xs
xsm
sm
md
lg

“เมียนาวินต้าร์” แฉคู่กรณีแต่งเรื่อง ยันไม่ได้เขียนด่า ไม่เจรจามีอะไรให้ไปคุยกับทนาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“นาวินต้าร์-น้ำหวาน” แฉคู่กรณีแต่งเรื่อง ยันไม่ได้เขียนด่าเลว...ยำ ท้าดูกล้องวงจรปิด ลั่นทำแบบนี้เสียชื่อเสียง ไม่ขอเจรจาคู่กรณี มีอะไรให้ไปคุยกับทนาย!

ยังไม่จบสำหรับกรณีรถเก๋งจอดขวางรถของ “นาวิน ต้าร์ เยาวพลกุล” และ “น้ำหวาน พัสวี พยัคฆบุตร” ภรรยา ออกมาโพสต์ข้อความต่อว่า นาวิน ต้าร์ และภรรยาว่าได้เขียนข้อความใส่กระดาษด่าไว้ที่รถว่า “ทำไมจอดรถได้เลว..ยำแบบนี้คะ ที่บ้านไม่มีคนอบรมสั่งสอนหรือไง” พร้อมกับถ่ายภาพให้เห็นข้อความที่ถูกเขียนด่ารอบรถ นอกจากนั้นแล้วเจ้าของรถเก๋งที่จอดรถขวางนาวินต้าร์และภรรยา ยังได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า นาวินต้าร์และน้ำหวานได้วนรถกลับมาอีกครั้งเพื่อเขียนข้อความดังกล่าว

ล่าสุด “น้ำหวาน พัสวี พยัคฆบุตร” ภรรยานาวิน ต้าร์ ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดว่า ไม่ได้เขียนข้อความดังกล่าว และไม่ได้วนรถกลับมาแต่อย่างใด เพราะสิ่งเดียวที่อยากจะทำคืออยากกลับบ้านเพราะเสียเวลากับการที่มีรถมาจอดขวางถึง 2 ชั่วโมง จนทำให้ลูกสาวถูกยุงกัดเต็มตัว ท้าให้เปิดกล้องวงจรปิด แจ้งทนายความให้ดำเนินการแล้วเพราะเสียชื่อเสียง ไม่ขอคุยกับคู่กรณีหากอยากจะมาขอโทษให้ไปคุยกับทนายความ

“เหตุการณ์วันนั้นคือเราไปบางแสนกันเมื่อวันเสาร์ค่ะ แล้วพอดีเรากำลังจะกลับบ้าน เราก็ขึ้นรถกันเรียบร้อย ก็ให้คนขับรถไปขยับรถข้างหลัง แต่ปรากฎว่ารถล็อคเกียร์และใส่เบรคมือด้วย คนขับรถก็พยายามเดินตามหาว่าใครเป็นเจ้าของรถคันนี้ในบริเวณนั้นอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ไม่มีใครแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของรถ คนขับรถเลยโทรเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แล้วประมาณ 30-40 นาทีก็มีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาดู แต่เขาก็บอกว่าตอนนี้ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว เพราะเสียงตามสายที่เขาจะกระจายเสียงมันปิดไปแล้วค่ะ ก็เลยต้องให้ช่วยตะโกนถามกัน”

“คราวนี้เพื่อนพี่ต้าและกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกันประมาณ 5-6 คนก็เลยแยกกันตะโกนตามหา แล้วก็ผ่านไปอีกสักประมาณเกือบ 40 นาทีนะคะ น้ำหวานก็ทนไม่ไหว สงสารลูก เพราะรถเรามันสตาร์ทไม่ได้แล้ว น้ำมันมันจะหมดค่ะ ลูกก็เลยต้องลงมาเดินอยู่ข้างล่างด้วย แล้วยุงมันชุมมาก น้ำหวานก็เลยโทรไปแจ้งตำรวจว่ามีรถมาจอดกีดขวางอย่างนี้ ช่วยมาดูเอารถยกให้ได้มั้ย สักพักคุณตำรวจก็มาถึง แล้วน้ำหวานก็เดินมาทางฝั่งโรงแรม คุณตำรวจเขาก็พยายามเดินถามคนแถวนั้นก่อน เพราะปกติพ่อค้าแม่ค้าจะรู้ว่าใครเป็นคนจอด แต่ก็ยังไม่มีใครแสดงตัว คุณตำรวจก็เลยติดต่อรถยกให้”

