“ชนินทร์” ผู้ดูแลลิขสิทธิ์เพลงค่าย “มิวสิคบั๊กส์” ยันไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง “หนุ่ม กะลา” ฟ้องอาญาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ลั่นเห็นใจด้วยซ้ำ แจงฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายคดีละ 1 ล้านบาท ไม่สูงเกินไปหากเทียบกับความดังของเพลงที่มีอยู่ในท้องตลาด พ้อเคยไกล่เกลี่ยกับผู้บริหารของทาง “แกรมมี่” แล้วตนรู้สึกว่าเหมือนถูกแบงก์ตบหน้า ต่อรองราคาจากคดีละ 1 ล้าน เหลือคดีละ 2 พัน มองเป็นกรณีศึกษาในเรื่องของลิขสิทธิ์เพลง พร้อมเปิดกว้างให้ใช้เพลงได้แต่ต้องมาขออนุญาตกฎหมายลิขสิทธิ์เพลง
เมื่อเวลา 13.00 น. นายชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์ กรรมการบริหาร บริษัท พาวเวอร์ เทรเซอร์ จำกัด ที่ดูแลลิขสิทธิ์เพลงค่ายมิวสิคบั๊กส์ พร้อมทนายความ นายกิตติพงศ์ โลหิตนาวี เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องต่ออัยการในคดีความผิด พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งเจ้าตัวได้เดินทางมาขึ้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และเข้าร่วมรับฟัง หลังจากนั้นเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าวันนี้เดินทางมาร่วมฟังคำให้การของจำเลย ซึ่งก็คือ “ณพสิน แสงสุวรรณ” หรือ “หนุ่ม กะลา” และจำเลยได้รับคำสารภาพในทั้งหมด 17 คดี จากทั้งหมด 44 คดี ซึ่งศาลได้รอกำหนดโทษในลำดับต่อไป และนักร้องหนุ่มไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ด้านมิวสิคบั๊กส์เองก็ยอมรับในคำตัดสินของศาล โดยจะมีการไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในวันที่ 18 เม.ย.ที่จะมาถึงนี้ ในส่วนอีก 27 คดีที่เหลือนั้นอยู่ในกระบวนการที่อัยการส่งสำนวนฟ้องศาล
ด้านนายชนินทร์เผยว่า การที่ตนเองได้เรียกค่าเสียหายไปนั้น หลายคนอาจจะมองว่าเป็นมูลค่าที่สูง แต่ถ้าเทียบเพลงนั้นคือเพลงดังก็เหมาะสมแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด พร้อมบอกก่อนหน้านี้เคยได้ไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกร่วมกันในกรณีดังกล่าวกับผู้บริหารของต้นสังกัดนักร้องหนุ่มไปแล้ว เหลือเพียงว่าทางนั้นจะยอมรับในข้อตกลงหรือไม่ ตนเองยอมถอยมาแล้วหลายก้าว
ชนินทร์ : “วันนี้มาตามนัดของศาลคดีอาญา นัดพร้อมคดีอาญาสอบคำให้การของจำเลย นั่นก็คือคุณณพสิน แสงสุวรรณ ทางคุณณพสินก็ได้รับสารภาพตามคำฟ้อง ผมไม่มีปัญหา ศาลตัดสินยังไงผมยอมรับหมด”
