xs
xsm
sm
md
lg

"น้ำตาล" มั่นใจในความรักของ "ไผ่ พาทิศ" แต่ยื่นคำขาด ไม่อยากเงิบแถมช็อก อย่าขอตอนนี้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"น้ำตาล" เปิดอกเคลียร์ "ไผ่" อยากได้ความมั่นคงในชีวิต ขอครอบครัวมีความสุขค่อยคิดเรื่องตัวเอง วอนอย่าขอแต่งตอนนี้ รับรองเงิบแถมช็อก ปลื้มคบ 7 ปีเห็นตัวตน มีวิธีจัดการกับอารมณ์ เป็นคนเดียวที่เอาอยู่

เพิ่งควงกันไปสวีตหวาน เย้ยอาถรรพ์รัก 7 ปี สำหรับคู่ "น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป" กับ "ไผ่ พาทิศ พิสิฐกุล" ล่าสุดสาวน้ำตาลเผยว่าตอนนี้ครอบครัวเพิ่งผ่านวิกฤตมา ขอทำให้ครอบครัวมีความมั่นคงซะก่อน

“ละครตาลเพิ่งปิดกล้องไปเรื่อง ลิขิตแห่งจันทร์ ถ่ายค่อนข้างหนัก เราก็ขอพักแป๊บนึงเพื่อมารับละครเรื่องนี้ เพราะค่อนข้างยาก เป็นละครผีเรื่องแรกค่อนข้างลึกลับซับซ้อนเลยขอพักเบรกงานเดือนนึง ถือว่าเป็นเดือนแห่งการพักผ่อน ก็ไปเที่ยวเต็มที่ตัวดำกลับมาเลย”

“ไม่ได้ไปเป็นเดือนค่ะ ตัวพี่เขาเองก็มีถ่ายละคร ตาลปิด เขาเปิด แต่ก็ยังมีวันที่เขาว่าง เลยไปกัน ช่วงนี้ทะเลในประเทศเรากำลังสวยและไม่ใช่ช่วงมรสุม”

ก็ไปฝั่งพม่าไม่ได้ไกลจากจ.ระนอง นั่งเรือไปชั่วโมงเดียว ไปกับกลุ่มเพื่อนหลายๆ คน นานๆ ทีเราจะว่าง

เป็นทริปกระชับความสัมพันธ์ อยากหาความมั่นคง
“ก็นิดนึง นานๆ ทีเพราะพอโตขึ้นเวลาที่ได้เที่ยวด้วยกันมันน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราโฟกัสแค่ เรียน ทำงาน ใช้ชีวิตชิลๆ หลังจากนั้นไม่ต้องคิดรับผิดชอบอะไร พอโตขึ้นมาภาระหนี้สินก็เพิ่มขึ้น เราเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นมองถึงชีวิตของเรา ว่าใกล้ 30 แล้ว เราควรมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นอาชีพที่สามารถควบคู่กับวงการบันเทิงไปได้อย่างยั่งยืน”

“โชคดีที่เขาทำธุรกิจมาก่อนหน้านั้น เลยมีรายได้จากตรงนั้น เขาพยายามสร้างอาชีพจากความชอบของเขาไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ดีเพราะได้เห็นความตั้งใจของเขาอย่างที่เราเรียกเขาว่าไผ่ร้อยโปรเจกต์ เขามีโปรเจกต์ใหม่ๆ ทุกปีตลอดปี"

"มีบางโปรเจกต์ที่ทำร่วมกันอย่าง ฟันฟอง บับเบิ้ลบาธ ก็เห็นความตั้งใจของเขาที่ไปเรียนถ่ายรูปมาขายของ ผลพลอยได้คือเราก็ได้รูปสวย เขาก็คงหาความมั่นคงของเขา ณ เวลานี้มันไม่ใช่ความมั่นคงของเรา แต่เป็นความมั่นคงของใครของมันก่อน ต่างคนมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบดูแลและตอนนี้คุณย่าก็ป่วย น้องชายก็เพิ่งเรียนจบ เราเลยหันมาโฟกัสครอบครัวเราก่อน อยากให้ครอบครัวมีความสุขแล้วค่อยคิดถึงตัวเอง”

คุยกันตลอดเรื่องความมั่นคง คบ 7 ปีเห็นตัวตน
“คุยกันตลอดนะคะ เพราะว่าเราไม่ได้คบกันแค่ปีสองปี ตอนนี้ก็คบกันเข้ามาปีที่ 7 แล้ว หลายคนบอกว่าเป็นเลขอาถรรพ์ ซึ่งมันก็เป็น ตาลว่าพอ 5 ปี 7 ปี เราได้เห็นตัวตนของกันและกันมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้มีความชอบเหมือนกันไปหมด"

"แต่สุดท้ายการที่เราจะคบกันนานมันไม่ใช่อะไรที่ใช่ แต่เป็นอะไรที่ไม่ใช่ต่างหากที่เราจะยอมรับกันได้มากแค่ไหน ส่วนใหญ่คู่เราไม่ได้มีปัญหาเล็กน้อยหรือมือที่สามแต่เป็นปัญหาเรื่องระยะยาวว่าเขาจะมีความชอบอีกกี่อย่างเพราะตาลเป็นคนค่อนข้างจริงจัง แล้วเราก็เห็นว่าเขาปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตให้เราเห็น เขาก็ไม่ได้หนีไปป่า 10 วัน 20 วันเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขาก็มีความมั่นคงในชีวิตของเขาระดับหนึ่งให้เรามั่นใจว่าวันนึงหากเราจะแต่งงานกันไปมันก็ยังมีความมั่นคงอยู่”

"ตอนนี้ตาลกล้าพูดมากขึ้น กล้าเป็นตัวเองมากขึ้น ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าเราเป็นเด็กกว่าเขา ด้วยอายุห่างกัน 7-8 ปี เราค่อนข้างเคารพการตัดสินใจของเขาในหลายๆ อย่าง พอเราโตขึ้นเรียบจบ เรามีโอกาสได้ไปทำธุรกิจหลายๆ อย่าง เรารู้ว่ามันต้องใช้ความรับผิดชอบค่อนข้างสูง"

"เราก็เข้าใจว่าบางทีที่เขาหายไปก็หายไปทำธุรกิจนั่นแหละ ประชุมทีนึงแทบไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันเลย แต่เขายังมีความชอบที่หลากหลายอยู่ ซึ่งเรายังไม่ได้เห็นความตั้งใจของเขาว่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งเราพยายามทำตลอด"

รับผิด มีมุมงี่เง่าเยอะมาก
"แต่ไม่ได้บอกว่าเราดีนะ เราก็มีมุมงี่เง่าของเราเยอะแยะ เลยรู้สึกว่าเราจะรับเขาได้มั้ย แล้วเขาจะรับเราที่เราเรียกร้องให้เขามาดูแลเราตลอดแบบนี้ได้รึเปล่าเพราะพอเราทำงานหลายอย่าง เริ่มบ่นขับรถเหนื่อย เขาก็บอกว่าเมื่อก่อนยังขับรถได้เลย เดี๋ยวนี้เป็นอะไร เราก็เริ่มเป็นตัวของตัวเอง คิดอะไรก็พูดเลยบางทีลืมไปว่าเขาโตกว่าเรา"

เวลาทะเลาะ มักพูดแรง ไม่คิด จนทำอีกฝ่ายเสียใจ
"เขาเข้าใจเพราะเขานิ่งมาก เขาไม่เคยพูดคำหยาบอะไรกับตาลเลย เวลาทะเลาะกันตาลจะเป็นคนแรง พูดจาเหมือนไม่คิด จนบางทีเขาเองก็เสียใจ เราเองก็เสียใจว่าเราพูดแรงไปรึเปล่า แต่เขาเข้าใจและไม่เคยโกรธตาลเลยแล้วไม่เคยปล่อยเวลาให้ผ่านไป ไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ"

"ซึ่งนั่นคือข้อดีของเขา ทะเลาะกันเขาให้นั่งสมาธิ ตลกมาก ทะเลาะกันเขาถ่ายคลิปวิดีโอเรา ณ เวลานั้นเรารู้สึกว่า กวนอ่ะ ถ่ายทำไมแต่พอมาดูหน้าตาเราก็ตลก นั่งนิ่ง เลยทำให้เรารู้สึกว่าเขามีวิธีการแก้ปัญหาที่รับมือกับเราได้ดี ถ้าเราเจอคนที่ร้อนมันก็จะร้อนตามกันไปเรื่อยๆ แต่เขาคือคนที่เย็นมาก"

