล้วแต่ ก็แอ็กทีฟในพื้นที่ของตัวเอง ที่ไม่ส่งผลกระทบ แล้วก็เลือกที่จะทำมากกว่า คือเราคิดอยู่อย่างเดียวว่าเราเป็นแค่กระบอกเสียง เราก็คิดว่ามันจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อยากจะทำให้ชื่อเสียงของเรามันเดินหน้า แล้วก็ใช้ประสิทธิภาพให้เต็มที่ในการทำความดี แต่ว่า ณ วันนี้ในโลกที่มันเปลี่ยนไปหลายมุมมอง มันก็ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ผมเองก็คงเลือกที่จะช่วยในวิธีอื่น ในที่ไม่กระทบคนอื่น แล้วก็ไม่กระทบกับตัวเราเองแล้วก็คนรอบข้าง”
เผย "ต๊ะ วริษฐ์ ทิพโกมุท" ห่วง "ฐิสา วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร" เพราะรู้จักกันแล้ว ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ทำให้เปลี่ยนไปในทางที่ดี
"ครับ ก็เหมือนต้องผ่านทุกคนนะครับ ถามว่าเขาห่วงฐิสามั้ย ผมก็เป็นห่วงครับ ที่จริงนั่นแหละครับ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ก็รู้จักกันแล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ก็ศึกษากันไป ก็ไม่ได้มีจำกัดความว่าจะต้องอะไรยังไง เพราะว่าผมก็เพิ่งเรียนรู้ เพิ่งรู้จักกับน้องเขา ก็นั่นแหละครับ ผ่านทางพี่ต๊ะ พี่แอน (เมียต๊ะ) แก๊งเขา”
"ผ่านด่านหลายคนก็พร้อมครับ ผมว่าการที่เรารู้จักคนคนหนึ่งแล้วทำให้เราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ผมเองก็ไม่ใช่อายุน้อยๆ แล้ว ที่จริงๆ หลายๆ คนก็เป็นห่วงนะครับว่าช่วงแรกหรือเปล่า ก็อยากให้ดูต่อไป”
ถึงเวลาอาจใช่หรือไม่ใช่ แต่แค่ได้รู้จักก็ถือว่าโชคดีแล้ว
"ผมว่ามันไม่มีกำหนดเรื่องเวลานะครับ บางทีมันถึงเวลามันอาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ครับ ซึ่งความคาดหวังของผมมันคงมี ถ้ามันผิดหวังก็คงไม่ใช่เรื่องของความผิดหรือว่าโกรธใคร เพราะว่าเราก็ไม่ได้รู้จักเขามาตั้งแต่แรก ณ วันนี้ได้รู้จักกัน ผมถือว่าเราโชคดีแล้ว”
"ถามว่าผมเปลี่ยนไปในทางที่ดียังไง ไม่เจาะได้ไหมครับ ก็คือไม่หรอก ผมว่าบางทีคนเรามันก็สว่างในช่วงเวลาสั้นๆ บางทีเราก็เปลี่ยนตัวเองในอายุที่มันถึง บางทีเมื่อวานเราเป็นแบบนี้อยู่เลย แต่วันนี้ตัดสินใจแล้วตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเดินทางแบบนี้นะ เหมือนข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้น เหมือนเรื่องดรามาปลากระเบน ที่จริงผมว่ามันเป็นความโชคร้ายในความโชคดีของตัวผมเอง ผมอาจจะโดนแฟนๆ หรือหลายคนอคติไปแล้ว ไม่ชอบผม ด่าผม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมว่ามันเป็นสิ่งสำคัญในการที่ผมจะดำเนินชีวิตได้อย่างรอบคอบมากขึ้น มีสติมากขึ้น แล้วก็พูดตรงๆ มันคิดหลายอย่างว่าทำไมโลกเรามันเป็นแบบนี้ ผมก็พูดตรงๆ ว่าผมใช้ธรรมะในการบอกตัวเองมากขึ้นด้วยซ้ำว่าเราจะต้องเดินทางแบบไหน"
เผยไลฟ์สไตล์คล้ายกัน ชอบดำน้ำ รักสัตว์
"ที่จริงผมว่ามันเป็นเบสิกสำหรับคนที่ใช้ชีวิตง่ายๆ ชอบเที่ยว ชอบดำน้ำ รักสัตว์ พี่ต๊ะแกก็คงต้องไปครับ เพราะว่าถ้าแกไม่ไป ผมก็คงจะอดไป (หัวเราะ) แต่ยังไม่รู้ คือมันยังไม่มีทริปอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นครับ เพราะว่าทุกคนก็งานยุ่งครับ”
"คือทุกคนคิดว่าผมออกตัวแรง ตัวปั้นจั่นเองเป็นคนพูดค่อนข้างชัดเจนไง แต่ก่อนคือที่ไม่พูด เพราะว่าอีกคนหนึ่งไม่ชอบให้พูด เราก็เลือกที่จะพูดกลางๆ เพราะเราเข้าใจว่าเวลาพี่ๆ มาถามก็ต้องมีอะไรกลับไปบ้าง แต่ว่าตอนนี้คือมันคือนิสัยผมเป็นคนพูดชัดเจน พูดตรงๆ แต่ว่าอาจจะไม่ตรงในทุกเรื่องแล้วเพราะว่ากลัว"
"ไปไหนกันมันไม่ใช่คุมหรอกครับ แต่ว่าด้วยความที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วผมได้รู้จักน้องเขา แล้วการที่ไปกันเป็นกลุ่ม ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดี จากภาพของตัวน้องเองด้วย ตัวปั้นจั่นเองด้วย ปั้นจั่นทำอะไรในที่แจ้งไม่ได้ทำในที่ลับ คุยอะไรก็คุยตรงๆ ไปกับพี่กลุ่มใหญ่ ผมว่าสิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือคนจะมองน้องไม่ดี เพราะตัวผมเองใครก็ชอบว่าผมแบดบอย ซึ่งก็แล้วแต่มุมมอง ส่วนรักจริงหวังแต่งมั้ย ก็แล้วแต่มุมมองครับ(ยิ้ม)"