“แล้วระหว่างที่รถยกกำลังเดินทางมา ก็มีผู้ชายคนนึงเดินมาถามน้ำหวานว่า รถคันนี้กีดขวางทางเหรอครับ น้ำหวานก็บอกว่า ใช่ค่ะ ตามหาเจ้าของนานแล้ว ไม่รู้ไปไหน แล้วเขาก็ถามอีกว่า รถคันนี้ขวางใช่มั้ยครับ น้ำหวานก็บอกว่า ใช่ค่ะ รู้จักเจ้าของเหรอคะ เพราะเห็นท่าทีเขาแปลกๆ น้ำหวานก็ถามว่า รู้จักเหรอคะ ช่วยตามให้หน่อยได้มั้ย สักพักหนึ่งเขาก็เดินไปที่รถ น้ำหวานก็ถามเขาว่า อ้าว...นี่คุณเหรอ เขาก็เงยหน้ามาแป๊บนึงแล้วก็เข้าไปในรถเลย แล้วก็ไม่ลงมาอีกเลยนะคะ เขาก็ถอยรถออกไป แต่รถเขาออกไปไม่ได้ เพราะติดรถมอเตอร์ไซค์ของคุณตำรวจที่จอดขนาบรถเขาไว้อยู่ค่ะ”

“ทีนี้เขาก็อยู่ในรถ น้ำหวานก็โทรตามพี่ต้าว่ารถเขยื้อนได้แล้ว ก็ให้พี่ต้ากลับมาเพราะพี่ต้าไปตะโกนเรียกหาทั่วเลยกับเพื่อน พอพี่ต้ากลับมาน้ำหวานก็ยืนถ่ายรูปรถคันนี้ไว้ก่อน เพราะน้ำหวานกลัวว่าจะมีอะไรขึ้นหรือเปล่า ก็ยืนถ่ายอยู่หน้ารถ พี่ต้าก็มาถึงก็ตะโกนบอกน้ำหวานว่า น้องระวังรถพุ่งชน น้ำหวานเลยคิดว่าน่าจะเป็นจังหวะนี้ที่เขาเห็นว่าเป็นพี่ต้า แล้วก็เอาไปเขียนเป็นเรื่องเป็นราวอะไรก็ไม่รู้”

“ผู้ชายคนนี้เขามาคนเดียวค่ะ ไม่มีใครมาด้วย มาถึงก็ถามน้ำหวานว่ารถจอดขวางเหรอ ถามประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งตอนหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปเคาะกระจก และเขาก็ลดกระจกลงมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินมาบอกน้ำหวานว่า ผมอบรมเขาไปแล้วนะครับ ซึ่งน้ำหวานก็ตอบว่า ค่ะๆ แล้วเราก็กลับบ้านเลย ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกแน่นอนค่ะ เพราะตอนนั้นมันก็สองทุ่มแล้ว จากที่เราตั้งใจว่าจะกลับกันตอนหกโมงเย็น ซึ่งเราก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลยนะคะ แล้วเขาก็ไม่ได้ลงมาขอโทษอะไรเราด้วย ซึ่งจากภาพที่น้ำหวานเห็นเขา คือเราก็คงไม่กล้าเข้าไปคุย เพราะผมเขายาวด้วย พี่ต้าเองก็ไม่ได้คุยกับเขา เพราะพี่ต้าเองยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเลยค่ะ เพราะรถเขาติดฟิล์มมืดมาก แต่ว่าเขานั่งอยู่ในรถก็น่าจะเป็นจังหวะนั้นที่เขาเห็นว่าเป็นพี่ต้า แล้วก็เอามาเขียนเป็นเรื่องเป็นราว เป็นคนละเรื่องเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเป็นพยานได้ เพราะเขาอยู่ในเหตุการณ์ รวมระยะเวลาทั้งหมดน่าจะ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ได้นะคะ”

