หล่อใจบุญ "นาย ณภัทร์" ขายปฏิทินโชว์แผงอก รายกได้ช่วยเด็กๆ ขาดแคลน บอกตั้งใจโชว์ให้เข้าคอนเซ็ปต์ สิ่งดีๆ ต้องใช้เวลา ใครอยากฟินซื้อเลย
หล่อแถมยังใจบุญสำหรับ “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” ที่ล่าสุดได้จัดงาน เปิดนิทรรศการ "ปฎิทิน นาย ณภัทร 2019" เพื่อการศึกษาของเด็กๆ และโรงเรียนที่ขาดแคลน" ณ หอศิลปกรุงเทพฯ ชั้น 1 (ตรงข้ามมาบุญครอง) เพื่อหารายได้มอบให้เด็กๆ ที่ขาดแคลน โดยงานนี้เจ้าตัวลงทุนถอดเสื้อโชว์แผงอกลงในปฏิทินด้วย อยากฟินแถมได้บุญต้องซื้อมาส่อง
“จุดประสงค์การทำปฎิทินจำหน่ายครั้งนี้รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็จะมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนทั้งหมด 6 โรงเรียนทั่วประเทศไทย วันนี้จัดงานนิทรรศการ ปฎิทิน นาย ณภัทร 2019 ใครที่อยากร่วมบริจาคมาได้ที่งาน นิทรรศการ ปฎิทิน นาย ณภัทร ที่หอศิลป์กรุงเทพ ตรงข้ามมาบุญครองมตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 2 ธ.ค. บางวันผมก็จะเข้ามาขายเองด้วย ให้รอติดตามว่าจะมาวันไหนครับ ซึ่งมีจำนวนจำกัด ทั้งหมด 3,500 ชุด ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแขวน”
อยากให้โอกาสเด็กๆ ได้รับโอกาสเหมือนที่ตนเองเคยได้รับ
“ตอนเด็กผมได้รับการสนับสนุนในเรื่องการเรียนทุนการศึกษาหลายๆอย่าง รวมทั้งกีฬาด้วยจากผู้ใหญ่หลายๆ คน พอมาถึงวันนี้ ปีที่ผ่านมาผมได้โอกาสดีๆ จากผู้ใหญ่หลายท่านเลยอยากส่งต่อ สิ่งที่ตัวเองได้เรียนมาสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นบ้างครับ ปฎิทินของผมก็นำงานวิทยานิพนธ์ที่ทำมา1ปี เกี่ยวกับเรื่อง กฎไตรลักษณ์ มาต่อยอดจนเป็นผลงานชิ้นนี้ ลงมือทำเองทุกขั้นตอนเลยครับตั้งแต่ดีไซน์จนถึงคอนเทนต์ทุกอย่าง โชคดีมีพี่ช่างภาพคอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา ใช้ระยะเวลาทำมาทั้งหมด 8 เดือนจนถึงวันนี้จนได้จัดนิทรรศการ ผมเก็บทุกรายละเอียดและใส่ใจงานชิ้นนี้มากๆ ครับ”
ตั้งใจถอดเสื้อโชว์แผงหน้าอกถ่ายปฏิทิน เพราะอยากให้เห็นว่าสิ่งดีๆ ต้องใช้เวลา ซึ่งเป็นคอนเทนต์ว่า สิ่งดีๆ ต้องใช้เวลา
“ในปีนี้ผมก็ตั้งใจเปลี่ยนรูปร่างตัวเองเพื่อบทบาทในการแสดงในภาพยนตร์ด้วย ก็ต้องดูโตขึ้นเป็นนักกีฬาขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ทำปฎิทินด้วย เลยอยากให้มันตรงกับคอนเทนต์ของผมว่าสิ่งที่ดีต้องใช้เวลา เหมือนกับการที่เราฝึกฝนพยายามมีวินัยกับการบิ้วร่างกาย เพราะฉะนั้นการถอดเสื้อของผมก็ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ถอดแต่มันตรงกับคอนเทนต์ที่ผมต้องการสื่อสารจริงๆ”
แม่ขอให้โชว์เบาๆ แค่นี้พอ
