ของดีมีน้อย “เจมส์ จิรายุ” งดตอบเรื่องแฟนเพราะพูดไปหมดแล้ว ต่อไปนี้อยากให้ติดตามผลงานมากกว่าเรื่องแฟน ตั้งใจฟิตหุ่นปั้นซิกแพค เผยกลางปีมีโปรเจ็กท์ใหญ่
โดนดราม่าภาพปกนิตยสารสุดสัปดาห์ คนหล่อขอทำดี ไปกับเขาด้วย เพราะเป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อที่เข้าร่วมโครงการและถ่ายภาพขึ้นปก ซึ่งกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ปกคนหล่อขอทำดี กลายเป็น คนไม่หล่อขอทำดี ซะงั้น งานนี้ “เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข” โดนเต็มๆ ว่า หน้าหวานมากกว่าหน้าหล่อ เจ้าตัวบอกไม่กล้าพูดว่าตัวเองหล่อแต่ยอมรับว่าหน้าหวาน พร้อมงดพูดเรื่องแฟนสาว “โฟม” อยากให้สนใจที่ผลงานมากกว่า
"เพราะผมหน้าหวานอยู่แล้ว ก็รู้คอนเซ็ปต์ว่าจะออกมาแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ได้เห็นคร่าวๆ ความตั้งใจของหนังสือคือคนหล่อรักษ์โลก เป็นการเอาแต่ละคนที่มาจากต่างโลกต่างดวงดาวเพื่อมากอบกู้โลกกัน นี่คือไอเดียคอนเซ็ปต์ ซึ่งผมเองไม่ค่อยได้ดูคอมเม้นต์ที่วิพากษ์วิจารณ์หรอกเราเลยไม่ค่อยได้เห็น แต่ก็พอรู้ว่าวิพากษ์วิจารณ์ผมก็เป็นเรื่องหน้าหวาน รู้ว่าต้องโดนอยู่แล้ว”
ไม่มั่นใจว่าตัวเองรอดดราม่าหรือเปล่า
"แล้วผมรอดเปล่าครับ ดูหน้าพี่ๆ ผมว่าผมคงไม่รอด คือผมเองก็เห็นปกนี้แล้วซึ่งผมโอเค ต้องบอกก่อนว่าผมทรงนี้ผมเองเคยทำมาแล้ว สมัยตอนที่ถ่ายแฟชั่นนิตยสาร ตอนนั้นที่ผมถ่ายเยอะทรงผมทรงนี้ทรงเรียบแปล้ แต่อันนี้มันอาจอิมแพคนิดหนึ่งเพราะเอาทุกคนมาทำผมทรงนี้หมด แต่ผมอยู่ตรงนี้ทำตรงนี้ชินแล้วมันเป็นเรื่องของแฟชั่น ในปกอีกแบบข้างในก็เป็นอีกเซ็ทเป็นผมปกติ"
"ผมสามารถตอบได้ขนาดนั้นเลยเหรอ(หัวเราะ) คือคนเราสามารถชมตัวเองได้เลยเหรอว่า โอ้โห..ผมหล่อมากเลยอย่างนี้ก็ได้เหรอ เอาเป็นว่าถ้าเกิดทุกคนบอกว่ารอดผมก็อุ่นใจ (หัวเราะ) ในความรู้สึกของผมรู้สึกเฉยๆ คือเราเองก็ทำงานมาเยอะพอสมควรและก็ทำแบบนี้มาค่อนข้างบ่อย ถามว่ามันดูดีมากขนาดนั้นเลยไหม ผมว่ามันก็แล้วแต่ความชอบของคนส่วนเรื่องคอมเม้นต์ต่างๆ ผมเองไม่ได้อ่าน เรื่องหน้าหวานแล้วดูสาวจริงๆ เรื่องนี้ก็มาตั้งแต่แรกแล้วเพราะทางผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าหวานจังเลย"
ส่วนแฟนสาว “โฟม” มีความเห็นอย่างไรบ้างเจ้าตัวไม่ขอตัว และไม่ขอพูดเรื่องความรักอีก
"ก็...ไม่มีใครพูดอะไรนะครับ ไม่เอาไม่พูด คือมันพูดไปหมดแล้วไม่มีอะไรจะพูดแล้วและอีกอย่างปีนี้ตั้งใจว่ามีงานเยอะ เลยตั้งใจว่าจะพูดเรื่องงานให้กับทุกคนได้ฟัง เรื่องความรักขอที่จะไม่พูดแล้ว มันเป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่แรกว่า ผมจะบอกไปตั้งแต่รอบนั้นรอบเดียวและก็จะไม่บอกแล้ว ก็คือจะกลับมาทำงานปกติ"
แม้จะมีภาพหลุดที่สนามบินก็ไม่ขอพูดถึง