“น้ำหวานมาเห็นที่เขาโพสต์ก็วันรุ่งขึ้นค่ะเพราะเพื่อนน้ำหวานส่งมาให้ดู ตอนแรกน้ำหวานก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นะคะ แต่พอตอนหลังมาเห็นข้อความมันเหมือนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีผู้หญิงมาโพสต์ด่าพี่ต้า แต่เรื่องจริงมันไม่มีอย่างนั้นเลย น้ำหวานก็เลยรู้สึกว่ามันแย่มากแล้ว ก็เลยออกมาบอกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น หนึ่งคือเราไม่ทันได้คุยอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว และในที่เกิดเหตุก็คือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่สองท่านอยู่ด้วย”

ส่วนที่เขาเขียนในโพสต์ว่ามีคุณป้าคนนึงเห็นพี่ต้าเขียนข้อความในกระดาษ อันนั้นน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของเขาเองค่ะ เพราะว่าตัวเขาเองยังบอกว่าเราวนรถกลับไปเขียน ซึ่งกล้องวงจรปิดแถวนั้นก็น่าจะมี เราไม่มีทางวนรถกลับไปแน่นอน เพราะสิ่งเดียวที่เราอยากจะได้คือเราอยากจะกลับบ้านค่ะ น้ำหวานยืนยันเลยว่าไม่ได้วนรถกลับไปเขียนอะไรแน่นอน และพี่ต้าเองมาทีหลังทุกคนเลยค่ะ ดังนั้นน้ำหวานก็เลยอยากจะรู้ว่าคุณป้าคนไหนที่เขาบอกว่าเห็นว่าพี่ต้าเขียน และคงไม่มีใครพูดแบบนี้ออกมาได้นอกจากตัวเขาเอง”

ยันไม่ได้เขียนด่า หรือเขียนบนรถ ใดๆ ทั้งสิ้น
“ที่มีคอมเม้นท์บอกว่าผู้หญิงที่โพสต์เป็นคนเขียนข้อความในกระดาษและเขียนรอบรถตัวเอง อันนี้น้ำหวานไม่ทราบเลยว่าหลังจากนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะพอเขาถอยรถแล้วเขาก็ไม่ลงจากรถเลย เราเองก็ขึ้นรถกลับเลย น้ำหวานยืนยันเลยว่าเราไม่มีทางวนรถกลับไปแน่นอน เพราะเพื่อนที่ไปกับน้ำหวานมีทั้งผู้หญิงที่ท้อง 7-8 เดือน และมีเป็นเด็กเล็กด้วย ซึ่งเราก็ไม่อยากไปมีเรื่องกับใคร เราคงไม่แสดงพฤติกรรมให้เด็กดูแบบนี้ค่ะ ไม่มีทางไปเขียนบนรถ บนกระดาษอะไรแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะพี่ต้านี่น้ำหวานยังยืนยันอีกครั้งนึงว่ามาทีหลังเลย เพราะน้ำหวานเป็นคนโทรตามมาเอง เพราะพี่ต้าไปตะโกนอยู่ริมหาด ตอนที่พี่ต้ากลับมาที่รถ น้ำหวานก็ไลฟ์สดอยู่ด้วยนะคะ คนที่ฟังอยู่จะรู้เลยว่าพี่ต้ามาทีหลัง เพราะน้ำหวานเซฟเป็นวิดีโอเลขทะเบียนรถเขาเก็บไว้ด้วย”

