“ไอซ์ ปรีชญา” มาแล้ว เคลียร์กรณีแอบคุยกับแฟนชาวบ้าน เพราะฝ่ายชายเอางานมาอ้างเพื่อจะจีบ ไม่รู้ว่ามีแฟนแล้ว ส่วนกรณีถูก “กัญ ชลัช” ทวงเสื้อ นี่ก็เข้ามาจีบเหมือนกัน ตอนจีบบอกให้มาเอาเสื้อไปใส่ ตอนนี้ให้เลขามาทวงเลขาปลอมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ติดต่อกลับก็ติดต่อไม่ได้ อยากให้คืนที่ไหนได้หมดว่ามา
โดนกระหน่ำเลยทีเดียวสำหรับ “ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร” ที่พึ่งจะมีข่าวแชตหลุดแอบคุยกับแฟนชาวบ้าน จนผู้หญิงมาคอมเม้นต์ทวงคืน เท่านั้นพอ “กัญ ชลัช” ก็ยังโพสต์ทวงคืนเสื้อลิมิเต็ดชาแนล บอกให้เลขาโทรไปทวงแล้วก็ไม่ยอมคืน ไอซ์มาร่วมงานเปิดตัวเครื่องเสียงยี่ห้อ Kenwood ที่เมืองทองธานี เลยเคลียร์หมอทุกสิ่งว่า กรณีแรกฝ่ายชายเอางานมาอ้างเพื่อจะจีบก็เลยคุย ไม่รู้ว่ามีแฟนเพราะไม่ได้คุยถึงขั้นต้องไปสืบว่ามีใครหรือเปล่า ส่วนกรณีกัญก็มาจีบเช่นเดียวกัน แล้วก็ให้เสื้อมาใส่ ตอนนี้ให้เลขามาทวงคืน หวั่นเป็นเลขาปลอมเลยไม่คืน พอโทรไปถามติดต่อกลับกัญทุกทางก็ไม่มีการตอบกลับ ว่ามาเลยอยากให้คืนที่ไหนได้หมด
"จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ เอ่อ...แชทนั้นคือของไอซ์จริง แต่ต้องขอเท้าความก่อนว่า เรื่องแย่งแฟนมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ไอซ์ยอมรับว่าไอซ์รู้จักกับฝ่ายชาย เนื่องจากเขาเป็นคนส่งข้อความมาหาไอซ์ผ่านอินสตาแกรมและก็บอกว่าอยากจะคุยเรื่องงาน ซึ่งเขาส่งมาตั้งนานแล้วนะคะ ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วด้วย ซึ่งไอซ์ไม่เคยตอบเลยเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องงาน"
"แต่ล่าสุดที่มีการติดต่อกันเกิดขึ้นก็เป็นเพราะเขาบอกว่าเขาอยากจะคุยเรื่องงาน เป็นลักษณะการร่วมหุ้นของบริษัท ซึ่งพอมันเป็นเรื่องธุรกิจไอซ์ก็เลยคุยเอง แต่ด้วยความที่ไอซ์ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เขาก็เลยขอเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อจะอธิบายให้ฟังว่า ธุรกิจนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง เราก็เลยมีการนัดคุยงานกัน แต่ว่าตอนที่ไปก็มีเพื่อนๆ อีกคนหนึ่งนะคะที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เป็นการคุยกันปกติแค่เรื่องงานอย่างเดียวเลย"
เผยฝ่ายชายคุยงานในลักษณะ ใช้งานมาอ้างเพื่อจะจีบ
"ข้อความนั้นมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งนะคะ แต่ถามว่าเราคุยงานในลักษณะไหน คือเขาก็คุยกับเราในลักษณะที่ทำให้ไอซ์รู้สึกว่ามันไม่ใช่การคุยงานนะ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ไอซ์ก็เลยค่อนข้างงงนิดหนึ่ง แต่ก็เข้าใจว่าเข้ามาอย่างนี้ ซึ่งวิธีการคุยของเรามันก็เป็นการคุยปกติเลยค่ะ เพราะตัวไอซ์เองก็ไม่ได้มีใคร ไอซ์โสด ดังนั้นการที่มีคนเข้ามาคุยมันจึงเป็นเรื่องปกติ แต่ถามว่าไอซ์รับรู้หรือเปล่าว่า เขามีคนของเขาอยู่ไหม คือเรายังไม่ได้คุยกันมากถึงขั้นที่ว่า ไอซ์จะต้องไปสืบว่า เขาเป็นใครหรือมีแฟนหรือเปล่า ไอซ์ไม่ทราบเรื่องอะไรตรงนั้นเลยค่ะ(ท่าทีของเขาก็คือเอางานมาอ้างเพื่อที่จะจีบ)ใช่ค่ะ"
พอรู้ว่าจีบก็คุยตามปกติ และไม่ทราบว่า มีมาคอมเม้นท์แสดงตัวว่าเป็นแฟนฝ่ายชาย
"ก็คุยปกติอย่างที่เห็นในแชทเลยค่ะ แต่อย่างที่บอกมันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เรื่องที่เข้ามาคอมเม้นท์ไอซ์ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะที่เห็นในข้อความก็คือหนูโดนหลอก ไอซ์เองก็ตกใจนะ เพราะไอซ์ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ถ้าเห็นก็คงต้องคุยแล้วค่ะ แต่ประเด็นก็คือข้อความอินบ๊อกมันมีโอกาสน้อยมากที่เราจะอ่านเจอ มันต้องใช้เวลาในการนั่งไล่ดูจริงๆ แล้วถ้าหากอันไหนไม่ใช่เรื่องงานไอซ์ก็จะผ่านไป"
ฝ่ายชายขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้
"เขาก็มีขอโทษค่ะ ขอโทษสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็เหมือนกับข้อความที่น้องโพสต์ประมาณว่า โดนหลอก ก็คือตามนั้นเลย เนื่องจากไอซ์ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมาก่อนว่าจริงๆ แล้ว ตื้นลึกหนาบางเขาเป็นยังไง ก็ไม่ได้รู้สึกดีนะคะ เพราะมันก็เป็นเรื่องไม่ดีที่เราถูกใครบางคนเข้ามาพูดอะไรไม่หมด เหมือนเราไม่รู้ความจริงอะไรเลย"
ไม่กลัวโดนแฉเพิ่ม ยันไปไหนมาไหนกับเพื่อนตลอด
"เขาก็แฉแล้วนะ (ยิ้ม) ส่วนข้อความอื่นๆ มันก็คงจะไม่น่ามากไปกว่านี้แล้ว เพราะเรื่องที่บอกว่า กินข้าวช้อปปิ้ง ไอซ์ก็ไม่ได้ไปคนเดียว ไอซ์มีเพื่อนของไอซ์ไปด้วยเหมือนกัน"
ตัดขาดฝ่ายชายแล้ว เพราะไม่มีความสำคัญ
"ไม่คุยแล้ว เขาไม่มีสถานะค่ะ ไอซ์ไม่ได้บล็อกเขาด้วย แต่เพราะไอซ์ไม่ได้อยากคุย เขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับไอซ์เลยค่ะ ตัดออกไปเลยค่ะ ส่วนคุยกันนานแค่ไหน ไอซ์จำไม่ได้หรอกค่ะว่ามันนานขนาดไหน รู้แค่ว่าไม่นานค่ะ ไม่นานเลย"
ทำใจจังหวะชีวิตช่วงนี้มีแต่เรื่องร้ายเข้ามา เป็นเรื่องไม่น่าใส่ใจปล่อยให้จบไปดีกว่า
"มันก็เป็นจังหวะชีวิตหนึ่งนะคะที่มีเรื่องร้ายเข้ามา แต่ก็ถือว่าไม่เป็นไรให้มันผ่านไปค่ะ ก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่นะคะ มันแค่เป็นเรื่องที่เราไม่น่าจะเอามาใส่ใจ และก็ปล่อยให้มันจบไปดีกว่า”
เคลียร์ข่าวโดน “กัญ ชลัช” โพสต์ทวงคืนเสื้อลิมิเต็ดชาแนล บอกทำไมไม่ทวงเอง ให้เลขามาทวงก็ไม่รู้เลขาปลอมหรือเปล่า
“ไอซ์ตื่นมาก็เห็นข่าว เราก็เอ๊ะ...คืนเสื้อ อะไรยังไง ไอซ์รู้จักเขานะทำไมเขาไม่ติดต่อไอซ์มาเองล่ะ ให้เลขาทวงซึ่งไอซ์ไม่รู้ว่าเป็นเลขาเขาจริงหรือเลขาปลอม มีผู้หญิงคนหนึ่งโทร.มาบอกว่าเป็นเลขาของเขา ซึ่งไอซ์ก็ไม่รู้ว่าจริงไม่จริงเขาบอกว่า จะมารับของที่บ้าน ถามว่าใครจะกล้าให้มาที่บ้าน แล้วเราติดต่อเข้าไปคือติดต่อไม่ได้ แล้วถ้าเราให้ไปแล้วเกิดไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ เราจะแย่เองนะ เราได้ติดต่อไปว่าจะคืนให้นานแล้ว แต่ไม่มีอะไรติดต่อกลับมาเลย”
ยันไม่ได้ยืมเสื้อ “กัญ” มาใส่ แต่กัญเป็นคนให้มาเอง
“ต้องแยกว่าขอยืมกับให้ยืมไม่เหมือนกันนะ ไอซ์ไม่ได้ขอเขายืมนะ เขาให้ไอซ์มาเอง ตั้งแต่แรกเลยคือเขาไดเรคไอจีมาว่า จะส่งเสื้อให้แต่โดยส่วนตัวก็รู้จักกันมานานแล้ว เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว เขาก็มาๆ ไปๆ หายๆ เขาก็ไดเรคมาว่า จะส่งเสื้อให้ช่วยโปรโมทได้ไหม เราก็โอคได้ส่งมาสิ เขาก็ขอที่อยู่ ขอเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเขามีหมดนะ แต่เขาบอกว่า ไม่มีก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็มีการส่งเสื้อมาจริงๆ หลังจากนั้นเขาก็ให้เรายืมเสื้อตัวนี้บอกว่า ใส่ไปเลยสิ ไอซ์ก็ไม่เข้าใจเจตนาของเขาว่าทำไมเขาไม่พูดกับไอซ์ตรงๆ กับไอซ์เอง ทำไมต้องมาโพสต์แบบนั้น เขาต้องการอะไร”
เขาอยากทวงตอนจังหวะที่เราเกิดเรื่องพอดีด้วยหรือเปล่า?
