อิสรภาพที่รอคอย “ประจักษ์ชัย” เลิกจองเวร “อาม ชุติมา” แถลงขอฉีกสัญญา พร้อมเปิดสัญญา 9 ข้อ อีก 1 ข้อขอเป็นสัญญาใจ แสดงโชว์ 5 คิวต่อเดือน จนกว่าจะครบ 2 ปี 6 เดือนเพื่อตอบแทนบุญคุณ ลั่นหลังจากนี้อามร้องเพลงผู้สาวขาเลาะ,อดีตเคยพัง,ภาพเก่าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย อีก 9 ปียกให้เป็นลิขสิทธิ์เพลงของอามดังเดิม เผยที่ผ่านมาไม่อยากฟ้อง แค่เกมมันไหล
จากกรณีพิพาทเรื่องสัญญาทาสระหว่าง “ประจักษ์ชัย เนาวรัตน์” ผู้บริหารค่ายไหทองคำ เรคคอร์ด กับอดีตเด็กในสังกัด “อาม ชุติมา” ชุติมา โสดาภักดิ์ จนฟ้องร้องกันอีนุงตุงนัง ล่าสุดวันนี้ (5 พ.ย.) ทุกอย่างมีทิศทางที่ดี หลังจากที่ทั้งคู่ พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์,สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายฝ่ายอาม,นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายฝ่ายประจักษ์ และ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลฝ่ายสืบสวน ตร.ในพื้นที่ซึ่งนำมาเป็นพยาน ได้ตัดสินใจจรดปากกาทำข้อตกลงร่วมกัน โดยระหว่างนั้นอามได้ก้มกราบนายห้างประจักษ์ อีกฝ่ายก็จับแขนอาม นับเป็นช็อตชื่นมื่น หลังจากเรื่องยืดเยื้อมานาน โดยหลังจากนี้ อาม ชุติมาสามารถรับงานเองได้ โดยค่ายไหทองคำไม่เรียกร้องใดๆ และ 3 เพลงที่อามแต่ง ทั้งผู้สาวขาเลาะ, อดีตเคยพัง,ภาพเก่า อามสามารถนำไปร้องได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ภายใต้สัญญาใจ ที่จะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยการมาแสดงโชว์ให้ 5 คิวใน 1 เดือนจนกว่าจะครบ 2 ปี 6 เดือน
สงกานต์ : “สืบเนื่องจากน้องอามได้มายื่นเรื่องที่ช่อง 3 ในรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เป็นจุดเริ่มต้น แล้วอามก็ไปร้องกับผม เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ต่อมาผมมีหนังสือไปถึงคุณประจักษ์ชัย มาดูเอกสารหลักฐานในการบอกเลิกสัญญา หลังจากนั้นทนายความของคุณประจักษ์ชัยได้ยื่นหนังสือตอบกลับมาในการโต้แย้งในการบอกเลิกสัญญา เมื่อทางทีมกฎหมายของคุณประจักษ์ตอบโต้กลับมาเราก็เชิญทางน้องอามและครองครัวมาที่สำนักงานเพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีการโต้แย้งสิทธิ์กันเกิดขึ้น ต้องใช้สิทธิ์ทางศาล”
“แต่สิ่งที่เราได้จากน้องอามก็คือ หนูฟ้องอาจารย์ไม่ได้ เขาบอกว่าเขารักอาจารย์ จะยังไม่ฟ้องอะไรสิ้น หวังว่าสักวันนึงอาจารย์ประจักษ์ชัยจะเมตตาเขา นี่คือคำพูดของน้องอามที่บอกกับผมในวันที่ไปสำนักงานเพื่อแจ้งเรื่องของการโต้แย้งสิทธิ์ หลังจากนั้นแล้วเราก็ทำตามประสงค์ของน้องอามและคุณแม่ คือไม่สามารถฟ้องอาจารย์ของตัวเองได้ จนเหตุการณ์มันเริ่มบานปลาย”
