“โบว์ แวนด้า” ดีใจได้เล่นละครครั้งแรก แม้บทจะหนักถูกข่มขืน เป็นเอดส์ เตรียมเข้าคอร์สเรียนการแสดง เผยรีบบอก “ปอ ทฤษฎี” จะทำให้ดีที่สุด พร้อมประเมินตัวเอง หากไม่สำเร็จจะกลับไปยืนจุดเดิม แต่ถ้าทำได้จะเดินหน้าต่อ เตรียมบอกความจริง “น้องมะลิ” เรื่องพ่อภายใน 2 เดือนนี้ หลังอีกฝ่ายเซ้าซี้อยากเจอ ถึงเวลาต้องเรียนรู้ความรู้สึกสูญเสีย
มีโอกาสชิมลางละครครั้งแรกในคลับฟรายเดย์เดอะซีรีส์สำหรับสาว “โบว์ แวนด้า สหวงษ์” ทำเอาเจ้าตัวสุดตื่นเต้น โดยเผยหลังจากที่ได้รับการติดต่อมาก็ตัดสินใจรับทันที
“ตัดสินใจไม่นานค่ะ พอเห็นบทละครก็รับเลย แต่ที่คิดนานและหนักใจก็คือตัวเองจะทำได้มั้ยแค่นั้นเอง ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าฉากอะไรเลย เพิ่งมาเจอพี่เอส - พี่ฉอดวันนี้ค่ะ กับนักแสดงทุกๆ ท่านก็ตื่นเต้น ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวขนาดไหนรู้แต่ว่าพกความมั่นใจกับความพยายามแค่นั้นค่ะ”
“เท่าที่ทราบบทนี่ไกลตัว และหนักหน่วงมากเลย (หัวเราะ) มาก็โดนทั้งข่มขืนเอยอะไรเอย (หัวเราะ) คือติดเชื้อ HIVด้วย และโดนเพื่อนร่วมงานทำมิดีมิร้ายด้วย ส่วนใหญ่ก็เศร้าหมด ก็จะพยายามค่ะ เอาจริงๆ ถ้าประเมินตัวเองนะคะ ร้องไห้ดีกว่าหัวเราะ (หัวเราะ) เพราะโบว์ว่าร้องไห้ดีกว่าหัวเราะนะ โบว์คิดว่านะ เดี๋ยวจะเริ่มเข้าคอร์สเรียนการแสดงแล้ว พี่ฉอดกับพี่เอสก็มั่นใจว่าเราทำได้ ทั้งๆ ที่ตัวเรายังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ว่าคนอื่นมั่นใจว่าเราทำได้ เราก็ต้องทำให้ได้”
“ที่ผ่านมาไม่เคยบอกคนรอบข้างเลยว่าจะเล่นละคร เดี๋ยวจะกลับไปบอกนี่แหละ ก็ตื่นเต้น กลัวบอกไปแล้วเขาเปลี่ยนตัวขึ้นมาเดี๋ยวหน้าแตก ก็เดี๋ยววันนี้จะกลับไปบอกทุกคนค่ะว่าจะได้เล่นซีรีส์คลับฟรายเดย์ เพราะเป็นซีรีส์ที่เราติดตามมาตั้งแต่แรก และพอวันนึงเราได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในซีรีส์ที่เราชอบดู ก็ดีใจมาก”
พร้อมประเมินตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ค่อยกลับไปอยู่จุดเดิมที่เรามา แต่ถ้าไปได้จะเดินหน้าต่อ
“เหมือนตอนนี้เราก้าวขาไปข้างนึง พอเราได้เรียนรู้ในสิ่งที่เรากลัว แต่เราก็อยากทำ ก็มุ่งมั่นตั้งใจ แต่ผลที่ออกมามันจะโดนคำติชมหรือว่าโดนคำด่าหรืออะไรก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายเราก็ต้องประเมินตัวเองว่าเราได้มั้ย ถ้าไม่ได้เราก็ชักขากลับมาอยู่จุดเดิมของเราค่ะ แต่ถ้าเราได้ก็พร้อมที่จะเดินต่อไปได้”
พร้อมจะรับเสียงวิจารณ์ เชื่อคำติชมจะเป็นการบ้านให้ตนแก้ไขปรับปรุง ส่วนคำด่าตนขอปล่อยผ่าน
“ตอนรับก็คิดว่าจะให้ไปเป็นแม่หรืออะไร เพราะไม่คิดเลยว่าอายุใกล้จะ 40 แล้วจะได้มาเป็นนักแสดงนำในเรื่อง เพราะพี่ปูบอกว่าไม่นะแม่ ได้เล่นกับคุณโอม อัชชา เราก็บอกว่าจริงเหรอ ก็รีบดูบทเลย คือไม่น่าเชื่อ ก็รับเลยค่ะ ถามว่าพร้อมรับเสียงวิจารณ์มั้ย จริงๆ ที่ผ่านมามันก็มีหนักมากมาแล้ว (หัวเราะ) ก็พอจะทำให้เราเข้มแข็งมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้อาจจะเปลี่ยนฟีลตรงที่ว่าวิจารณ์ในเรื่องของผลงาน ก็ต้องยอมรับให้ได้ค่ะ ถ้าเราคิดว่าเราจะเล่นเราก็ต้องยอมรับทั้งคำติชมและหลายๆ อย่าง เพราะโบว์เชื่อว่าคำติชมจะเป็นการบ้านให้เราได้ทำ ได้ตอบโจทย์ แต่เรื่องคำด่า เราก็ปล่อยผ่าน เราไม่สนใจคำด่า”
ไม่ห่วงลูกสาวน้อง “มะลิ” จะไม่มีคนดูหากต้องมาถ่ายละคร
