“เปิ้ล นาคร” เผยตร.ลาสเวกัส จับโจรปล้นน้องชายที่ลานจอดรถคาสิโนดังแล้ว ลั่นไม่กล้าฟ้อง บอกสุดเสียวโจรใช้ปืนจ่อหัวขึ้นลำกล้อง น้องวิ่งหนีสุดชีวิตจนหอบกำเริบ
อกสั่นไปตามๆ กัน หลังจากที่น้องชาย “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ถูกโจรใช้ปืนจี้หัวที่ลานจอดรถคาสิโนดังในลาสเวกัส แถมงานนี้โจรยังขึ้นลำกล้องพร้อมยิงอีก โดยเปิ้ลเผยระหว่างมาร่วมงาน DITP Open House 2019 ยอมรับเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัว แต่ตอนนี้จบลงด้วยดี บอกน้องชายวิ่งหนีไม่คิดชีวิต จนหอบกำเริบ
“ก็สำหรับเรื่องน้องชายก็จบไปแล้ว จบลงด้วยดี เริ่มต้นค่อนข้างน่ากลัวมาก เคยมั้ย อยู่ดีๆ เดินไปลานจอดรถแล้วมีคนเอาปืนมาจ่อหัว ก็ไม่ใช่เหตุการณ์เข้าใจผิดหรอก มันหลบอยู่ตรงเสาเลย คือจงใจที่จะเข้ามาปล้นเลย เพราะว่าเท่าที่ทราบมา เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ในที่ๆ สำคัญๆ ในเวกัส หรือทั่วโลก เหตุการณ์แบบนี้ เข้ามาถึงเอาปืนจี้แล้วขึ้นไกด้วย คือน้องชายเขาก็เล่าว่าเกิดมาในชีวิตไม่เคยเจอ คุกเข่าลงไปกองกับพื้น แล้วบอกมีเท่าไหร่เอามาให้หมด กระเป๋าตังค์ พาสปอร์ต เหมือนในหนังเลย คือถ้าเกิดการขัดขืนอะไรขึ้นก็คือปั๊งเดียวแล้วร่วงลงไปนอนกับพื้นเลย แล้วทางซีซาร์ พาเลซ เขาก็คงได้ภาพกล้องวงจรปิดนั้นมา แต่เราก็ไม่มีโอกาสได้เห็น”
“สุดท้ายแล้วทางตำรวจเวกัสเขาเก่งมาก เขาใช้เวลา 2 วัน ตามจับได้จากสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่มันอยู่ในกระเป๋าน้องชายเรา เขาเห็นหมดเลยว่าเดินไปทางไหน หยุดตรงไหน แล้วเข้าไปในบ้านของโจร เป็นผิวขาวสองคน พอปล้นเสร็จก็จะมีรถมารับเป็นผู้หญิง มาเป็นแก๊งเลย พอตำรวจเข้าไปทลายบ้าน เจอของกลางเต็มบ้านเลย แทบไม่รู้ว่าอันไหนของน้องเรา มันเยอะมาก”
ยันไม่ใช่ปัญหาขัดแย้งส่วนตัว
“ไม่เกี่ยว เพราะน้องชายไม่ได้เป็นคนที่นั่น ไม่ได้ทำธุรกิจ นานๆ ไปที ไปรับแม่ ซึ่งแม่ก็มีบ้านอยู่ที่นั้น ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น รับแม่ก็กลับมาไทย วันนั้นก็ไปเที่ยว ไปกินข้าวที่ซีซาร์ พาเลซ ซึ่งที่นั่นเป็นที่ระดับโลกนะ ที่คนทั้งโลกแบกเงินไปเพื่อเอาไปใช้ที่นั่น เพราะฉะนั้นระบบรักษาความปลอดภัย มันน่าจะระดับโลกเช่นกัน”
“แต่เราก็ไม่ได้โทษซีซาร์ พาเลซนะ เรายกย่องโจรมากกว่า ว่าระดับนี้แล้วคุณยังเก่งที่เอาปืนเข้าไปจ่อหัวคนได้ในลานจอดรถ ตำรวจบอกว่าเขาทำมาเยอะมาก ซึ่งน่ากลัว แต่ตอนนี้เขาก็อยู่ในคุกแล้วนะ ของกลางเพิ่งได้มาเมื่อวันสองวันนี่เอง เขาก็เอาพาสปอร์ตมาให้น้องเราก่อนเพราะจะกลับไทย แล้วทางกงสุลของไทย ก็น่ารักมาก พอเขารู้ข่าว เขาก็รีบประสานเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยเลย ในกรณีที่จับไม่ได้ ก็จะอำนวยความสะดวกในกลับมาเมืองไทยให้ได้ก่อน”