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ทราบเลยค่ะ”
เขาได้บอกมั้ยว่าให้เราคืนเขาเมื่อไหร่?
“ไม่มีเลย ไม่มีเลยค่ะ”
แฉ “กัญ” เข้ามาจีบ
“ใช่ ก็คงแบบนั้นแหละ ด้วยความที่เราก็คุยกันปกติ แล้วอยู่ดีๆ ก็ไม่มีการติดต่อกันเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่เขาบอกว่า เขาให้เลขาเขาโทร.มา ไอซ์ก็คือต้องการจะรู้ว่าเป็นเลขาของเขาจริงไหม เราก็ไม่ชัวร์ เราต้องการติดต่อเขาตรงๆ ตอนที่เลขาโทร.มานี่ก็จะนอนแล้ว มันไม่ใช่กาลเทศะ เราต้องคุยกันเองไหม ไม่ใช่ว่าให้อีกคนหนึ่งมาคุยกับไอซ์ ไอซ์ก็ไม่รู้จักเลขาด้วย ใครก็ไม่รู้ ไอซ์ทั้งไดเรคกลับไปทั้งฝากเพื่อนเขาไปถามว่า คนที่ติดต่อมานี่ใช่ไหม”
ยินดีคืน ให้คืนด้วยวิธีไหนได้หมด
“นานมากแล้ว เดี๋ยวอาจจะโพสต์ว่าจะให้คืนที่ไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเราติดต่อเขาไม่ได้ คือไม่จำเป็นว่าจะต้องมาเจอและรับด้วยตัวเอง จะให้คืนด้วยวิธีไหนได้หมดเพียงแต่ว่าเราต้องคุยกันสิเรารู้จักกันไม่ใช่ว่าไม่รู้จักกันเนอะ แน่นอนจะคืนที่ปฎิเสธไปไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคืนนะแต่เรากลัวว่าคืนไปจะไม่ถึงเขาหรือเปล่า”
ส่วนกรณีที่ “กัญ” บอกว่า อยากได้แบรนด์ตัวไหนให้บอกมาได้หมด เหมือน “ไอซ์” อยากได้ของ เรื่องไอซ์บอกไม่เข้าใจว่า จะพูดทำไม
“อันนั้นก็ไม่เข้าใจว่าจะพูดทำไมเหมือนกัน”
ไม่มีอะไรจะฝากไปถึง “กัญ”
“ไม่มีค่ะ ไม่อยากจะพูดข้ามไปเลยแล้วกัน”
ตอนนี้ตัดผู้ชายออกไป 2 คนในชีวิต
“ต้องไม่อยู่แล้วค่ะ อันนี้ก็ข้ามไปเลยเหมือนกัน”
ผู้ชายสองคนนี้แปลกสุดตั้งแต่เคยเจอมา ต่อไปใครจะเข้ามาต้องให้ผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนสแกน
“นี่แหละค่ะแปลกที่สุดที่เคยเจอมาแล้ว ก็เดี๋ยวจะส่งให้ผู้จัดการส่วนตัวสแกนก่อน ไอซ์คิดอยู่ว่า เอ๊ะ..ทำไมเหมือนกัน ก็คิดว่าทุกคนก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิต ไม่เป็นไร ถือเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์แล้วกัน”
ไม่กลัวจะมีอะไรหลุดออกมาอีก เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
“ไม่รู้สึกว่าต้องกลัวอะไรเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ตัวไอซ์รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย อะไรที่มันออกมาตอนนี้ไอซ์รู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ มันทำอะไรไม่ได้”
