xs
xsm
sm
md
lg

PPTV มั่นใจศักยภาพ “กิ๊กดู๋ฯ” ตั้งเป้าผลิตรายการที่เป็นแมส หวังติดท็อปเทนทีวี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” ผู้บริหาร PPTV เผยเหตุดึงรายการ กิ๊กดู๋ฯ มาช่อง PPTV เพราะเห็นถึงศักยภาพ ตั้งเป้าจะติดท็อปเทนทีวี ก็ต้องเพิ่มรายการที่เป็นแมสเจาะกลุ่มผู้หญิงแม่บ้านมากขึ้นเพื่อขยายฐานคนดู

ช่วงนี้คงไม่มีสถานีไหนที่ฮอตเท่าช่อง PPTV อีกแล้ว ล่าสุดก็พึ่งจะปิดดีลถ่ายทอดสดมิสยูนิเวิร์สแต่เพียงผู้เดียวเขี่ยช่อง 3 ตกกระป๋องไปแบบงงกันทั้งวงการ รายการต่างๆ ก็ย้ายจากช่องอื่นๆ มาอยู่ช่อง PPTV มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายการเดอะวอยซ์ หรือ กิ๊กดู๋สงครามเพลง ต่างก็ย้ายมาที่ช่อง PPTV เพราะเงื่อนไขที่ช่อง PPTV เสนอให้ดีคือจ้างผลิต ไม่ต้องเสียค่าเช่าเวลาเหมือนต้นสังกัดเก่า นาทีนี้ต้องเรียกว่า PPTV เป็นช่องป๋าใจปล้ำสุดๆ ซึ่งเรื่องนี้ “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ก็ได้กล่าวถึงทิศทางช่อง PPTV ว่า จะเพิ่มรายการที่เป็นแมสมากขึ้นเพื่อดึงกลุ่มที่เป็นผู้หญิงซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ตั้งเป้าจะติดท็อปเทนทีวี

"ในส่วนของวาไรตี้มันก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าเราจะดึงคนดูอีกกลุ่มที่ไม่ใช่ผู้ชายที่จะดูเฉพาะสปอต เราก็คงต้องมีรายการที่ผู้หญิงดูกัน รายการที่สปอนเซอร์เขาหาซื้อเพื่อจะไปขายให้กับลูกค้าเขา เพราะลูกค้าเขาส่วนใหญ่จะเป็นแนวขายให้กับผู้หญิงคุณแม่บ้าน รายการมันจึงต้องตอบโจทย์สปอนเซอร์ด้วย"

"อย่างเดอะวอยซ์ มันก็จะเติมเต็มในส่วนของครอบครัว เพราะมันออนแอร์ต่อเนื่องกันจาก เดอะวอยซ์ปกติ ตามด้วยเดอะวอยซ์คิดส์ เดอะวอยซ์ซีเนียร์ ที่ออนแอร์ทุกวันจันทร์เวลา 20.15 นาที ก็ตอบโจทย์คนดูทุกวัยและกิ๊กดู๋ฯ เป็นรายการที่อยู่ตรงข้ามกับเดอะวอยซ์ สามารถทำให้คนดูทั่วไปสามารถเข้าถึงช่องเราได้ดีกว่า รายการประเภทอื่นที่เรามี"

"สาเหตุที่เราเลือกรายการกิ๊กดู๋ฯ อย่างที่ผมบอกว่า ผมไม่ได้ต้องการจะทำช่องเพื่อผู้ชายอย่างเดียว และเมื่อเรามาทำช่องแล้ว เราก็ต้องขยายความเป็นทีวีออกไป เราพยายามจะทำทีวีของเราให้มาอยู่ในอันดับต้นๆ ติดท็อปเท็นของประเทศ และฟอร์เม็ตอะไรที่คนชอบดูแล้วเราไม่มีก็เหมือนว่า เราหลอกตัวเองอยู่ว่าจะไปได้ไง ผมไม่มีทางเป็นนัมเบอร์วันด้วยฟุตบอลอย่างเดียว แต่ผมอาจจะเป็นแค่ช่องที่นำเสนอฟุตบอลอันดับหนึ่ง แต่ผมไม่ใช่ทีวีอันดับหนึ่งแน่นอน แต่ผมก็มีสิทธิ์เป็นทีวีอันดับต้นๆ ได้ถ้าผมเสนอรายการมันเป็นแมส หรือรายการที่สามารถดึงดูดผู้หญิงได้ ทั้งละคร รายการวาไรตี้ แม่บ้าน"