ชี้พวกหัวหมอคนเอาทนายไปฟ้องเรียกเงิน 100 ล้าน ด้านทนายแนะอย่างน้อยต้องได้ค่ารักษาพยาบาล
“ทีแรกเราก็แบบ ระดับนี้ถ้าเป็นเรื่องคนอื่นอย่างพวกหัวหมอๆ เขาจะเอาทนายไปฟ้องเรียกเงินเป็นสิบล้าน ร้อยล้านหรือเปล่า ชีวิตคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น ในที่ๆ คุณจะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย มันเซฟพอที่จะไม่ให้เอาอาวุธเข้าไปได้ คุณแม่เขาก็ปรึกษาทนายคนไทยที่โน้น แล้วทนายเขาก็บอกว่าอย่างน้อยค่ารักษาพยาบาลเราก็ไม่ควรจะเสีย เขาก็กำลังดำเนินเรื่องให้อยู่”
“คือเราไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรหรอก เพราะว่าตอนนี้น้องชายเราป่วยเป็นโรคประจำตัว เป็นหอบหืดอยู่แล้ว พอเกิดเหตุตรงนั้น พอมันได้ของปุ๊บ น้องเราก็วิ่งหนีสุดชีวิต โรคหอบมันก็กำเริบขึ้นมา พอไปโรงพยาบาลก็รู้ๆ อยู่ หมอที่อเมริกา แค่เป็นหวัดก็เป็นแสนแล้ว”
“ตอนนี้ดำเนินการเรียกค่าเสียหาย ให้ทนายคนไทยที่นั่นเขาดูให้อยู่ ก็คงไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก แค่ดูแลค่ารักษาพยาบาลให้หน่อยก็แล้วกัน ไปจัดการให้เรียบร้อย เพราะมันก็คงเป็นแสน”
ไม่กล้าฟ้องร้อง เชื่อไม่มีใครอยากให้เกิด
“คงไม่กล้าฟ้องร้องนะ เพราะว่าเขาก็คงไม่อยากให้มันเกิด เขาไม่ได้เจตนาจะเอาโจรเข้ามาปล้นใคร เราก็คงไม่ฟ้อง ดูจากแนวโน้ม อย่างน้อยเขาก็น่าจะรับผิดชอบ ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ น่าจะอีก 4-5 วันนี้ เดี๋ยวทนายก็คงสรุปได้ว่าทางนั้นจะดูแลยังไงเราได้บ้าง”
“แนวโน้มเขามาขอโทษ อันนี้ไม่ทราบเลยนะ เขาก็ไม่ใช่เมืองไทย เราก็ไม่รู้ว่าจะไปคุยกับใคร เราก็อาจจะเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวประเทศใดประเทศหนึ่ง ที่เข้าไปแล้วโดน ก็เป็นเศษเล็กๆ ที่ตำรวจเคลียร์ไป แต่ถ้าเป็นที่ไทย เราก็มีเฟซบุ๊ก ค่าเสียหายอย่างน้อยก็ค่ารักษาพยาบาลให้เขาดูแลไป ส่วนค่าทำขวัญ เราก็แล้วแต่เขา เพราะเราก็ไม่ได้อะไรมากมาย”
สภาพจิตใจน้องชายยังระแวง
“แม่บอกว่า 2-3 วันแรกตอนไปกินข้าว เวลาฝรั่งเดินผ่านหลังมันระแวงตลอด แต่ตอนนี้ก็กลับมาไทยแล้วเมื่อวานนี้ จริงๆแล้วอยากจะฝากบอกนักท่องเที่ยวคนไทย ที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ ที่ไหนที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดในโลก ตรงนั้นแหละ อาจจะอันตรายที่สุดในโลกก็ได้ สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดคือ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน เวลาเกิดเหตุที่มันกระชั้นชิดแบบนั้นอย่าเจ๋ง อย่าสู้ ให้เขาไป ไหว้เขาแล้วให้เขาไป พูดกับเขาดีๆ เอาชีวิตเราไว้ก่อนดีกว่า ขอให้ทุกคนโชคดีแล้วกัน”