"อย่างที่ผมบอกว่าไม่พูดดีแล้วขอพูดในเรื่องของงานดีกว่าคือมันก็มีผลกระทบกับทุกอย่างเราเองก็เป็นห่วงทุกคนอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งคือเรารู้สึกว่าถ้าเกิดเรามีงานแล้วมีการถามถึงเรื่องคนอื่นมันก็จะทำให้คนไม่สนใจข่าวงานของผมเลย ข่าวงานของผมหายไปหมด คือปีนี้ผมอยากที่จะให้โฟกัสเรื่องของงาน ปีนี้ผมมีโปรเจ็กท์เซอร์ไพรส์มาค่อนข้างเยอะและมีการเตรียมการมาระดับหนึ่งแล้วก็เลยอยากที่จะให้มาดูด้วยกัน"
เพื่อนดาราร่วมแก๊งงดแซวเรื่อง “โฟม”
"ไม่ได้มีการตกลงอะไรกันแบบนั้น แต่มันเป็นเรื่องที่รู้กันว่าเราควรจะทำอะไรยังไง ถามว่าพอถูกแซวแล้วผมเครียดไหม ผมไม่ได้เครียดเราไม่ได้มีถึงขั้นที่ว่าห้ามทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ผมไม่ได้มีกฏ แต่หลังจากนี้ขอไม่พูดเรื่องความรัก ขอพูดแค่เรื่องของงานเท่านั้น ก็อาจจะมีแง้มๆ มาได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยากที่จะพูดเรื่องนี้ตลอดทุกงาน เพราะเราเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"
เผยโปรเจ็กท์ใหม่กลางปีพลิกโฉมตัวเอง
"น่าจะมีช่วงกลางๆ ปีเป็นต้นไป ซึ่งก็มีเยอะพอสมควรในปีนี้ คือมีเรื่องที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองค่อนข้างเยอะ แต่ถามว่าจะเปลี่ยนแปลงยังไงเดี๋ยวค่อยมาดูกัน"
ตั้งใจฟิตหุ่นให้มีซิกแพค
"ก็ฟิตมาประมาณ 2 เดือนเรื่องเริ่มมาจากที่ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ อยากให้ถอดเสื้อในละครแล้วผมก็เลยจะไปฟิตกล้ามให้ ป้าแจ๋วก็บอกว่าอีกเดือนนึงจะถ่ายแล้วนะ เราก็รู้สึกว่าตายแล้วยังไงก็ไม่ทันแต่ตอนนั้นคือผมเริ่มเล่นไปแล้ว ก็เลยเริ่มเล่นต่อเนื่องมาประมาณ 2-3 เดือน ส่วนเรื่องน้ำหนักก็ลดลงไปประมาณ 6-7 กิโลกรัมภายในเวลา 2 เดือน มันเป็นเรื่องของการออกกำลังกายด้วยแล้วก็คุมอาหารด้วย คุมวันละมื้อบ้าง 2 มื้อบ้าง แล้วก็เปลี่ยนอาหารที่กิน ถามว่าฟิตมากขนาดไหน ก็ทุกวันถ้าว่างก็เข้ายิมตลอด"
“แต่ตอนนี้ก็โชว์ไม่ได้หรอกอย่างในอินสตาแกรมก็แค่ขี้อวดนิดหน่อย ถามว่าตอนนี้เราพร้อมถอดหรือยังบอกเลยว่ายังไม่พร้อมคือถ้าเกิดว่ารูปร่างทั้งหมดที่มันสามารถทำให้ได้ อย่างชัดเจนทั้งข้างในและข้างนอกข้างนอกหมายถึงเรื่องของสุขภาพด้วยมันต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีถึง 2 ปีมันถึงจะสมบูรณ์แบบ"
"ซึ่งอันนี้มันเป็นเรื่องของสุขภาพไม่อยู่ในโปรเจ็กท์เป็นงานเกี่ยวกับวงการบันเทิง แต่เรื่องของซิกแพคมันทำให้เราใส่เสื้อผ้าดีขึ้นหรือว่าเราไปทำงานในส่วนอื่นๆ ในเรื่องของซิกแพคก็ต้องมาดูกันว่าจะไปได้ถึงไหน คือส่วนตัวก็อยากที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่แค่ข้อดีเรื่องของรูปร่างอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของสุขภาพของเราด้วยที่เราใช้ในชีวิตปกติจะได้ไม่อึดอัด และก็กระฉับกระเฉงมากขึ้นแล้วก็ทำให้สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ "