“ตุ๊กกี้” แฮปปี้คืนจอ ขอบคุณ “เสี่ยตา” ยื่นโอกาสให้ หยอดหวานจะอยู่ด้วยจนอายุ 60 เชื่อที่ผ่านมาไม่ได้ตกกระป๋อง แค่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้เกิด ไม่ยุ่งมรสุม “เท่ง-โหน่ง” บอกเป็นน้อง ได้แค่ส่งกำลังใจให้
เงียบหายไปจากจอพักใหญ่หลังมีข่าวลือโดนพักงานเพราะต้นสังกัดจับได้ว่าแอบรับงานนอก ตอนนี้เริ่มเห็นสาว “ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรม” กลับคืนจอบ้างแล้ว แถมยังเป็นงานใหม่ๆ ด้วยการเป็นพิธีกรรายการห้องข่าวบันเทิง เจ้าตัวเผยว่าเป็นงานที่ท้าทายสำหรับตนมาก
“คือจะบอกว่าเป็นการท้าทายมากเลย ที่คุณปัญญา (ปัญญา นิรันดร์กุล) ยื่นงานชิ้นนี้ คุณปัญญาคัดเลือกศิลปินในสังกัดประมาณเกือบ 40 คน กฎคือใครที่นอนตื่นเช้าแล้วไม่งอแง มีคนเดียวนี่แหละค่ะ ก็เลยได้มาทำงานตอนเช้าเป็นสายข่าวบันเทิง อีกสักพักจะจับไมค์สัมภาษณ์แล้ว ก็บอกคุณปัญญาว่าขอเวลาอาทิตย์หนึ่งนะคะ ตอนนี้จะเข้า 2 เดือนแล้ว ก็สู้ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่คิดว่าเราทำได้ เราก็พยายาม ทำได้ๆ ก็ปรับตัวเยอะมาก พยายามบอกตัวเองว่าอย่าซ้ายอย่าขวา เป็นกลางไว้ ไม่ใช่ว่าอ่านข่าวเพื่อนสนิทแล้วเข้าข้างเพื่อน ไม่ได้นะ ก็ต้องกลางๆ ไว้ บางทีเพื่อนเราก็ใช่ดี(หัวเราะ) ก็ปรึกษากับนักข่าวข้างๆ ค่ะ ผู้มีประสบการณ์เป็นนักข่าวประจำช่องเวิร์คพ้อยท์ เราเป็นน้ำไม่ถึงครึ่งแก้ว ก็รับเต็มๆ เลย ทุกคนคือครู เลยเป็นอะไรที่ปรับตัวได้เร็วมากค่ะ”
“ส่วนรายการอื่นคุณปัญญาบอกว่ามันเป็นเรื่องของกระแสนะ คุณปัญญาบอกทุกคนเลยว่าอะไรที่มาก็ต้องตีให้มันร้อนเลย เดี๋ยวสักพักถ้าเกิดว่าพอดีแล้วค่อยเริ่มอันต่อไป ก็เลยต้องติดตามว่าน่าจะมีรายการใหม่ๆ ของเราในอนาคตเร็วๆ นี้ก็ต้องติดตามค่ะ จริงๆ แล้วเป็นคนที่ไม่น้อยใจกับกระแสใครมาใครไป ทุกคนเหมือนเครื่องบินนะ เวลาสตาร์ทเครื่องก็ขึ้นไป แต่ว่าจะลงอย่างไรอีกเรื่องหนึ่ง บอกจากใจเลยว่าเราเป็นคนที่ไม่มีอะไร ค่อยๆ ก้าวจนมีวันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วโอกาสที่ได้รับจากผู้ใหญ่ใจดี ถ้าเรามีแล้ว พอแล้ว ควรเขยิบให้คนอื่นได้มีบาง เพราะฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่าตอนสอนมาดี เลยไม่ค่อยซีเรียสมาก”