“จริงๆ น้องก็โชคดีที่ในหมู่บ้านเราก็ช่วยกันดูแลน้อง วันไหนที่โบว์ไปทำงานก็จะมีพี่ปู พี่ยุและคนละแวกนั้นช่วยดูแลอยู่แล้ว แต่ถ้าช่วงไหนถ้างานหนักๆ ก็จะเป็นคุณปู่คุณย่าจะลงมาดู หรือปิดเทอมมะลิก็จะไปอยู่บุรีรัมย์เลย”
เผยหลังทราบว่าจะได้เล่นละครก็เดินไปคุยกับอดีตสามี “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” ว่าจะทำให้เต็มที่กับทุกโอกาสที่เข้ามา
“พอรับโทรศัพท์เสร็จก็เดินไปที่รูปพี่ปอเลย แล้วก็บอกว่า ปอ โบว์จะทำให้ได้ โอกาสมาในชีวิตแล้ว ก็จะพยายามทำทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตให้เต็มที่ที่สุด เพราะว่าพอไม่มีพี่ปอชีวิตโบว์ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง อะไรที่มาแบบไม่คาดฝัน เราก็ผ่านมันมาได้แล้วและนี่เป็นอีกครั้งนึงที่เราจะผ่านให้ได้ ด้วยความตั้งใจและความพยายามของเรา”
“ที่ผ่านมาปอไม่เคยเล่าหรือสอนการแสดงอะไรโบว์เลย พอกลับบ้านจะไม่พูดถึงเรื่องการทำงาน เราก็จะอยู่ในโหมดแม่บ้าน ก็คือให้เขาหายเหนื่อย เราจะไม่พูดว่าเขาทำอะไรยังไงมาบ้าง เขาก็ไม่ได้มาเล่าอะไร ก็ฝากผลงานการแสดงของโบว์เรื่องแรกด้วยนะคะ อาจจะติดขัดไม่ถูกใจก็ติชมกันได้เลย แต่ก็จะพยายามเล่นให้เต็มที่ที่สุดค่ะ”
เผยกำลังเตรียมใจบอกลูกสาว เรื่องการตายของพ่อใน 1-2 เดือนนี้ หลังลูกสาวเซ้าซี้อยากเจอพ่อมาก
“ช่วงนี้ถามทุกวันค่ะ วันนั้นที่โบว์อัดคลิปที่เขาพูด คือกำลังสตาร์ทรถไปส่งเขาที่โรงเรียนเขาก็บ่นข้างหลังอยู่คนเดียว โบว์ก็ถามว่ามะลิพูดอะไร พอเขาเริ่มพูดโบว์เลยหยิบโทรศัพท์มาแอบถ่ายเขา เขาก็บอกว่าทำไมหนูไม่มีพ่อ คือเขาเพิ่งกลับมาจากบุรีรัมย์ แล้วก็ไปอยู่กับครอบครัวของน้องชายพี่ปอ เขาก็จะซึมซับอยู่กันทุกวัน ด้วยความสงสัยของเด็กเขาก็บอกว่าหนูอยากเป็นแบบปลาวาฬที่มีอาป๊อบกับอาเบนซ์ นั่งรถไปก็มีอาป๊อบขับรถมีอาเบนซ์นั่งข้างหน้าปลาวาฬนั่งข้างหลังหนูก็อยากให้พ่อมาขับรถคันนี้ แล้วให้แม่นั่งข้างๆ แล้วหนูก็อยู่ข้างหลัง แล้วเราก็ขับไปเที่ยวกัน เราก็บอกว่าหนูก็มี แต่หนูยังเจอพ่อไม่ได้”
“ตอนนั้นเราก็จุก เราก็ไม่รู้จะพูดยังไงกับลูก แล้วเขาก็บอกว่าหนูอยากให้พ่อกลับมาจริงๆ แล้ว ก็คิดว่าอีก 1-2 เดือนโบว์จะบอกแล้วค่ะ จริงๆ โบว์กะว่าจะรอให้เขาสัก 6 ขวบ แต่โบว์ว่าไม่เอาดีกว่า อยากให้เขาได้ซึมซับกับการเรียนรู้ความจริงตั้งแต่เด็ก เพราะโตไปมากกว่านี้ก็กลัวว่าเขาโตแล้วก็เริ่มรับรู้ความรู้สึกทุกอย่าง แล้วพอรู้จริงๆ เขาจะเสียใจหนักมากกว่านี้”
“ก็พยายามบอกเขาก่อนว่าพ่อหนูเป็นใคร คุณพ่อทำอะไรไว้บ้าง และวินาทีสุดท้ายเราก็ยังได้อยู่กับคุณพ่อ โบว์ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ต้องเรียนรู้อะไรแบบนี้กับความรู้สึกสูญเสีย แต่อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วแค่นั้น โบมองข้ามสเต็ปไปค่ะ คือมะลิเสียใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่โบว์ให้ความสำคัญก็คือหลังจากที่มะลิเสียใจ โบว์ต้องทำยังไงกับลูกบ้าง จะทำให้ลูกหายเสียใจยังไงทุกวันนี้โบว์ก็จะพยายามบอกลูกว่าถ้าคุณพ่อไม่อยู่ แล้วคิดถึงพ่อก็ให้ยิ้ม อย่าหัวเราะ เพราะถ้าหนูหัวเราะพ่อก็จะรู้สึกไม่ดี แล้วคุณพ่อก็สอนให้แม่ยิ้มตลอด คือไม่อยากให้เขาเสียใจ แต่โบว์มั่นใจว่าด้วยความเป็นมะลิทุกวันนี้ โบว์มั่นใจว่าเขารับได้และเขาต้องผ่านได้ค่ะ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่https://mgronline.com/entertainment)