ปรับลุคใหม่กิ๊กดู๋สงครามเพลง
"ตอนนี้ยังไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเราต้องให้เกียรติเขา เนื่องจากรายการยังออนแอร์อยู่ช่องเดิม แต่ถ้าเปรียบเทียบรายการก็เหมือนนักแสดง ถ้าเป็นนักแสดงหน้าใหม่มาหมดเลยก็ยากที่จะมีคนรู้จักคนดูจะงงแม้จะหน้าตาดีก็ตาม แต่ถ้าเราแก่มาหมดเลยไม่มีคนใหม่เลย คนก็จะงงๆ อย่างเราเอาเขามาออนแอร์ที่นี่ เขาจะมาเติมเต็มในส่วนที่เราขาด และเขาก็เป็นรายการที่อยู่มานาน จนมันเห็นเด่นชัดแล้วว่า ถ้ามาแล้วคนดูจะเป็นกลุ่มไหน แต่ไม่ได้หมายความจะมาแล้วจะต้องเป๊ะเหมือนของเดิม เพราะทุกๆ อย่างคอนเซ็ปท์อาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการรีเฟรชใหม่ทำลุคใหม่ และตอนนี้เราก็มีการคุยกับทีมงานแล้วว่าจะให้ออกมาในรูปแบบไหน แต่ขอเก็บเอาไว้ก่อน"

"ถ้าพูดถึงเสน่ห์รายการกิ๊กดู๋ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำเนินรายการ เป็นรายการที่อยู่มานานและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มันไม่ได้เป็นรายการที่อยู่แล้วเชย เพราะมันก็มีการพัฒนาตลอดในมุมของกลุ่มคนดูของเขาตลอดมา และมันคงไม่มีรายการอะไรที่จะมัดใจคนดูทุกระดับอายุ บางคนอาจจะไม่ชอบเพลงลูกทุ่ง แต่ใช่ว่าเขาก็จะไม่ดูซะที่ไหน ก็อาจจะดู และผมว่าอีกหน่อยคนก็อยากจะมีความอยากจะลองดู"

เมื่อก่อนกิ๊กดู๋ฯ อยู่ช่อง 7 ต้องเช่าเวลาออกอากาศ แต่กับ PPTV ทาง PPTV เป็นผู้จ้างให้รายการกิ๊กดู๋ฯ ผลิตรายการ
"และรายการกิ๊กดู๋คือเป็นรายการของช่องนะครับ เราจ้างเขาผลิต (ก่อนหน้าป๋ากิ๊กให้สัมภาษณ์ว่าที่ตัดสินใจย้ายช่อง หนึ่งเหตุผลคือค่าเช่าเวลาที่แพงขึ้น?) อันนี้ก็แล้วแต่เหตุผล ค่าเช่าแพงขึ้น แต่ถ้ามันขายได้ มันก็โอเค มันคือธุรกิจ จ้างผลิตกำไรอาจจะน้อยหน่อย แต่ถ้าทำเองกำไรเยอะเหมือนในอดีต ซึ่งถามว่าตกลงกันยังไง ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะเราก็จ้างเขาผลิต ซึ่งเราก็ไม่ได้ตีกรอบอะไรเพราะสิ่งที่เขาทำมา ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ผมคงบอกให้เขาไปทำแบบโน้นแบบนี้ไม่ได้หรอก แต่บางสิ่งที่มันอาจจะไม่เหมือนเดิมบาง คนดูอาจจะลืมย้ายมาบ้าง หรืออาจจะย้ายมา แต่ก็ต้องมีการสร้างความคุ้นเคยขึ้นมาใหม่ มันเป็นธรรมชาติของทีวี"