กิตติพงศ์ : “ทางคุณหนุ่มรับผิดตามคำฟ้องของทางพนักงานอัยการ ศาลได้มีคำพิพากษาในส่วนของคุณหนุ่มได้มีการรับสารภาพไป ศาลท่านมองว่าเป็นความผิด ตัวคุณหนุ่มเองก็ไม่เคยกระทำความผิดทางอาญา ศาลท่านก็เลยปรานี อยู่ในเรื่องของการกำหนดโทษ ในทางคดีอาญาก็ตามที่ว่ารับสารภาพตามคำฟ้องของพนักงานอัยการว่าได้กระทำความผิด มันเป็นเรื่องของคำพิพากษาของศาล เป็นดุลพินิจของท่าน ท่านก็ตัดสินตามที่เห็นสมควร ตรงนี้ทางเราไม่ขอก้าวล่วงในเรื่องของคำพิพากษา ท่านพิพากษามายังไงเราก็น้อมรับในคำพิพากษาของท่าน”
ชนินทร์ : วันนี้ในช่วงเช้าตัดสินไปแล้ว 17 คดี ยังต้องมีช่วงบ่ายอีก ทั้งหมดมัน 44 คดี คุณหนุ่มรับสารภาพว่าผิดไปแล้ว 17 คดี”
กิตติพงศ์ : “ที่เหลืออาจจะยังตัดสินไม่หมดภายในวันนี้ วันนี้ศาลท่านนัด 19 สำนวน เพราะว่าบางที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของพนักงานอัยการอยู่ จะเป็นคดีที่จะทยอยเข้ามาทีหลังอีกทีนึง เรื่องของบทลงโทษตอนนี้ศาลท่านตัดสินว่าผิด รอการกำหนดโทษ (ทุกคดีที่ตัดสินแล้ว?) ในส่วนของบางอันเราก็ไม่ก้าวล่วงส่วนของทางพนักงานอัยการ เอาเฉพาะที่ว่าประเด็นหลักๆ คือทางคุณหนุ่มได้ยื่นคำให้การยอมรับสารภาพดีกว่า”
เผยด้านคดีแพ่ง ได้เรียกค่าเสียหายไปคดีละ 1 ล้านบาท
ชนินทร์ : “ค่าเสียหายเป็นเรื่องของคดีแพ่งซึ่งยังดำเนินคดีกันอยู่ ทางบริษัทก็ฟ้องไปยังศิลปินทั้งสองกลุ่ม คือคุณณพสิน กับอีกวงนึง แล้วก็ทางต้นสังกัดซึ่งคดีแพ่งยังดำเนินอยู่ อัปเดตของคดีแพ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการไกล่เกลี่ยเจรจาตามคำชี้แนะของศาลท่าน ศาลท่านพิจารณาว่าเคสนี้น่าจะสามารถเจรจาตกลงกันได้ ทางบริษัทเราก็น้อมรับคำชี้แนะของศาลท่าน ก็ถอยมาหลายๆ ก้าวแล้ว ณ ตอนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางต้นสังกัดแล้วว่าจะถอยด้วยหรือเปล่า
ถ้าทางต้นสังกัดเขาถอยด้วยก็สามารถจบได้ แต่ถ้าเขาไม่ถอยด้วยอะไรก็แล้วแต่ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถอยในที่นี่ก็คือการลดจำนวนเงิน ผมก็เรียกค่าเสียหายไปเคสละ 1 ล้านบาท ทั้งหมด 44 สำนวน ก็คือ 44 ล้านบาท (ที่ถอยออกมานี่สามารถบอกตัวเลขได้มั้ย?) อยู่ในรูปของคดีครับตอนนี้ ขอไม่ลงรายละเอียดดีกว่า”
กิตติพงศ์ : “เพราะมันเป็นเรื่องของข้อมูลในการไกล่เกลี่ยว่ามันเป็นอะไรยังไง ศาลท่านก็ขอไว้ให้มันเป็นความลับที่อยู่ในห้องพิจารณาการไกล่เกลี่ย เรื่องนี้จะใช้เฉพาะในชั้นไกล่เกลี่ยจริงๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าที่คุยกันไปมันเป็นยังไงบ้าง ให้ได้ทราบไว้ก็แล้วกันว่าอยู่ในขั้นตอนคุยกันอยู่”