“มีผู้จัดการคอยเซ็นเซอร์อยู่ครับซึ่งก็คือคุณแม่ผมเอง จริงๆ ผมก็บอกแม่ว่าโชว์ทีก็โชว์ให้หมดเลย (หัวเราะ) แต่แม่ก็บอกว่า เดี๋ยวเก็บไว้ก่อนลูก แต่ในภาพยนตร์เฟรนด์โซน วันที่ 14 ก.พ.ทุกคนน่าจะได้เห็นกัน เปลี่ยนรูปร่างเพื่อให้เข้ากับบทบาทการแสดงในภาพยนตร์”
กว่าจะบิ้วร่างกายได้ขนาดนี้ต้องออกกำลังกายทุกเช้า
“ก็ไม่ถึงกับเป็นกล้ามอะไรหรอกครับ เวลาของเราค่อนข้างจำกัด แต่ก็เปลี่ยนตารางชีวิตทุกเช้าต้องไปออกกำลังกายก่อนไปที่อื่น”
โต้ข่าวเป็นมือที่สามกับ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” เลิกกับ “ท็อป จรณ”
“ผมเล่นหนังกับละครมา 3 เรื่อง ผมโดนเรื่องนี้หมดเลย(หัวเราะ) ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่นางเอกมีเหตุการณ์เลิกกับคู่ตัวเองกลางเรื่อง แล้วทุกคนก็โยงมาที่ผมหมดเลย แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะผมกับพี่เฟิร์นก็เป็นเพื่อนกันที่เราถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เฟรนด์โซน มีคิวไปถ่ายต่างประเทศเยอะเลยครับ”
รู้จัก “ใบเฟิร์น” ในฐานะเพื่อนร่วมงาน รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แต่ไม่ล้ำพื้นที่ส่วนตัว
“เพิ่งมารู้จักเขาในกอง ที่เหลือก็ติดตามผลงานเขานี่แหละ ก็มีพูดคุยกันเรื่องข่าวนี้บ้าง แต่ก็แซวกันเป็นเรื่องตลกมากกว่าขำๆ กันมากกว่า ไม่ได้เป็นความจริงเลยครับ พออยู่ในกองเขาเป็นมืออาชีพมาก เป็นนักแสดงที่น่ารักแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยครับ มีอะไรก็คอยปรึกษาและให้กำลังใจกันทุกเรื่อง ผมก็ทราบดีว่าเขาเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หมายถึงว่าเขากำลังเจออะไรอยู่ แต่ผมไม่ได้ไปล้ำความเป็นส่วนตัวของเขา เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันสิ่งที่ผมทำได้คือให้ความเป็นส่วนตัวกัน เคารพเขา คอยให้กำลังใจเขา”
“ผมก็ทำตามปกติ เราเจอกันเฉพาะเรื่องงานอย่างเดียว ภาพยนตร์เข้าวันที่ 14 ก.พ. ก็ต้องมีการเจอกันอีก แต่เขาไม่ได้มาปรึกษาอะไรครับ ต้องยอมรับในความเป็นมืออาชีพของเขาเลย เขามาทำงานตั้งแต่เช้า เราถ่ายกันข้ามคืนมากตี 5 แล้วเขาเป็นตัวละครจริงๆ เก่งมากๆ”
“ใบเฟิร์น” มาขอโทษคุณแม่ของ “นาย” ที่ทำให้ตกเป็นข่าว
“วันนั้นถ่ายโปสเตอร์ภาพยนตร์กันครับ แล้วเขาเจอคุณแม่ผมก็เข้ามาขอโทษ คุณแม่ก็ขำกร๊ากเลยครับ คุณแม่เข้าใจไม่ได้ว่าอะไรเลยครับก็ขำ ผมก็พูดกับแม่กับใบเฟิร์นเล่นๆ ไม่มีเครียด ส่วนตัวผมความตั้งใจอยู่ที่งานและปฎิทินชุดนี้ครับ”
ไม่มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ แม้ว่าแม่ของ “นาย” จะปลื้ม “ใบเฟิร์น” ก็ตาม
“โอกาสไม่นะครับ ก็คงเป็นเรื่องอนาคตครับ ไม่มีใครตอบได้ คุณแม่ปลื้มเหรอครับ พูดเหรอครับ จริงเหรอ เขาเป็นคนน่ารัก ใครที่เคยร่วมงานกับเขาหรือเจอเขาจะสัมผัสได้ว่าเขาเป็นมืออาชีพ น่ารักและอัธยาศัยดีจริงๆ”