"เราเป็นคนปรี๊ดง่ายหายเร็ว วันนี้โกรธพรุ่งนี้ลืมไปแล้วว่าเคยโกรธเรื่องอะไร ไม่ว่าเราจะยังไง เขาเอาเราอยู่ ด้วยความที่วัยเราห่างกันเยอะ บางทีเราเอาอารมณ์นำเหตุผลซึ่งเขาก็ผ่านจุดนี้มาแล้ว ซึ่งเขาเข้าใจ"

"ปัญหาหลักๆ ก็มีอยู่สองข้อคือ ความชอบเขากับ อารมณ์เรา ดังนั้นพอไม่มีคนอื่นเข้ามาก็ทำให้เราพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไปได้เรื่อยๆ"

มั่นใจจะฝ่าฟันอาถรรพ์ไได้
"เขาเคยเกริ่นขึ้นมาว่าเราจะใช้ชีวิตยังไง แต่ตาลก็บอกเลยว่า ณ เวลานี้ยังไม่พร้อมจะใช้ชีวิตเป็นคู่ชีวิตขนาดนั้น เพราะหนึ่งคือตอนนี้บ้านตาล เจอวิกฤตหลายอย่าง คุณย่าป่วยเราก็ต้องมาช่วยกันดูแลคุณย่า มันเหมือนพอเราโตมามันมีหน้าที่ให้เรารับผิดชอบมากขึ้น มันไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องหนุ่มสาว ขอตังค์พ่อแม่ไปดูหนังไม่ใช่ปั๊บปี้เลิฟ มันเป็นชีวิตจริงว่าครอบครัวตาลมีปัญหาตาลก็ต้องดูแลจัดการ ณ เวลานี้อาจจะยังไม่ใช่"

อีกฝ่ายอยากแต่ง แต่ตนห้ามเด็ดขาด ขอตอนนี้ระวังเงิบ
"เขาอยากแต่งค่ะ เคยคุยกันแต่ตาลบอกว่าอย่า อย่าเด็ดขาด ถ้าเซอร์ไพรส์ตอนนี้เขาจะช็อก (ยิ้ม) เขาเคยเกริ่นว่าอยากแต่งเมื่อไหร่ เมื่อก่อนด้วยความที่เราเป็นเด็ก ก็อุ้ย ผู้หญิง 29-30 ก็ต้องงานงานมีลูก 30 พอ 40 ลูก10 ขวบแล้ว อยากเที่ยวกับลูก เหมือนเรากับคุณแม่ แต่พอตอนนี้มันไม่ได้ เพราะเราต้องการความมั่นคงในชีวิต แล้วเราไม่ได้ต้องการความมั่นคงที่เราเป็นคนสร้างคนเดียว เราต้องการอยู่ได้ด้วยตัวของเราเองด้วย เพราะตอนนี้ตาลเป็นเสาหลักของครอบครัวอย่างจริงจัง เลยบอกว่า อย่า ถ้าคุณมาตอนนี้ก็คือเงิบ"

"เขาไม่หน้าเสีย แต่ตาลพูดตรงๆ ว่าห้ามเซอร์ไพรส์ เพื่อนตาลชอบแซวเพราะเพื่อนตาลแต่งงานกันเยอะมาก ถามว่าเราอยากมีโมเมนต์นั้นมั้ยก็อยากมี แต่ ณ ตอนนี้เราไปโฟกัสตรงนั้นไม่ได้ เรามีสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบอยู่แล้วเราไม่อยากให้เขาต้องมารับผิดชอบในส่วนของเรา เราอยากรับผิดชอบตัวเองก่อน ณ วันนี้ถ้าตาลยังไม่หมดห่วงตรงนี้มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ มันจะลำบาก ขอให้ครอบครัวเราแฮปปี้มีความสุขกันก่อน แล้วเดี๋ยววันนึงถ้าเราจะไปมีครอบครัวค่อยว่ากัน"

"ถ้าซัก 30 ยังโอเค ก็น่าจะ 30 ตอนนี้อายุ 27 เรายังรู้สึกว่าเราเพิ่งเรียนจบ ธุรกิจเราเพิ่งเริ่มต้น มันยังไปต่อได้อีก เรายังมีอะไรอยากทำมากมาย ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวเขาค่ะ แต่เราต้องการความมั่นคงให้ตัวเองก่อน”


กำลังโหลดความคิดเห็น