ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่เคยรู้จัก “สงกรานต์ เตชะณรงค์” เป็นการส่วนตัว
นั่นคือคำสัมภาษณ์ของนางเอก “แมท-ภิรนีย์ คงไทย” ที่พูดไว้เมื่อเดือนกรกฏาคม หรือราวๆ 3 เดือนเศษๆ ต่อกรณีที่มีข่าวว่าเธอเป็นหวานใจคนใหม่ของไฮโซโบนันซ่า ที่ ณ ขณะนั้น ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่าอย่างเป็นทางการกับ “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ”
หรือแปลความง่ายๆ ก็คือสถานะของสงกรานต์กับแอฟ ยังคงเป็นสามี-ภรรยา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าโดยพฤตินัยจะแยกกันอยู่ร่วม 2 ปีแล้วก็ตาม
เรื่องระหว่างแมทกับสงกรานต์ อาจจะเป็นแค่ข่าวลือที่พูดกันปากต่อปาก หากว่าไม่มีประจักษ์พยานชัดเจนว่ามีคนพบเห็นทั้งคู่ไปเที่ยวนอร์เวย์ด้วยกัน ทำให้ข่าวที่ (ดูเหมือนจะ) เงียบลงไปแล้ว กลับประทุขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนที่ในเวลาต่อมา เป็นทางฝ่ายสงกรานต์นั่นเอง ที่เป็นคนให้สัมภาษณ์ว่ากำลังเริ่มต้นคบหาดูใจกับนางเอกแมทจริง เพียงแต่ยังไม่ฟันธงสถานะว่าเป็นแฟนกันหรือไม่ ? อย่างไร ?
เอาตรงๆ ตอนนี้หากสงกรานต์จะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับใคร ไม่ว่าจะเป็นแมท หรือผู้หญิงอื่นใดก็ตาม ก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ เพราะตอนนี้สถานะของเขากับแอฟนั้น ถือว่าสิ้นสุดความเป็นสามี-ภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากการจดทะเบียนหย่าไปเมื่อ 2 เดือนก่อน
แต่ที่กลายเป็นประเด็นที่ทำให้แมทโดนถล่มยับเยินในโซเชียล ก็เมื่อผู้คนมาย้อนนึกถึงคำสัมภาษณ์ที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่รู้จักอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว
แถมยังมีแหล่งข่าววงในที่มาขยี้ข้อมูลซ้ำเข้าไปอีกว่า จริงๆ แล้วสงกรานต์กับแมท เริ่มต้นคบหากันแบบเงียบๆ มาได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว
แหละ.....ถ้าเป็นจริงตามนั้น หมายถึงถ้าทั้งคู่เริ่มต้นคบหากันเมื่อ 4-5 เดือนก่อน นั่นก็หมายถึงว่าก่อนที่แมทจะให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้จักสงกรานต์ และเผลอๆ อาจจะก่อนที่จะมีข่าวว่าเธอกับแฟนหนุ่มไฮโซสะบั้นความสัมพันธ์กัน โดยที่ตอนนั้นเรียกว่าน้ำหูน้ำตาไหล ทำเอาใครต่อใครพากันสงสาร เพราะเป็นความรักที่บ่มเพาะมายาวนานถึง 14 ปี ซึ่งตอนนั้นเชื่อว่าคนที่ติดตามอ่านก็คงแอบตั้งคำถามขึ้นในใจถึงต้นสายปลายเหตุ ที่จู่ๆ ทั้งคู่ต้องมายุติความสัมพันธ์แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ฉะนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากจะมีการปะติดปะต่อเรื่องราวว่า เป็นไปได้หรือไม่ ? ว่าสาเหตุที่แฟนหนุ่มไฮโซบอกเลิกแมทนั้น จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นที่โยงให้แมทกับสงกรานต์ ที่เหมือนจะ “อยู่กันคนละโลก” มีโอกาสโคจรมาเจอกัน ก็คือในงานวันเกิดของ “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล” ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีภาพของทั้งคู่ปรากฏอยู่ในไอจีหลายต่อหลายภาพ รวมทั้งยังมีตัวละครอื่นๆ แวดล้อมหลายคน หนึ่งในนั้น ก็คือ “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” เพื่อนร่วมแก๊งเฟอร์บี้ของแมท ซึ่งมีอีกหนึ่งสถานะคือคนรู้ใจของ “ภูผา เตชะณรงค์” น้องชายแท้ๆ ของสงกรานต์ จึงช่วยไม่ได้จริงๆ ที่มิ้นต์จะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นแม่สื่อชักพาทั้งคู่ให้มารู้จักกัน บางคนคอมเมนท์หนักถึงขนาดใช้คำว่า “นกต่อ” เลยด้วยซ้ำ เชื่อว่าตอนนี้มิ้นต์เอง ก็คงอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก อึดอัดใจอยู่ไม่น้อย เพราะทั้งแอฟ ทั้งแมท ต่างก็เป็นพี่ที่สนิทสนม และทำงานอยู่ในช่อง 3 ด้วยกันทั้งคู่
ดรามายังลุกลามไปถึงคนรอบตัวของแมท โดยเฉพาะผู้เป็นมารดา ที่ยังอุตส่าห์มีคนแอบตามไปส่องในไอจีส่วนตัว ซึ่งไม่ว่าจะพบเจอข้อความใดๆ ก็นำมาผูกโยงกับเรื่องของแมทกับสงกรานต์จนได้
ร้อนถึงฝ่ายสงกรานต์ที่ต้องออกมาเป็นผู้สยบข่าวทั้งหลายทั้งปวงด้วยการโพสต์ไอจีขอโทษผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ 2 นางเอกร่วมช่อง อย่างแอฟ กับแมท
..... ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ขอโทษน้องแมทและคุณแม่ที่ต้องมารับเรื่องแบบนี้ เพราะผมเป็นต้นเหตุอยากจะขอร้องทุกท่านที่ไม่ถูกใจในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าไม่สบอารมณ์ก็มาลงที่ผมได้เสมอ จะโซเชียลมา จะแบนผม หรือเวลาเจอผม อยากจะระบายผมก็จะรับฟังและพูดคุยกันด้วยเหตุผลครับ ผมน้อมรับ ผมยืนยันว่าผมเป็นฝ่ายเข้าหาน้องเองที่ผ่านมา และเขาก็ไม่ได้เป็นสาเหตุ เป็นมือที่สามอย่างที่ทุกท่านคิด
ผมและคุณแอฟนั้นได้แยกทางกันมานานแล้วตามที่ทุกๆ คนทราบ และวันนี้ผมขอโทษคุณแอฟและครอบครัวที่ผมทำให้มีเรื่องต้องไปกระทบอีกครั้ง
แล้วที่ผมได้พูดว่า "ไม่อยากพลาดอีกนั้น" ผมหมายความว่า “ผมเคยได้ทำผิดพลาดจนเป็นต้นเหตุให้ชีวิตคู่ล้มเหลว” ไม่ใช่หมายความว่าพลาดที่ไปคบกับใคร... ที่ผ่านมามีเเต่เรื่องดีๆ เสมอ อยากให้เข้าใจเจตนาตรงนี้ให้ตรงกันครับ
ผมรู้ว่าการที่ผมออกมาแบบนี้คงจะมีฟีดแบคในทางลบอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องออกมาแสดงเจตนาเพื่อให้เข้าใจตรงกันและชัดเจนยิ่งขึ้น
ต้องขอโทษคนในครอบครัวและทุกคนที่รักและเป็นห่วงเป็นใยของทุกๆฝ่าย ที่ผมเป็นเหตุทำให้ต้องเสียใจ
ส่วนเรื่องลูก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผม คุณปู่ คุณย่าก็ช่วยดูแลน้องอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำ แต่เพราะว่ารักจริงๆอย่างไม่มีข้อแม้
ถ้าอยากระบายในเรื่องนี้ก็มาลงที่ผมคนเดียวได้เต็มที่ ไม่มีเสียค่าปรับอย่างแน่นอนครับ.....