ไม่ขอคุยกับคู่กรณี มีอะไรให้ไปคุยกับทนายความ
“ทางเขาตอนนี้ก็ยังไม่มีติดต่ออะไรกลับมานะคะ แต่ตัวน้ำหวานเองก็ไม่อยากจะคุยอะไรกับเขา คือเราไม่ได้มีอะไรที่อยากจะพูดกับเขาด้วย น้ำหวานก็มอบให้อาทนายเป็นคนดูแลเรื่องนี้ค่ะ เพราะตัวน้ำหวานกับพี่ต้าก็กำลังจะเดินทางและไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ค่ะ สำหรับเรื่องนี้น้ำหวานปล่อยให้อยู่ในดุลพินิจของคุณอาทนายที่คอยดูแลน้ำหวานเลยค่ะว่าจะยังไงต่อ เพราะตัวน้ำหวานเองพูดเลยว่าพออ่านข้อความที่เขาโพสต์แล้วไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ ขอไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนี้ดีกว่า เพราะมันเหมือนหนังคนละม้วนเลย และเราโชคดีที่มีคนเห็นเหตุการณ์เยอะมากค่ะ ที่ส่งข้อความไดเร็คมาบอกว่าเห็นพี่ต้าไปตะโกนอยู่ทั่วหาด หรือคนที่เขาไปช่วยตะโกนถามจะกลับมาด่าได้ยังไงคะ เพราะเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น”

“น้ำหวานไม่ทราบว่ามีข้อความไปต่อว่าเขาถึงขั้นต้องปิดเฟสไปแล้ว น้ำหวานเห็นแต่ข้อความที่ส่งมาถึงเรา น้ำหวานไม่ได้ไปดูในรายละเอียดที่คนอื่นไปด่าเขา แต่มีคนส่งมาให้กำลังใจเยอะ น้ำหวานก็อยากขอบคุณผ่านตรงนี้ด้วยที่เข้าใจค่ะ พี่ต้าเองถามว่าโกรธไหม พี่ต้าก็ส่ายหน้าค่ะ ก็งงว่าเป็นเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง คือต้องบอกว่าเรางงมากที่เขาเอาไปโพสต์แบบนี้ เป็นเรื่องที่ตัวเราเองยังนึกไม่ถึงเลยค่ะ น้ำหวานคิดว่าพอเขาเห็นเป็นพี่ต้าด้วยก็เลยกลายเป็นเรื่องขึ้นมา”

“ตัวพี่ต้าเองก็มอบอำนาจให้คุณอาทนายดูแลในเรื่องนี้เลยเหมือนกันค่ะ เพราะเราเองก็ไม่ได้มีอะไรไปต่อสู้กับเขา และเราก็ไม่ได้อยากจะต้องทำให้จุดนี้เป็นปัญหาใหญ่ แต่แจ้งกับอาทนายไว้เพื่ออยากจะชี้แจงความเป็นจริงไว้ก่อน เพราะน้ำหวานว่าพี่ต้าเสียชื่อเสียงมากค่ะในจุดนี้ที่เขาเอาไปเขียนอะไรไม่รู้ในตอนแรก ก็เลยอยากให้คุณอาช่วยดูแลว่าเหตุการณ์มันเกิดแบบนี้แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง แต่ยังไม่ได้ไปแจ้งความค่ะ เพราะน้ำหวานเพิ่งเล่าเรื่องให้คุณอาทนายฟัง แล้วก็ส่งหลักฐานให้ หลังจากนี้ก็แล้วแต่คุณอาทนายว่าจะดำเนินการยังไงต่อ”

“ถ้าเขามาขอโทษเหรอคะ น้ำหวานก็คงให้คุณอาทนายมีอำนาจตัดสินใจทั้งหมดเลยค่ะ แต่เอาจริงๆ เราไม่ได้มีอารมณ์โกรธเคือง แต่เราแค่งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเขาถึงสามารถเขียนแบบนั้นได้ คือความโกรธคงไม่มี เพราะถ้าเราโกรธมันคงเป็นเรื่องไปตั้งแต่วันนั้นแล้วค่ะ เราแค่อยากจะกลับบ้าน คือนึกถึงคนมีลูกอ่อน แล้วลูกรอประมาณ 2 ชม.กว่า คือยุงดุมากนะคะแถวนั้น ยุงกัดเต็มตัวลูกเลย เราแค่อยากจะกลับบ้าน ความรู้สึกมีแค่นั้นเองค่ะ”

อ่านข่าวประกอบ : เมีย “นาวิน ต้าร” เดือด! จ่อฟ้องสาวจอดรถขวางใส่เบรกมือแล้วยังโพสต์ด่า





กำลังโหลดความคิดเห็น