“ด้วยความโชคดีที่น้องอามได้ทนายอัจฉริยะมาช่วยประสานงานในส่วนต่างๆ แล้วก็มีโอกาสพูดคุยกัน ก่อนหน้านี้ที่ได้มีโอกาสพูดคุยต่างฝ่ายต่างรู้สึกหวาดกลัว จนมีเรื่องฟ้องร้องซึ่งนำไปสู่คดีสู่ศาล ต่อมาก็มีความพยายามหาจุดยุติ เราก็ได้พูดคุยกันโดยมีคุณกรรชัย (กรรชัย กำเนิดพลอย) ร่วมประสานงานว่าทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน น้องอามจะขอความเมตตาจากอาจารย์ประจักษ์ชัยเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรมได้อย่างไร”
“จนกระทั่งได้ข้อยุติ สัญญาที่มีขึ้นก็มีการปรับแก้ไขใหม่โดยการยกเลิกสัญญาทั้งหมดแล้วทำขึ้นมาใหม่ด้วยความพึ่งพอใจของทั้งสองฝ่าย คดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่าง ทำอย่างไรถ้าเราเป็นนักร้อง ศิลปิน นักแสดงในยุคนี้จะทำอย่างไร แต่โชคดีที่ในคดีนี้อาจารย์ประจักษ์ชัยได้เมตตาน้องอาม เรื่องถึงยุติลงได้ด้วยดี”
อาม : “ตอนนั้นที่ยังไม่ฟ้องอาจารย์เพราะว่าเราก็ยังรอโอกาสจากอาจารย์ เรายังเคารพอาจารย์อยู่”
ทนายสงกานต์ : “วันนี้ผมในฐานะที่เป็นตัวแทนที่ปรึกษาของน้องอามได้ประสานกับคุณประจักษ์ชัย โดยผ่านทนายบุญถาวร วันนี้เราได้มีการทำสัญญาศิลปินและเพลงลิขสิทธิ์ เป็นการทำสัญญาระหว่างน้องอามและอาจารย์ประจักษ์ชัยที่เป็นคู่สัญญาของทั้งสองฝ่าย โดยมีข้อตกลงดังต่อไปนี้ 1. ทั้งสองฝ่ายตกลงยกเลิกสัญญาจ้างศิลปิน นักร้องฉบับวันที่ 13 พ.ค. 2559 โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันว่าเมื่อยกเลิกสัญญาต่อกันแล้วผลประโยชน์และค่าตอบแทนต่างๆ ในการร้องเพลง เล่นดนตรีตามงานที่เกี่ยวกับเพลง หรืองานเกี่ยวกับการแสดงของน้องอาม ให้ถือเป็นของน้องอามแต่เพียงฝ่ายเดียว”
“ข้อ 2 เมื่อยกเลิกสัญญาต่อกันแล้ว การแสดงคอนเสิร์ตของน้องอาม จะต้องไม่เอาสัญลักษณ์หรือนำลิขสิทธิ์ในความเป็นตัวตนของค่ายเพลงไหทองคำไปใช้ในการแสดงและการสนับสนุนทางผลประโยชน์”
“ข้อ 3 น้องอาม ให้การยอมรับว่าคุณประจักษ์ชัยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงผู้สาวขาเลาะ อดีตเคยพัง และภาพเก่า ตามฉบับสัญญาลิขสิทธิ์วันที่ 20 ม.ค. 2560 ซึ่งมี 3 เพลง โดยถูกต้องและสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย และน้องอามจะไม่ใช้สิทธิ์โต้แย้งลิขสิทธิ์ทั้ง 3 เพลงดังกล่าวขั้นต้น โดยมีกำหนดระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไป เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์เพลงหากไม่มีการลงระยะเวลาจะมีเวลาลิขสิทธิ์ 10 ปี และเนื่องจาก ประจักษ์ใช้ไปแล้ว 1 ปี จึงเหลือสัญญาอีก 9 ปี”
