ถ้าลองกวาดตามองไปรอบๆ วงการทีวีในเพลานี้ จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยน ปรับ ขยับตัวกันในโค้งสุดท้ายปลายปี 61 กันไม่น้อยเลยทีเดียว
ช่องที่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นช่อง PPTV ซึ่งถือเป็นช่องที่ทุนหนาช่องหนึ่ง เพราะมี “กลุ่มปราสาททองโอสถ” เป็นนายทุนใหญ่ ทำให้มีเม็ดเงินกว้านซื้อคอนเทนต์ดีๆ มาเสริมบารมีให้กับช่องอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นมหกรรมดูดครั้งยิ่งใหญ่ที่ในแวดวงทีวีต่างก็จับตามอง ในฐานะช่องที่กำลังมาแรงที่สุด
และการกลยุทธ์ดูดสะท้านสะเทือนวงการนี่เอง ที่ส่งผลให้เรตติ้งรวมของช่อง เริ่มขยับจากอันดับ 13 ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 11 นั่นหมายถึงเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะต้องเป็นช่อง Top 10 ภายในปีนี้ใกล้ความเป็นจริงขึ้นมาทุกขณะ
บรรดาคอนเทนต์ต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จากพลังดูดและพลังเงินของ PPTV มีทั้งคอนเทนต์กีฬาราคาแพง ทั้งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และลีกอื่นๆ ในยุโรป
และแน่นอนที่สุด คือคอนเทนต์ในหมวดบันเทิง ที่เป็นข่าวเป็นคราวให้ได้ฮือฮาอยู่ตลอดเวลา เพราะเล่นดูด คอนเทนต์แม่เหล็กทั้งจากช่อง 3 และช่อง 7 มาอยู่ในมือแบบไม่ไว้หน้าใคร
จากช่อง 3 นั้น ไล่มาตั้งแต่ “ The Face Men ซีซัน 2” จากค่ายกันตนา ที่เข้ามาเปิดหัวแหวนประเดิมมหกรรมดูดเป็นรายการแรก ซึ่งก็เตรียมจะปิดฉากลงในวันที่ 9 ธ.ค.แล้ว แม้ว่าถ้าเทียบกับเมื่อซีซันแรกที่ออกอกาศทางช่อง 3 HD นั้น เรตติ้งจะร่วงลงมาไม่น้อย แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในแง่ของการพูดถึง กับการสร้างปรากฏการณ์ที่ดูดรายการของช่อง 3 มาอยู่ในมือได้เป็นผลสำเร็จ
มองในแง่ของการเป็นมวยรอง เพราะเรตติ้งรวมของช่อง PPTV นั้น ต้องถือว่าห่างชั้นจากสถานะรองแชมป์ของช่อง 3 อยู่หลายอันดับ การที่รายการใหญ่ๆ อย่าง The Face Men 2 ตัดสินใจทิ้งอู่ข้าวอู่น้ำจากหนองแขมข้ามห้วยมาอยู่ที่ PPTV นั้น ต้องถือว่าเป็นมหกรรมการล้มช้างครั้งสำคัญของวงการทีวีเลยก็ว่าได้
และมีความเป็นไปได้ที่ค่อนข้างสูงที่รายการในตระกูล The Face น่าจะพาเหรดตามกันมาเป็นคอมโบเซ็ต
จาก The Face Men 2 ก็มาถึง The Voice อีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ดูดมาจากหนองแขม ซึ่งก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่น่าจะสร้างความสำเร็จให้กับช่อง PPTV ไม่น้อย หลังจากที่ออกอากาศไปได้เพียง 3 เทป เรตติ้งก็ขยับขึ้นมาให้พอชื่นใจ จาก 0.575 ,0.776 มาจนถึง 0.781 ในสัปดาห์ล่าสุดที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม
และไม่เพียง 2 รายการที่ว่าเท่านั้น ทว่า PPTV ยังส่งสัญญาณท้ารบไปถึงช่อง 3 ด้วยการดูดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมิส ยูนิเวิร์ส 2018 มาไว้ในช่องด้วยเงื่อนไขที่ใครก็ปฏิเสธไม่ลง
ขณะที่ฝั่งหมอชิตที่เป็นข่าวคราวมาตลอด 1 สัปดาห์ ก็คือการดูดรายการ “กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง” เข้ามาบรรจุในผังของรายการปีหน้า
และแน่นอนว่าการปรากฏข่าวอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการสามารถดูดคอนเทนต์หลักๆ จากช่องใหญ่ได้ ทำให้ช่อง PPTV ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่การทุ่มเงินซื้อคอนเทนต์อย่างเดียว แต่ในอีกมุมหนึ่ง ยังถือเป็นการทุ่มเงินซื้อมีเดียที่ได้ผล เพราะทุกสำนักข่าวต่างพร้อมใจกันลงข่าวอย่างครึกโครม มองในระยะยาวแล้ว ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพราะเมื่อคอนเทนต์ใหญ่ๆ หลุดออกจากช่องคู่แข่ง ก็เท่ากับเป็นการยื่นดาบใส่มือ PPTV ซึ่งแน่อนว่าดาบนี้จะกลายเป็นอาวุธสำคัญที่จะนำมาใช้ฟาดฟันคู่แข่งให้แตกพ่ายในภายภาคหน้า
PPTV ไม่ได้ตั้งเป้าจะเป็นแค่อันดับ Top 10 แต่ยังมองไกลไปถึงการเป็นช่อง Top 3 ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งก็ถือว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง หากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 472 8-14 ธันวาคม 2561