ขณะที่กำลังใจส่วนใหญ่จะหลั่งไหลไปที่แอฟ โดยเฉพาะในยามที่ทำหน้าที่พิธีกรรายการเล่าข่าว ที่จะต้องอยู่ท่ามกลางเพื่อนพิธีกรที่ต้องหยิบข่าวนี้มาเล่า ด้วยเหตุที่เป็นข่าวที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นรายการไหน จึงตกข่าว หรือไม่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้
สำคัญ ตลอดเวลาที่ผ่านมา นับจากมีข่าวว่าชีวิตคู่เดินมาสุดทาง ไม่เคยมีสักครั้งที่แอฟจะให้สัมภาษณ์เป็นเชิงลบถึงบุคคลอื่น ไม่ร่ำไห้ฟูมฟายน้ำตา หรือเรียกร้องความสนใจ ไม่แม้แต่จะพูดแบบทิ้งไพ่หวังจะสร้างกระแส หากทุกคำตอบนั้น ชัดเจนในตัวเอง งดงามทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่ผู้หญิงสักคน จะสามารถพูดถึงเรื่องราวชีวิตคู่ที่ล้มเหลวของตัวเองท่ามกลางผู้คนได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยทีท่าที่สง่า อย่างคนที่เห็นคุณค่าของตัวเองแบบนี้ มีใครบ้างที่อยากผิดหวัง มีใครบ้างที่ไม่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีผู้หญิงคนไหนที่อยากจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ท่ามกลางคำครหาของคนที่มองว่าสวยขนาดนี้ เป็นนางเอกระดับนี้ ยังรั้งสามีไว้ไม่ได้
แม้แต่คำถามที่เจ็บปวดที่สุด เกี่ยวกับวินาทีที่จำต้องเดินออกจากบ้านของ (อดีต) สามีนั้น แอฟก็ยังสามารถควบคุมสติในการตอบได้อย่างงดงาม"ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าที่ผ่านมาเราเคยปรี๊ด เคยวีน อารมณ์ร้อน จริงๆ มันคือไม่สุด ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าถ้าโกรธมากๆ จริงๆ จะเงียบ ไม่พูดแล้ว ก็ออกมา ไม่เก็บของด้วยค่ะ คือต้องกลับบ้านอยู่แล้ว ก็แค่กลับบ้านตัวเอง แต่ไม่กลับไปอีก ทำให้มันดรามาน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นจะไม่มีชอตร้องไห้เก็บของ"
สังเกตว่าทุกคำตอบของแอฟนั้น บ่งบอกถึงการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง และรู้บทบาท หน้าที่ของตัวเอง รู้ดีว่าในสถานะของ “บุคคลสาธารณะ” นั้น ไม่สามารถขีดแบ่ง หรือจำกัดว่าเรื่องใดเป็นเรื่องส่วนตัว หากเป็นประเด็นที่ทุกคนอยากรู้ และต้องการคำตอบแม้ว่าภายใต้รอยยิ้มบางๆ นั้น จะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บงำไว้ ไม่แสดงออก ไม่ชักสีหน้า ไม่ขึ้งโกรธเวลาถูกป้อนคำถามที่จี้ใจ หรือไม่อยากพูดถึง
มาทางฝั่งของแมท ที่ดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวน้อยที่สุด หลังจากที่ตกเป็นข่าว จนเมื่อมาปรากฏตัวในฐานะดารารับเชิญร่วมงานอีเวนต์แห่งหนึ่ง และถูกห้อมล้อมด้วยบรรดานักข่าวแทบจะทุกสำนักที่พร้อมใจกันยื่นไมค์จ่อ ด้วยหวังจะฟังความจากปากคำของเธอ
เรื่องราวที่แมทให้สัมภาษณ์ในครานั้น ก็ถือว่ามีความชัดเจนในระดับหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ความรักกับแฟนหนุ่มไฮโซไปต่อไม่ได้ เพราะมีปัญหาคาราคาซังทับถมกันมานานแล้ว