“ข้อ 4 คุณประจักษ์ชัยยินยอมให้น้องอามร้องเพลงทั้ง 3 เพลงนี้ได้ โดยได้รับค่าตอบแทนจากผู้อื่นได้ ยกเว้นน้องอามจะไปออกเทปใหม่ อันนี้ไม่ได้ ต้องได้รับความยินยอมจากคุณประจักษ์ชัยก่อน โดยสามารถร้องเพลงทั้ง 3 เพลงนี้ได้นะครับ”
“ข้อ 5 ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า เมื่อครบกำหนดเวลาลิขสิทธิ์เพลงจำนวน 9 ปีสิ้นสุดลง ลิขสิทธิ์บทเพลงทั้ง 3 จะตกเป็นสิทธิ์ของน้อมอามแต่เพียงผู้เดียวดังเดิม”
“ข้อ 6 หากคุณประจักษ์ชัยจะจำหน่ายหรือโอนสิทธิ์ผลงานทั้ง 3 เพลงให้บุคคลภายนอก ให้ถือสัญญาฉบับนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการโอนสิทธิ์เพลงให้กับผู้อื่นได้ด้วย ซึ่งน้องอามจะต้องรับรู้และถือว่าสัญญาฉบับนี้มีผลตามกฎหมายเช่นกัน”
“ข้อ 7 คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงที่จะไม่ติดใจดำเนินคดีต่อกัน ในกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการยื่นฟ้องทั้งทางแพ่ง และอาญาในปัจจุบัน โดยจะต้องไปทำการถอนฟ้องทั้งหมด ภายใน 7 วันนับตั้งแต่มีการทำสัญญาฉบับนี้ และไม่ติดใจที่จะใช้สิทธิ์เรียกร้องใดๆ ต่อกันต่อไป ในกรณีที่คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายไม่ผิดตามสัญญาฉบับนี้”
“ข้อ 8 ทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำสัญญาต่อกันว่าจะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง เกียรติยศ ซึ่งกันและกัน”
“ข้อ 9 ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันว่า หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดนัดและละเมิดข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม อันไม่อาจตกลงกันได้ด้วยดี คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้นำข้อพิพาทดังกล่าวมอบหมายให้ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์, ทนายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ และ ทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ร่วมกันตีความวินิจฉัยข้อกฎหมาย ข้อขัดแย้ง ข้อพิพาท เพื่อหาทางยุติที่เกิดขึ้น ทั้งหมดคือข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนี้คุณประจักษ์ฉีกสัญญาเพื่อให้น้องอามเป็นศิลปินอิสระ 100 เปอร์เซ็นต์”
บอกไม่มีเจตนาจะฟ้อง แต่เกมมันไหล ต้องปกป้องสิทธิ์ในข้อกฎหมาย ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความสนใจ
ประจักษ์ชัย : “ประเด็นข่าวที่ผ่านมา ในวงการเพลงต่างเป็นห่วง ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆ ทีมงานทุกท่านที่ให้มีวันนี้เกิดขึ้นด้วยระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้เป็นความรู้สึกที่สบายใจกับทั้งทางค่ายและทางน้องอามด้วย จริงๆ เราไม่เคยปิดกั้น เรารอน้อง เราก็มีเจตนาที่ไม่อยากฟ้อง ไม่อยากให้เป็นประเด็นถึงขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ว่าเกมมันไหลมา ทุกคนก็ต้องปกป้องสิทธิ์ในข้อกฎหมายและไปสู้กันในเชิงคดี ที่จริงมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องขอบพระคุณรายการของพี่หนุ่ม กรรชัย, นายกสมาคมเพลง และได้มีการพูดคุยครั้งแรกกับพี่อัจฉริยะโดยผ่านหลวงพี่น้ำฝน ทุกอย่างก็เริ่มผ่อนคลาย เราได้มีการพูดคุยกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่าน ทุกคนในทุกวงการที่ให้ความสนใจ ต่อจากนี้จะเป็นการฉีกสัญญา”
“ถามว่าเรารู้สึกเสียดายมั้ยในความรู้สึกที่เราเป็นคนสร้าง คนปั้นน้อง ในวันที่น้องเข้ามาร่วมงานกับเรา ทั้งพ่อ ทั้งแม่ของน้องมากันครบ ตอนนั้นดีใจครับ และสิ่งที่ผมอยากจะพิสูจน์ต่อจากนี้คือความเป็นครู ความเป็นอาจารย์ ความเป็นลูกพี่วันที่ผมเรียกน้องมาวันแรกก็ลำบากลำบนกันมา 2 ปีกว่าทุกเหตุการณ์มันเด้งขึ้นมาหน้าเฟซเมื่อย้อนหลังไป 2 ปีที่แล้วเราดีใจเราสร้างกันมาวันนี้ด้วยวาสนาด้วยบุญมีแค่นี้ เรายังรักกันได้ยังกินข้าวกันได้น้องยังเป็นคนที่เรารัก”
ย้ำสวรรค์ให้มาเจอกัน ไม่อยากทะเลาะให้เอฟซีด่า เป็นบทเรียนราคาแพง นายห้างคนสุดท้ายที่โดนด่า ต้องกลืนเลือด
“ผมคิดว่าได้มีโอกาสร่วมงานกันไม่อยากจะใช้บรรยากาศของการทะเลาะเบาะแว้งให้ เอฟซีมาด่าทอกันเรา ไม่อยากให้แฟนเพลงที่เราสร้างกันมาด้วยกันทั้งเอฟซีน้องอาม ไหทองคำเอฟซีลำไย (ลำไย ไหทองคำ) สวรรค์ให้เรามาเจอกัน 3 คน แต่สิ่งที่ผมเป็นคนกล้าคิดกล้าทำอะไรบ้าๆ บอๆ ผมอาจจะเป็นนายห้างในยุคโซเชียลเบ่งบานและอาจจะเป็นกรณีศึกษาอาจจะเป็นบทเรียนราคาแพง ผมถึงต้องเป็นนายห้างคนสุดท้ายที่โดนด่าทอมากมาย ต้องกลืนเลือดสักวันหนึ่งทุกคนจะเข้าใจ ฝากไว้ว่ายังรักน้องอาม ยังให้ความเมตตาเรื่องที่ผ่านมาให้ผ่านไปไม่มีใครรู้เท่าประจักษ์ชัย”
บอกตัดใจยอมเลิกสัญญา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอม เพราะใช้ธรรมะ พระและผู้ใหญ่ในวงการตักเตือน สู้กันไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ็บปวดทั้งคู่