ลั่นที่ผ่านมาได้ขึ้นศาลไกล่เกลี่ยกับผู้บริหารระดับสูงของทางค่าย “แกรมมี่” แล้ว 1 ครั้ง แต่ยังไกล่เกลี่ยไม่ลงตัว
ชนินทร์ : “มีการไกล่เกลี่ยกันแล้วนะครับ ได้มีโอกาสคุยกับท่านกรรมการระดับสูง”
กิตติพงศ์ : “เอาเป็นว่าในการไกล่เกลี่ยว่าอะไรยังไงบ้าง มีใครมาไกล่เกลี่ยแล้วบ้างผมขออนุญาตที่จะไม่ตอบในเรื่องของรายละเอียดของการไกล่เกลี่ย ใน ณ เวลานี้คือได้มีการคุยดันไกล่เกลี่ยอย่างเป็นทางการในศาลไปแล้ว 1 ครั้ง จะมีครั้งต่อไปอีกกี่ครั้งก็อยู่ที่การพูดคุยกันในครั้งต่อๆ ไป แต่ให้ได้ทางกันว่าตอนนี้ได้มีการพูดคุยกันไปแล้ว”
แจงเรียกค่าเสียหายละเมิดลิขสิทธิ์คดีละ 1 ล้านไม่สูงเกินไปถ้าเทียบกับความดังของเพลงที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ เหวออ้าปากค้าง เรียกค่าเสียหายคดีละล้าน แต่โดนต่อเหลือคดีละ 2 พัน ลั่นรู้สึกไม่ได้รับเกียรติ เหมือนถูกเอาแบงก์ตบหน้า
ชนินทร์ : “ตัวเลขถามว่าทำไมสูง ทางลักษณะงานของงานดนตรี งานศิลปะ มันบอกไม่ได้หรอกว่าอันนี้ราคาเท่านี้นะ ที่ตัวเลขนี่มาผมใช้คำว่าแฟร์ มาร์เกต แวลู แล้วเพลงที่เขาละเมิดมันค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นเพลงเอบวก ดาราค่าตัวยังไม่เท่ากันเลย นักร้องนักแสดงไปโชว์ตัว ค่าตัวก็ไม่เท่ากัน ฉะนั้นเพลงมันก็ไม่เท่ากันอยู่แล้ว เพลงนี้ดัง เพลงนี้ดังมาก เพลงนี้ดังมากๆๆๆๆ มันก็แตกต่างกัน ที่เราเซตตัวเลขนี้มาเราไม่ได้อยู่ดีๆ ไปเซตมาว่าเราอยากได้เท่านี้ มันไม่ใช่นะ มันมาจากสถิติแฟร์ มาร์เกต แวลู ว่าเพลงนี้อยู่ในตลาดมันมีมาร์เกตแชร์เท่านี้ ฉะนั้นตัวเลขนี้ถึงตามมา
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะเจรจาทำตามคำชี้แนะของศาลท่านเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นไปได้ด้วยดี ตามคำแนะนำของศาล ตอนนี้ก็ถอยมาแล้ว สุดท้ายขึ้นอยู่กับทางฝั่งนั่น ฝั่งทางต้นสังกัดว่าเขาจะถอยด้วยหรือเปล่า ถ้าเขาถอยก็จบ ถ้าเขาไม่ถอยก็เดินหน้าต่อไปเพราะเราชัดเจนว่าเราเป็นเจ้าของสิทธิ์ มีคนมาขโมยของของเรา เราก็ต้องไปจัดแจงเอาสิทธิ์ของเราคืนมามันก็แค่นั้น
ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันสูงหรือไม่สูงอย่างไร เพราะอันนี้ผมเอามาจากแฟร์ มาร์เกต แวลู มันชัดเจน ในต่างประเทศ ในการก๊อบปี้ไรต์ อินฟิชเมนต์ล่าสุดเท่าที่ผมทราบมาศิลปินระดับโลกที่เขาจ่ายไปเมื่อปี 2017 มีตัวเลข 20 ล้านยูเอสดอลล่าร์ เป็นเงินไทย 600 กว่าล้านบาท ซึ่งกำลังจะมีการตัดสินเร็วๆ นี้เหมือนกันตัวเลขน่าจะประมาณ 100 ล้านยูเอสดอลล่าร์"