การยอมรับว่าเปิดใจที่จะคบหากันสงกรานต์จริง แต่ยังไม่ฟันธงระบุสถานะว่าเป็นแฟน !!?? และยืนยันว่าไม่ได้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้ฝ่ายชายตัดสินใจจดทะเบียนหย่ากับอดีตภรรยา
ทั้งยังพร้อมจะเผชิญกับอนาคตใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้นนับเนื่องจากนี้ ถ้าจะต้องผิดหวัง ก็ยอมให้น้ำตาเช็ดหัวเข่าตัวเอง
“วันนี้แมทตั้งใจมาพูดทุกอย่าง ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ก่อนหน้านี้ที่ไม่ออกมาพูด ไม่ได้แอบซ่อนอะไร และที่คนว่าเยอะๆ คงเป็นเรื่องที่ว่าทำไมต้องโกหก ในการสัมภาษณ์ครั้งนั้นว่าไม่รู้จักพี่เขาเป็นการส่วนตัว ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวจริงๆ แต่ไม่ได้พูดออกไปหมด เพราะตอนนั้นเราไม่พร้อมและกลัว พี่เขายังไม่เสร็จธุระของพี่เขา เราก็เลยไม่ได้บอกว่าพี่เขาเข้ามา
ยังไม่ได้เป็นแฟนค่ะ แต่ยอมรับว่าให้โอกาสพี่เขา หลังจากนั้นเขาก็ทำให้แมทรู้ว่าเขาทำธุระของเขาเรียบร้อยแล้ว แมทอาจจะคิดตื้นไปตรงที่ว่า พี่เขาเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว แต่คนทั้งประเทศไม่รู้ ตรงนี้อยู่ที่วิจารณญาณของทุกคนเลยค่ะ แมทไม่มีสิทธิ์ทำให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ถามว่าช่วงที่เขาไม่เสร็จธุระ ทำไมยอมพูดคุยด้วย ก็ไม่ได้พูดคุยจริงจัง ลึกซึ้ง บ่อยครั้งอะไรทั้งสิ้นค่ะ
ไม่กลัวอนาคตข้างหน้าเพราะแมทไม่ได้ยึดติดไง คนแต่งงานมา 20-30 ปีสุดท้ายเลิกก็มี คนเจอกัน 2-3 เดือนแต่งงานไปอยู่กันจนแก่เฒ่าก็มี แมทคบมา 14 ปีไม่เคยคิดเลยว่าจะเลิก แมทคิดเสมอว่านี่แหละคือเป้าหมายครอบครัวของแมทแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่”
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางประเด็นที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เคลียร์เท่าที่ควร โดยเฉพาะไทม์ไลน์ในการเริ่มต้นพูดคุย และคบหากับสงกรานต์ ที่ถูกตั้งคำถามมาตลอด ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ท่าทีของแมทเปลี่ยนไป แม้ไม่ถึงกับวีนเหวี่ยง แต่น้ำเสียง และสีหน้าก็บ่งบอกว่ารู้สึกไม่พอใจ
สมมติว่าตัดเรื่องถูก-ผิดออกไป เพราะบรรทัดฐานในเรื่องนี้ของแต่ละคนต่างกัน แล้วแต่ว่ามองจากมุมของใคร แต่ทีท่าของแมทที่แสดงออกในวันนั้น ก็ถือว่าไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าใดนัก ถึงแม้จะเชื่อมั่นในความถูกต้องของตัวเอง แต่การควบคุมอารมณ์ สีหน้า อาการ เมื่อต้องเจอกับคำถามที่กระแทกใจนั้น ยังถือว่าบกพร่องอยู่มาก
หรือว่าหมด Passion ที่จะต้องรักษาภาพนางเอก เพราะว่า....
“มาไกลเกินฝันในอาชีพของแมท มีเงินพอแล้ว และแมทก็เป็นที่รู้จักพอแล้ว”
อย่างที่ให้สัมภาษณ์ไว้จริงๆ
นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 468 10-16 พฤศจิกายน 2561