ประจักษ์ชัย : “เหตุผลจริงๆ ก็กลับมาทบทวนความโมโหโทโสด้วยการเข้าวัดบ่อยๆ ก็มีสติถ้าทุกคนมีความอาฆาตมาดร้ายในสังคมจะวุ่นวาย ในสังคมผมไม่ได้มีบาดแผลอะไร ตรวจสอบทรัพย์สินผมได้มีหนี้เยอะกว่าจะถึงวันนี้ได้ก็เป็นชาวไร่ชาวนา คิดถึงอย่างเดียวคือเรื่องความดีมีพระมาเตือน มาสอนมาบอก มีพี่ในวงการผมอยู่ในวงการเพลงก็ต้องฟัง ผมต้องเดินต่อน้องอามก็ต้องเดินต่อทุกคนต้องทำงาน ดังแล้วก็ต้องทำงานก็ต้องหาชื่อเสียง ต้องหาเงินต้องหารายได้เพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว สู้กันไปก็ไม่มีประโยชน์ ถามว่าอาร์มชนะประจักษ์ชนะใครจะได้อะไรเจ็บปวดทั้งคู่ ผมยอมให้สังคมบอกเป็นสัญญาทาสไม่มี รักกัน”
ทนายสงกานต์ : “ต้องเรียนสื่อมวลชนนะครับว่าน้องอามต้องช่วยงานอาจารย์ประจักษ์ชัยอยู่เดือนละประมาณ 5 คิว”
ทนายบุญถาวร : “ไม่อยากให้เรียกว่าฉีกสัญญาถ้าเป็นการสมัครใจของทั้งสองฝ่ายมากกว่าประเด็นที่ผมได้รับมอบหมายจากค่ายไหทองคำยื่นฟ้องเพราะว่าเนื่องจากข้อสัญญาขัดแย้งเรื่องข้อสัญญาที่เกิดขึ้น มีการตีความไปหลากหลายทำให้นักกฎหมายประเทศไทยมีความสนใจเรื่องคดีนี้อย่างมาก ผมในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งมีทางเดียวที่จะทำให้คดีนี้ยุติได้อันนั้นคือต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อชี้ว่าสัญญาเป็นธรรมไม่เป็นธรรม เราจะไม่กลับไปจุดนั้นว่าเป็นธรรมหรือไม่”
“วันนี้อยากกลับเรียนพี่น้องสื่อมวลชนว่าทุกคนอยู่ในสื่อสัญญาต้องเป็นสัญญา เมื่อทางคุณประจักษ์ชัยเพื่อนรักผมกับน้องอามเกิดข้อพิพาทกันสุดท้ายสามารถคุยกันได้ การมาช่วยเพื่อนรักผมลำบากใจมากในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งแต่เพื่อให้สังคมเดินหน้าไปได้อาจไม่ถูกต้องแต่อาจถูกใจคนทั้งประเทศ ผมยอมได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่น้องอามเป็นคนบ้านเดียวกับผมอาจจะติดตามการไลฟ์สดของผม อยากให้สังคมสงบสุข”
“สิ่งที่สำคัญคือไม่อยากเอาคดีนี้เป็นตัวอย่างตัวอย่างการยกเลิกสัญญา อยากให้มองว่าสัญญามีความถูกต้องและชอบธรรมด้วยกฎหมาย แต่เป็นกรณีการอยู่ด้วยกันแล้วไม่สมัครใจที่จะอยู่ต่อไปเป็นกรณีว่าคู่สัญญาทั้งสองมาพูดคุยกันมาตกลงกันเรื่องความยินยอมวันนี้ต้องขอบคุณทุกท่านนะครับ ไม่อยากให้คดีนี้ยืดเยื้อออกไปก็ถูกใจพี่น้องประชาชน ไม่อยากปล่อยไปให้เกิดความเสียหายกับทั้งสองฝ่าย”
แจงอามต้องช่วยงานประจักษ์ชัย 5 คิวต่อเดือน เหมือนทำธุรกิจร่วมกันเป็นสัญญาใจ ตอบแทนบุญคุณ แต่ฝ่ายประจักษ์ชัยต้องจ่ายค่าจ้างตามเรต
ทนายอัจฉริยะ : “เป็นเรื่องของธุรกิจครับ คุณประจักษ์ชัยก็ต้องจ่ายค่าจ้างตามเรตราคาของน้องอาม เช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าคุณประจักษ์ชัยติดต่อน้องอามไปแสดงเป็นเรื่องของธุรกิจ ต้องจ่ายค่าตอบแทน เหมือนการทำธุรกิจร่วมกัน แต่เนื่องจากว่า เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันมาก่อน ตรงนี้เราก็เลยให้น้องอาม เป็นคนตัดสินใจและเดี๋ยวให้น้องอามอธิบายได้ ตรงนี้คือไม่ได้เป็นสัญญา แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสัญญาทางใจ ที่เป็นลักษณะตอบแทนบุญคุณให้อาจารย์ประจักษ์ชัยด้วย”
