xs
xsm
sm
md
lg

“นาวิน ต้าร์” ควงเมียรับการขอขมาจากคู่กรณี อีกฝ่ายรับผิดเขียนข้อความด่าเอง ลั่นให้อภัย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คู่กรณี “น้ำหวาน-นาวิน ต้าร์” ขอขมาต่อหน้าสื่อ สารภาพเขียนข้อความด่าเอง เจ้าตัวยอมถอนฟ้องหมิ่น บอกให้อภัยเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน และอีกฝ่ายก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ไม่มีประโยชน์ดำเนินคดีต่อ

หลังจากที่เกิดกรณีพิพาทกับสาวรายหนึ่ง ซึ่งจอดรถขวางจนทำให้หนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” และ “น้ำหวาน พัสวี พยัคฆบุตร” ต้องออกไปประกาศหาตัวเจ้าของรถร่วม 2 ชม. ต่อมาคู่กรณีโพสต์ข้อความอ้างถูกหนุ่มนาวิน ต้าร์ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ออกมาขอความเห็นใจจากชาวเน็ตจนกระแสตีกลับ

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (7 ธ.ค.) ทางฝ่ายคู่กรณีได้ขอนัดทางนาวินต้าร์และภรรยามารับการขอขมาที่สน.บางเขน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้ด้วยดี โดยหนุ่มนาวิน ต้าร์และสาวน้ำหวานก็เผยว่า ยินดีให้อภัยและถอนแจ้งความทั้งหมด เพราะเข้าใจว่าคู่กรณียังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ และอยากให้โอกาสปรับปรุงตัวเองซะใหม่

“วันนี้ผมก็ยินดีนะครับที่ได้รับการติดต่อจากทางคู่กรณีให้มารับฟังคำขอโทษเกี่ยวกับกรณีเรื่องคดีความ การจอดรถขวางนะครับ ทางคู่กรณีทั้ง 3 ท่านก็ได้ขอโทษทางผมและภรรยาและครอบครัวนะครับ และทั้ง 3 ท่านก็ยอมรับผิดในทุกๆ ประเด็นที่เราข้องใจ และผมก็เชื่อว่าพี่ๆ สื่อมวลชนทุกคนก็น่าจะได้เห็นความชัดเจนตรงนี้ ทางฝั่งผมก็คิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะดำเนินคดีความต่อ เราก็ขอให้ทุกอย่างยุติลง”

“ผมและภรรยาก็ขอให้อภัยน้องๆ ทั้ง 3 คนแล้วกัน เพราะน้องๆ ทั้ง 3 คนเท่าที่ผมทราบ น้องผู้ชายก็เพิ่งจะอายุ 19 มันก็ทำให้ผมมองย้อนนะ จริงๆ อายุเท่านี้ก็คงจะอายุเท่ากับลูกศิษย์ของผมนะครับ ถึงแม้ว่าจะผ่านเยาวชนมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วกัน เราก็ต้องบอกตามตรงว่าอยากที่จะให้อภัยเขา และอยากที่จะให้โอกาสเขาปรับปรุงตัวใหม่ และเราก็คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันจะเป็นบทเรียนสำหรับน้องๆ ทั้ง 3 คน และสำหรับคนอื่นๆ ด้วยที่อาจจะมีข้อพิพาทในลักษณะเดียวกันครับ”

บอกไม่ติดใจอะไร แค่ขอให้คู่กรณีออกมาขอโทษต่อหน้าสื่อเท่านั้น
“ในส่วนของข้อความที่เขาเขียนโพสต์นั้น น้องๆ ทั้ง 3 คนเขาก็รับผิดแล้วว่าข้อความที่เขาโพสต์ เขายอมรับผิด ข้อความที่เขียนที่แปะหน้ารถน้องเขาเป็นคนเขียนเอง รวมถึงข้อความต่างๆ ที่เขียนบนรถน้องผู้ชายก็บอกว่าเขาเป็นคนทำเอง รวมถึงเรื่องที่น้องเขาบอกว่าเขาจอดไม่เกินครึ่งชั่วโมง น้องเขาบอกว่ามันก็ไม่ใช่ ก็ตรงตามที่เราให้ข้อมูล เพราะทางเรารอน้องเขามาเลื่อนรถประมาณ 2 ชม. และทางผมไม่ได้ขับรถออกไปและวนรถกลับมาเพื่อที่จะมาเขียนมาต่อว่าอะไร”

“เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่ทางน้องเขายอมรับผิดมาแล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็คิดว่าคงไม่ได้ไปเอาผิดอะไร ทีนี้ในเรื่องของแนวทางในการยอมความกัน ผมก็มอบหมายให้คุณอาทนายเป็นคนดูแลต่อในเรื่องของเงื่อนไขในการยุติคดี ก็มีไม่มากนะครับ ก็มีในเรื่องของที่เขาต้องออกมายอมรับผิดกับทางสื่อ ซึ่งเป็นสื่อที่เขาเป็นคนติดต่อไปเองด้วย ในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ผมก็มอบหมายให้ทางทนายเป็นคนจัดการแล้วกัน”

“สำหรับคดีความที่ได้แจ้งตั้งแต่แรกที่ได้มอบหมายให้คุณอาทนายเป็นผู้แจ้งความตั้งแต่แรก ก็คือเป็นคดีหมิ่นประมาท ดังนั้นไม่เข้าผิดทางพรบ.คอมบ์ สำหรับคดีหมิ่นประมาทก็ยอมความกันได้ ในวันนี้เราก็มาพูดกันถึงคดีนี้ครับ เรามีคดีนี้คดีเดียวครับ เราไม่ได้แจ้งความเรื่องพรบ.คอมบ์ครับ”

บอกอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา และให้อภัยกัน
“คือมันมีสิ่งเดียวเลยที่ทำให้ผมและภรรยาต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของตัวเอง ก็คือข้อความที่บอกว่าอย่าให้เจอนะ ถ้าเจอจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งผมเองลูกก็ยังเล็ก และผมก็คิดว่าแบบนี้ไม่ได้แล้ว ผมจะต้องลุกขี้นมาทำอะไรสักอย่าง ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ได้มีโอกาสมาคุยกับทางสื่อมวลชนเลย วันนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้วกัน จะได้เข้าใจถึงเหตุผลและหลักการของผม”

“จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมากครับ คือผมอยากจะให้ทางเขารับรู้ว่าทางผมกับภรรยาตอนอ่านข้อความพวกนี้ ไม่มีใครที่รู้สึกสบายใจ เราก็ต้องมาถกกันว่าจริงๆ เรื่องมันเป็นยังไง ทีนี้ถ้าน้องทั้ง 3 คนเขามาขอโทษแล้วในวันนี้ ทางฝั่งผมก็สบายใจว่ามันไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้เกิดขึ้น”

“ผมก็เข้าใจนะครับว่าประเด็นของการจอดรถขวางกันมันเป็นปัญหาของสังคมในขณะนี้ที่สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกคนกำลังให้ความสนใจอย่างมากเลย ก็ถือว่าของผมอาจจะเป็นกรณีแล้วกันที่สุดท้ายแล้วมันก็ใจเขาใจเรานะครับ เวลาที่เราทำอะไรเราก็ต้องเกรงใจเพื่อนมนุษย์ เพื่อนคนไทยด้วยกัน และในที่สุดแล้วผมก็มองว่าการให้อภัยมันก็คือทางออกที่เราทุกคนจะสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข มันก็มีครับที่หลายคนเกิดอารมณ์เกิดความรู้สึก แต่เรื่องเหล่านั้นเราต้องมองข้ามมันไป และการให้อภัยมันคือสิ่งที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ในฐานะคนไทยด้วยกัน”

ด้าน “น้ำหวาน” ก็เผยว่าที่ตัดสินใจแจ้งความตอนแรก เพราะถูกคู่กรณีข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย เลยต้องป้องกันไว้ก่อน
สำหรับน้ำหวานก็คือมาเพื่อให้อภัยเหมือนกันค่ะ และมาเพื่อคำถามที่สงสัยเหมือนกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนสงสัยว่าใครเป็นคนเขียนจดหมายในกระดาษนั้น เพราะมีคนเขียนข้อความส่งมาหาน้ำหวานเยอะมากว่าใครเป็นคนเขียน ก็ได้สอบถามน้องเขา และน้องเขาก็ยอมรับเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับน้องผู้หญิงที่เป็นคนเขียน และในเมื่อน้องเขากล้ารับและมาขอโทษ เราก็เลยเลือกที่จะให้อภัยเขา เพราะโดยส่วนตัวแล้วน้ำหวานมีลูกเหมือนกัน และเห็นเขามาพร้อมกับลูก ก็เลยอยากจะให้อภัยค่ะ แต่ถามว่าทำไมเราถึงต้องแจ้งความ เพราะตอนแรกมันมีการข่มขู่ว่าจะทำร้ายพี่ต้าร์เกิดขึ้นค่ะ ก็เลยรู้สึกไม่สบายใจ”







กำลังโหลดความคิดเห็น