ลูก 3 โคตรพีค “หนุ่ม คงกะพัน” เข้าใจหัวอกภรรยา ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เผยครอบครัวตนก็มีปัญหาไม่ต่างกับครอบครัวอื่นที่สามีภรรยามีเวลาให้กับน้อยลง แต่ต้องมีสติและพูดคุยกันให้เข้าใจ
เป็นคุณพ่อลูก 3 ไปหมาดๆ พิธีกร “หนุ่ม คงกะพัน แสงสุริยะ” ถึงกับโอดครวญว่าหน้าที่นี้ช่างโหดร้ายนัก ซึ่งตนต้องรับบทบาทเข้ามาช่วยภรรยาเลี้ยงลูก หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นคุณพ่อหาเงินอย่างเดียว
“เลี้ยงลูกไม่เหนื่อยเลย(หัวเราะ) เหนื่อยประมาณนึง ยิ่งมีลูกแฝดด้วยนี่ก็เหนื่อย 2 เท่า คิดว่ามันหนักไปนิดนึง เดี่ยวคนนึงจะร้อง คนนึงจะหลับ อีกคนจะตื่น ผมก็ช่วยภรรยาเท่าที่เราจะช่วยได้ ตอนนี้หน้าที่หลักของผมคือดูแลคนโตทั้งไปรับไปส่งที่โรงเรียนพาไปเรียนพิเศษ ทำกิจกรรมทุกอย่างกับเขาเต็มร้อยเลย อาบน้ำ ป้อนข้าว แต่งตัว ไปส่งโรงเรียนแล้วเราก็ทำงาน ตกบ่ายเราก็ต้องไปรับ ส่วนภรรยาก็รับหน้าที่ดูลูกแฝดให้นมปั้มนมสารพัดอย่าง มันโหดร้ายเรายอมเลย ก่อนหน้านี้เราก็ดูแลคนโตอยู่แล้วเพียงแค่พอน้องคลอดออกมาเราก็ทำหน้าที่เต็มตัวมากขึ้น เรามีลูก 3 คนเราก็ต้องช่วยกัน ตอนที่มีลูกคนแรกผมนี่แทบไม่ได้ช่วยภรรยาทำอะไรเลยเพราะทุกอย่างภรรยาจัดการหมด พอเราต้องมารับหน้าที่เหมือนที่เราเคยทำ เรารู้เลยว่ามันเป็นหน้าที่ที่หนักมากๆ เข้าใจเลยว่าภรรยาเรารู้สึกยังไง เข้าใจเลยว่าพ่อแม่เลี้ยงเรามามันเป็นยังไง”
“รู้สึกรักภรรยามากขึ้นมากๆ เข้าใจเขามากขึ้น ก่อนหน้านี้เราไม่เคยคิดว่าหน้าที่นี้มันจะยากเย็นหนักหนาขนาดนี้ พอได้มาเลี้ยงเองโอ้โห...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย นอกจากการเลี้ยงดูแล้วมันเหมือนเราแบกความคาดหวังเอาไว้ด้วย อยากให้เขาดีเป็นคนที่มีคุณภาพอยากให้มันดีที่สุด ครอบครัวเลี้ยงลูกไม่ได้สตริคเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ลูกคนอื่น เราเน้นเป็นแนวทางสายกลางไม่ได้ปล่อยให้เละเทะมาก เราเอาวิถีชีวิตเราเป็นหลักด้วยพ่อแม่ก็ต้องไม่สูญเสียความเป็นตัวเราไป แต่เรื่องที่ผมจะสตริคจริงๆ เลยคือปล่อยผ่านไม่ได้ก็คือเรื่องของการแปรงฟัน เรื่องนี้ผมละเอียดมาก ผมจะไม่ยอมเลย”
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาเจ้าตัวบอกมีเวลาให้กันน้อยมาก แต่ก็เข้าใจได้ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องเสียสละความสุขของตัวเองก่อน
“น้อยไปเยอะเลยพอมีลูก 3 ไม่ได้มีเวลาไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย ตั้งแต่คนแรกแล้วด้วยซ้ำที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน พอมี 3 คนนี่ยิ่งไปกันใหญ่ไม่ต้องไปไหนเลยอีก 2 ปี เราก็ไมได้เรียกร้องอะไรนะ เพราะรู้ว่าเขาต้องดูแลลูก เขาก็อยู่บ้านกลับบ้านมาก็เจอหน้ากันทุกวัน เช้ามาเราก็ทำหน้าที่ดูแลคนโตเสาร์-อาทิตย์ก็พาลูกคนโตไปทำกิจกรรมต่างๆ เราก็จัดแจงเวลาการทำงานของเรา ถามว่าอยากมีเวลาส่วนตัวอยากมีเวลาหวานกับภรรยาไหม คิดว่าผู้ชายทุกคนอยากมีแน่นอน แต่ช่วงเวลา 1-2 ปีแบบนี้เราก็ต้องเสียสละหลังจากนี้ก็ค่อยว่ากัน แต่หน้าที่พ่อแม่ผมว่าเราต้องทำไปทั้งชีวิตเราแหละ มันแค่ต่างเรื่องราวกันไป คงไม่ต้องมาดูแลประคบประหงมแบบนี้”
ลั่นไม่เชื่อปัญหาครอบครัวในปัจจุบันที่ทำให้หย่าร้างกันมากขึ้นเกิดจากสามีภรรยาไม่มีเวลาให้กัน เพราะเอาเวลาทุกอย่างไปทุ่มให้ลูกหมด มั่นใจน่าจะมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า
“เรื่องลูกมันไม่ใช่ปัญหาหรอก มันเป็นแบบนี้ทุกครอบครัวแหละ ในวันที่คุณคิดว่าคุณจะมีลูกด้วยกันคุณแทบจะไม่มีเวลาอยู่แล้วมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าคนเราจะห่างกันจะมีปัญหาผมคิดว่ามันด้วยเหตุผลอื่นมากกว่า ด้วยทัศนคติในบางเวลาที่เรามีลูกเราจะเหนื่อยมากนะ ความอดทนมันก็จะน้อยลงจากเมื่อก่อนที่เราเคยอดทนกันได้มาก พอเราเหนื่อยมากๆ พูดอะไรไม่เข้าหูนิดเดียวก็ขึ้นได้แล้วเพราะมันเหนื่อย บ้านผมก็มีปัญหาแบบนี้แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องใช้สติคิดทบทวนเข้าใจหัวอกภรรยาหัวอกเราเอง ถ้าเข้าใจซึ่งกันและกันพูดคุยกันเราจะไปกันต่อได้"
"อย่างผมเองเวลาทะเลาะกันเราก็มาทบทวนเขาก็คงเหนื่อยเลี้ยงลูก 2 คนพร้อมกัน เราก็หยุดไม่พูดอะไรต่อให้เป็นปัญหา สุดท้ายเรื่องจบที่เรา ถ้าตอนนั้นเราไปปึ้งปั้งผมว่าพอมันขาดสติแล้วมันก็อาจจะกลายเป็นเรื่อง ก็จะเละพังกันหมด ผมว่าสำคัญสุดเราต้องพูดคุยรับฟังเข้าใจกัน บางทีที่เขาพูดมันก็อาจจะแค่ระบายในสิ่งที่เขาเหนื่อยมา เขาอาจจะอัดอั้นอยู่เราก็รับฟัง ผมว่าที่เลิกกันไม่ใช่สาเหตุนี้หรอก เลิกกันเพราะสาเหตุอื่นมากกว่า การเลี้ยงลูกไม่เกี่ยว”