ทนายบุญถาวร : “2 ปี 7 เดือน นับจากวันนี้เป็นต้นไปจนเลิกสัญญา น้องอามก็จะไม่สังกัดค่ายอื่นหรือค่ายใดครับ ก็จะเป็นอิสระ หลังจากผ่านพ้น 2 ปี 7 เดือนไปแล้ว น้องอามถึงจะพิจารณาไปสังกัดค่ายเพลงอื่น หรือค่ายเพลงของตัวเองเดี๋ยวให้น้องอามคุยกับพี่น้องประชาชนเองครับ”
อาม : “ยืนยันคำเดิมว่าอยากได้อิสรภาพค่ะ ในสัญญา 2 ปี 7 เดือน หลังจากวันนี้เป็นต้นไปก็ยืนยันคำเดิมค่ะว่าจะไม่เซ็นสัญญากับค่ายอื่นๆ ค่ะ แล้วก็แต่ละเดือน เดือนละ 5 คิว ก็จะทำงานร่วมกับทางอาจารย์นะคะ”
ไม่กำหนดตายตัวเรื่องค่าตัว
ทนายอัจฉริยะ : “อันนี้เป็นเรตของน้องอาม กับผู้จัดการที่เขาตกลงกันเอาเอง ซึ่งเป็นราคาตลาดทั่วไป ไม่ได้กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าไกลหรือใกล้”
ลั่นเป็นวันที่รอคอยมานาน ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน
อาม : “วันนี้ก็ดีใจค่ะ ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆ ท่าน ขอบคุณทนายสงกานต์และคุณอัจฉริยะ ขอบคุณพี่หนุ่ม กรรชัยและพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านด้วย วันนี้ดีใจและเป็นวันที่รอคอยมานาน ค่ายอื่นยังไม่มีทาบนะคะ ตอนนี้ก็ตั้งใจที่จะดูแลตัวเอง หนูอยากทำงานอิสระมากกว่าค่ะ”
อัจฉริยะ ไม่ถอนเรื่องการตรวจสอบภาษีค่ายไหทองคำ โยนให้เป็นหน้าที่ประจักษ์ชัย ชี้แจง
อัจฉริยะ : “ผมได้ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพากร และมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไปแล้ว ขณะนี้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร ต้องทำตามอำนาจหน้าที่ หากท่านไม่ทำต้องถูกดำเนินคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 ส่วนพี่ประจักษ์ชัย กับครอบครัว มีหน้าที่ต้องไปชี้แจงกับกรมสรรพากรตามกฎหมาย ผมไม่สามารถถอนเรื่องนี้ได้ ก็ต้องเรียนสื่อมวลชนและคนไทยทั้งประเทศว่า การตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีของพี่ประจักษ์ชัยและครอบครัวที่ต้องไปชี้แจง”
“เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่เกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาฉบับนี้นะครับ เรื่องการเสียภาษีหรือไม่เสียภาษีของพี่ประจักษ์ชัย ผมไม่ก้าวล่วงนะครับ หากมีการชำระเสร็จสิ้นแล้ว เรื่องของ ปปง.ก็ไม่มีผล เพราะว่า กฎหมาย ปปง.ตามมาตรา 37 มาตรา 37 ทวิ ถ้าหากมีการหลีกเลี่ยงเสียภาษีเกิน 10 ล้านบาทต่อปี และไม่มีการชำระภาษี อธิบดีกรมสรรพากรมีหน้าที่ต้องรายงาน ไปยังคณะกรรมการธุรกรรม ก็คือ ปปง.ตามกฎหมายฉบับใหม่ ประมวลกฎหมายรัษฎากร ดังนั้นถือว่าเราทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมสรรพากร ในการดำเนินการตรวจสอบเรื่องของการเสียภาษี”