ผมย้ำเสมอว่าเรื่องก๊อบปี้ไรต์ อินฟิชเมนต์ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โอเคบ้านเราอาจจะเป็นว่าละเมิดไปผมมีเท่านี้ ให้เท่านี้ได้มั้ย ผมไม่คุยประเภทนี้ดีกว่าเพราะว่ามันคือการไม่ให้เกียรติ ทางบริษัทเราทำงานกันมา 20 กว่าปี เรามีจริยธรรม มีมารยาทในการทำงาน ฉะนั้นการที่จะมาบอกว่าพี่ผมมีเท่านี้...ได้มั้ย จบเลย บอกให้ก็ได้คดีละ 2 พันบาท เขาบอกอย่างนี้ (หัวเราะ) คิดดูแล้วกันว่ามันยังไง 2 พันบาทจบเลยทั้งหมด 1 แสนบาท ผมอ้าปากค้างเลย เหมือนกับเอาแบงค์มาตบหน้ากันเลย มันไม่ใช่การให้เกียรติกัน ซึ่งการได้คุยกับกรรมการระดับสูงท่านนั้น ซึ่งผมเชื่อว่าท่านคนนั้นอยู่ในวงการมานานมากๆ เป็นคนที่มีจริยธรรม มีมารยาทในการทำงานที่สูงมาก ผมก็หวังว่าน่าจะจบกันได้ ผมหวังว่าอย่างนั้นนะครับ”
เผยศิลปินท่านอื่นสามารถนำเพลงในลิขสิทธิ์ค่ายตนไปใช้ได้ไม่มีปัญหา แต่ต้องมาขออนุญาตกฎหมายสิขสิทธิ์เพลงให้เรียบร้อยก่อน
ชนินทร์ : “(หัวเราะ) อันนี้ใช้ได้เลย และสามารถบอกได้เลยนะครับว่าไม่มีปัญหา น้องๆ พี่ๆ ที่อยู่ในวงการ แค่แจ้งมาว่าต้องการจะใช้เพลงนี้ ใช้ที่ไหน ใช้เมื่อไหร่ ใช้ยังไง ไม่มีปัญหาเลยครับ ที่ผ่านมาวงที่เคยอยู่ในค่ายจะเอาไปใช้ก็แจ้งมา ผมก็ไม่เป็นไร โอเค ผมก็คิดเรตราคาปกตินี่แหละ ล่าสุดก็ยังปกติอยู่”
มองเป็นกรณีศึกษาในเรื่องของลิขสิทธิ์เพลง ย้ำไม่มีเจตนากลั่นแกล้งศิลปิน
ชนินทร์ : “ขอเคลียร์อีกครั้งนะครับ เคสนี้ต้องถอยหลังไปเยอะ อย่างที่บอกว่าทางบริษัทสองบริษัทมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน ที่นี่ผมได้ยกเลิกสัญญาจัดเก็บ เพราะทางฝ่ายนั้นเขาผิดสัญญา เขาไม่ปฎิบัติตามจริยธรรมและมารยาททางธุรกิจ ผมเลยต้องยกเลิกสัญญา ที่มาที่ไปของมันคือการยกเลิกสัญญาของฝ่ายผม ซึ่งเขาก็ยอมรับนะ เรามีเอกสารชัดเจนว่าเขายอมรับตรงนี้ เขาไม่ได้จ่ายค่าเสียหายตามที่ถูกต้องผมเลยยกเลิกสัญญา พอยกเลิกสัญญาอย่างที่บอกถ้าเรามีจริยธรรม มีมารยาทเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น จะเรียกว่าเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาก็ได้นะครับ
แต่อย่างที่บอก ไม่ใช่เรื่องของการกลั่นแกล้งเด็ดขาด ส่วนตัวนี่เห็นใจอย่างมากเลย ทั้งสองกลุ่ม ผมคุยกับคุณณพสิน ผมก็บอกว่าผมขอโทษจริงๆ ผมใช้คำนี้เลยนะ ขอโทษด้วย วันนั้นท่านบริหารระดับสูงท่านมาผมก็บอกว่าผมขอโทษด้วยนะครับท่าน แต่เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ถ้ายืนอยู่ตรงตำแหน่งนี้มันต้องทำอย่างนี้แหละ”