"เราก็มีความมั่นใจบ้างว่า คนจะย้ายตามมาดูกิ๊กดู๋ที่ช่องเรา อย่างที่เดอะวอยซ์ก็มีตามมาบ้าง แต่ดูจากเรทติ้งแล้วก็ยังมาไม่ครบถ้วนเพราะคนยังไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งที่วัดได้คือคนไปดูทางนิวมีเดีย หรืออีกช่องทางนึงคือทางโซเซียล ดูย้อนหลังเอา เพราะรายการบางคลิปลงไป 2-3 วันก็มี 10 ล้านวิว และคนดูต่อเนื่อง มันก็เป็น 10 เรทติ้งแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ก็ไม่รู้จะวัดยังไง"
"จริงๆ มันก็ไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น หรือต้องไปดูในออนไลน์ เพราะในออนไลน์เราไม่ได้มีให้ อย่างเดอะวอยซ์ก็มีแค่ในไลน์ทีวีกับยูทูป ช่องทางที่อื่นไม่มี ท้ายที่สุดแล้วรายการทีวีก็เป็นเรื่องของลิขสิทธิ์ ในแง่ของเราเองรายการที่เราผลิตเราก็จะออนแอร์ออกไปทุกช่องทาง เพราะเดี๋ยวนี้ธุรกิจทีวีออนโมบายมันใหญ่ขึ้น และเขาก็ไม่ได้นำเสนอเฉพาะรายการที่ออนแอร์ในทีวีดิจิตอล เขาก็มีคอนเทนต์อีก อะไรเยอะเยอะ เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่ใช่ทีวี แต่เขาเป็นแค่อีกหนึ่งช่องทางในการออนแอร์"

ไม่ได้กดดันเรื่องเรตติ้งรายการกิ๊กดู๋
"ไม่นะ ผมไม่เคยบอกเขาเลยว่าเขาต้องได้เรทติ้งเท่าไร เพราะเขาก็เป็นโปรเฟสชั่นแนล เหมือนผมมาทำงานที่นี่ก็ไม่ได้กดดันอะไร ก็เดอะเบสท์ตามความคิดเราเขาก็เหมือนกัน และอย่าลืมว่าเขาคือเจ้าของรายการ ผมคือเจ้าของสถานี ถ้ามันดี มันก็คือดีไปด้วยกัน"

ตอนนี้ดูเหมือนผู้ผลิตรายการหลายๆ เจ้าจะย้ายมาที่ช่อง PPTV เพราะเชื่อมั่นการบริหารของ “สุรินทร์” ที่เคยทำหน้าที่บริหารที่ช่อง 3 และ พลากร สมสุวรรณ ที่มาจากช่อง 7
"ไม่หรอกครับ ก็คิดเหมือนการเราเป็นผู้จัดละคร โลกไม่ได้เปลี่ยนไปแต่ความคิดของคนที่เขามองมาว่า ทำไมเขาถึงมาอยู่กับเรา อะไรก็แล้วแต่ที่มันดีมาก คุณไปทุ่มอะไรมา มันก็ไม่ใช่คำพูดที่ถูกต้องเสมอไป ถ้าเราคิดว่าทุกๆ อย่างที่เราทำมามันคืออาชีพของเรา มันคืออนาคตของเรา เราก็ต้องเลือกว่าอนาคตของเราจะไปทางไหน ทุกอย่างมันต้องเปลี่ยนไปตลอด ทีวีมันไม่มีใครชนะถาวรหรอกและไม่มีใครแพ้ถาวร แต่เราก็ต้องโชว์ว่าเรามีอะไรดี ถึงทำให้เขามาอยู่กับเรา การที่เราสองคนมาจากช่องใหญ่ไม่ได้เป็นการบ่งบอกถึงอะไรเลยว่าเราจะสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ต้องมาดูว่าทิศทางที่เราทำนั้นมันใช่ไหม นั่นคือการที่เขาต้องตัดสินใจเอง"


กำลังโหลดความคิดเห็น