ทนายบุญถาวร : “ผมในนามฝ่ายกฎหมายของบริษัทไหทองคำ ค่ายเพลงของเราได้มีการจัดทำการยื่นภาษีประจำปี ทุกปี ส่วนน้องลำไย ไหทองคำก็มีการยื่นถูกต้องทุกอย่าง การที่พี่อัจฉริยะ ประธานชมรมเหยื่ออาชญากรรม ไปยื่นให้ตรวจสอบ ก็เป็นเรื่องดีครับ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าทางค่ายไหทองคำเราได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนหลังจากนี้เป็นต้นไป ถ้าทางสรรพากรเข้าไปตรวจสอบ เราก็ยินดีครับ ระหว่างนี้ก็มีการพูดคุยขอเอกสารบางส่วนไปแล้ว เบื้องต้นก็ได้รับคำตอบจากทางสรรพากรว่า เอกสารที่เรายื่นไปก็ถูกต้องทุกอย่างครับ”
ยันไม่กังวล “ลำไย” รับอีเวนต์ คอนเสิร์ต เสียภาษีหมด ไม่หลอกตา เชื่อจะไม่มีประเด็นพ่วงตามมา
ประจักษ์ชัย : “ไม่มีความกังวลอะไรเลยครับ มีความสุขดีครับ เพราะความจริงลำไยก็รับงานอีเวนต์ รับงานคอนเสิร์ตต้องผ่านการเสียภาษีหมด ไม่มีตรงไหนที่จะหลอกตาได้เลย ไหทองคำทำถูกต้อง สิ่งที่มีวันนี้ได้ไม่ใช่ว่าจะเป็นประเด็นพ่วงตามมา ไม่มีครับ ผมไม่มีอดีตเลยครับ แค่เพลงอดีตเคยพัง ที่เรารักกัน เราเคยลำบากลำบนกันมานะ เรามีอดีตแค่นั้นเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีเลยครับ ก็ยืนยันคำเดิมว่า ยินดีไม่กังวลอะไรเลยครับ””
“เรื่องเอกสารไม่มีปัญหาครับ เพราะบริษัทเราตั้งมาเกือบ 2 ปี ก็เสียมาตั้งแต่ปีก่อน แล้วครึ่งปีที่ผ่านมาก็เสียแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรครับ ก่อนหน้าจดทะเบียนบริษัทเราก็เสียภาษีบุคคลธรรมดา ได้มาก็หัก ณ ที่จ่ายเลยครับ ตอนนั้นค่ายอินดี้ก็เป็นแบบนี้ทั้งประเทศ ไม่มีใครมาจดบริษัทก่อนที่จะดัง ก็ลงยูทิวบ์กันเล่นๆ มีคอนเทนต์เหมือนรายการต่างๆ ที่เป็นเน็ตไอดอล พอมีกระแสก็มีคนกล้าจ้างงาน ไม่มีใครคิดว่าจะดังหรอก ถ้ารู้ว่าเพลงจะดัง ใครก็กล้าซื้อ คือมันเป็นเรื่องธรรมชาติของวงการ”
แจงเรื่องผลตอบแทน 70-30 อีกฝ่ายไม่ได้รับตามที่ตกลงไม่มีใครผิดใครถูก เป็นผลตอบแทนที่ตีไว้ก่อน เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะดังเพลงไหน ช่วงแรกยังฟิกซ์เรื่องราคาไม่ได้
ประจักษ์ชัย : “ในประเด็นนั้น ก่อนที่น้องจะมาถึงจุดนี้ มันเป็นการต่อสู้ เป็นการสร้างโปร์ไฟล์ น้องเริ่มมีกระแสหลังจากปีที่แล้ว เริ่มมีตัวตนมีแบรนด์ของตัวเอง ราคาก็เริ่มดีด แต่ก่อนราคาจะเลี่ยงไม่ได้ การสร้างนั้น สัญญา 4-5 ปี คุณไม่รู้หรอกว่าจะดังเพลงไหน ฉะนั้นก่อนมาถึงวันนี้ราคายังไม่เป็นเรื่องเป็นราว ยังฟิกซ์ไม่ได้ว่าราคาน้องอยู่ที่ 3 หมื่น แต่บางทีเราไปงาน หมื่นนึงก็ต้องไป ดีกว่านอนอยู่บ้าน เราคิดว่าถ้าไปร้องกับลำไย เพื่อสร้างโปรไฟล์ มันเลยเลี่ยงไม่ได้”
“แต่พอน้องมีราคา ไม่ว่าใครจะถูกจะผิด ตอนนี้มูลค่าเพิ่มของอาม ชุติมา เหมือนกับไหทองคำ แต่ก่อนไม่มีใครรู้จักอินดี้ๆ แต่วันนี้มันดังแล้ว ไม่มีใครถูกใครผิด แต่วันนี้น้องมีมูลค่าแล้วค่อยไปตั้ง 70/30 แต่ตอนที่ผมลงทุน น้องไม่ได้ควักเงิน 70/30 มาด้วย เราเลยตีไว้ก่อน เพราะผมเอามาเพื่อลงทุน น้องมีความสามารถเขียนเพลง ร้องเพลง เท่าที่ลงทุนได้ หลังจากนี้น้องจะสบายใจ น้องจะเห็นราคาที่แท้จริงว่ามันมีค่าใช้จ่ายเบื้องหลังทุกอย่าง ส่วนในรายได้ช่องยูทิวบ์ ตอนที่เราทำครั้งนั้น เราไม่ได้เล็งเห็นว่าจะมีรายได้จากยูทิวบ์จริง แม้แต่ในสัญญาก็ไม่มีระบุรายได้จากยูทิวบ์ คือถ้าโอนสิทธิ์ก็คือโอนสิทธิ์”
อามยันไม่มีอะไรค้างคาใจแล้ว พอใจกับอิสรภาพ
อาม : “ในตอนนี้เราไม่มีอะไรในใจแล้ว คือตอนนี้พึ่งพอใจแล้วในจุดนี้ คืออิสรภาพ”
ทนายประจักษ์ชัย ขอความเป็นธรรมให้ค่ายไหทองคำ ลั่นหลังจากนี้ อามสามารถกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเองได้ ค่ายไม่ติดใจเรียกร้อง
ทนายบุญถาวร : “2 ปี 6 เดือน ร่วมครึ่งนึงของสัญญา 5 ปี ความเป็นธรรมอันนี้ ไหทองคำ ก็ได้คืนให้กับน้องอามไปแล้ว อยากให้พี่น้องสื่อมวลชน ให้ความเห็นใจกับทางค่ายเราด้วยว่า ณ เวลานี้ จุดนี้ น้องอามก็คงที่จะไปกอบโกยผลประโยชน์หรือรายได้ หลังจากที่ยกเลิกสัญญาไป ทางเราไม่ติดใจที่จะไปเรียกร้องส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นจากน้องอาม ประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่างานแสดงหรืองานโชว์ตัว หรือโฆษณา หรือยูทิวบ์ เป็นผลประโยชน์ของอามทั้งหมด”
ทนายสงกรานต์ : “จากนี้ก็น้องก็มุ่งทำงานต่อไป แต่คงไม่ได้มุ่งกอบโกย คงทำงานปกติตามวิสัย”
พล.ต.ต.คัชชา : “ผมมาในฐานะสักขีพยาน ยินดีที่ทั้งคู่เจรจาตกลงกันด้วยดี ถือว่าวินๆ ทั้งคู่ อยากให้ทั้งสองฝ่ายรักกันเหมือนเดิม คุยกันเช่นเดิม สักวันอาจจะมาร่วมงานกันก็ได้ไม่แน่”
หยอดในอนาคตอยากรับมาเป็นเด็กในสังกัดอีกใจจะขาด อามบอกขอให้เป็นเรื่องในอนาคต
ประจักษ์ชัย : “อยากรับใจจะขาด ถ้ามีโอกาสค่อยว่ากันครับ”
อาม : “ถามว่าถ้าอาจารย์ชวนมาอยู่ค่ายอีก ก็เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ(ยิ้ม)”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)