“ยอมรับตรงที่ว่าชอบมองคนใกล้ตัวเป็นครู นางเอกบางทีก็เล่นเป็นแม่ พระเอกบางทีก็เล่นคุณตา ก็ยังวนไป วันหนึ่งอาจจะมีคนทำการแสดงได้ดีกว่าเรา เราต้องให้โอกาสคนอื่นเขานะ เราไม่ใช่ที่หนึ่งตลอดไป แต่บังเอิญว่าอาจจะยืนอยู่ตรงนั้นนานหรือไม่นาน ก็อยู่ที่ความสามารถตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่าไปน้อยใจ ฝากถึงศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังขึ้นมา ทำให้ได้ดีที่สุดไม่ต้องไปเปรียบเทียบ มีขึ้นมีลงแต่ที่ลงเรามันคงที่หรือตกไปเลย อีกเรื่องอยู่ที่ความประพฤติของเรา คุณปัญญาไม่เคยบอกเลยว่ากระแสเราลง คุณปัญญาบอกแค่ว่าให้คนอื่นได้มีโอกาสเหมือนเรา”
เผยนอกจากงานพิธีกรรายการข่าวตอนนี้ก็วิ่งรับงานคอนเสิร์ต บอกหลังจากนี้จะได้เห็นงานหน้าจอมากขึ้น
“มีคอนเสิร์ตค่ะ ก็ร้องเพลงคนอื่น (หัวเราะ) เราเป็นคนน่ารัก ใครมาเก็บเงินค่าลิขสิทธิ์ ก็ยิ้มให้เขาก็ไป งงมาก (หัวเราะ) ก็ยอมรับว่าช่วงมีข่าวลือ เป็นช่วงที่เราเป็นบ้านะ หยอกๆ แต่ไม่ซีเรียสหรอกค่ะ กระแสมาเดี๋ยวมันก็ไป เพราะว่าอย่างที่บอกกระแสถ้าเจ๋งจริงอยู่ได้ 15 วันนะ ถ้าไม่เจ๋งจริง 15 วิก็ไปค่ะ เดี๋ยวจะได้เห็นกันมากขึ้น เดอะแมสซิงเกอร์ไม่เคยได้เห็นก็จะได้เห็นนะ ไม่ได้ไปร้องนะ แต่จะไปเป็นหนึ่งในส่วนร่วม ต้องติดตาม”
“ก็รับงานหน้าจอเพิ่มมากขึ้น แล้วอย่างที่บอกค่ะ โอกาสพอแบ่งกันเรียบร้อยแล้ว เขาอิ่มกันหมดแล้ว ก็กลับมาหาเราบ้าง ถึงคิวเราแล้วค่ะ วนๆ เวียนๆ ชีวิตมีแค่นี้ โปรดติดตามนะคะ ไม่หายไปไหน เพราะสัญญาอยู่กับคุณปัญญาก็น่าจะ 60 (หัวเราะ) อย่าให้ไปไหนเลย นี่มีข่าวลือออกจากเวิร์คพ้อยท์ด้วยนะ อย่าให้ไปไหน อยู่นี่ไม่ไปไหนแล้ว ยังอยู่กับเวิร์คพ้อยท์นะคะ เจ้านายและผู้ใหญ่ที่เคารพรักคือ ปัญญา นิรันดร์กุลค่ะ”
รับตอนนี้แก็งสามช่าโดนมรสุมค่อนข้างเยอะ ตนเป็นน้องทำได้เพียงแค่ส่งกำลังใจให้
“จริงๆ แล้วจะบอกเลยนะว่าเราเป็นคนที่พบเจอพี่ๆ เขาในเรื่องของความสุข แต่เวลาที่พี่ๆ เขามีความทุกข์ เราเป็นเด็กพี่ๆ เขาก็จะไม่ปรึกษาเราค่ะ แล้วก็จะไม่เล่าให้ฟัง อะไรที่เป็นเรื่องของครอบครัวนี่ยิ่งปิดกั้นเลย แล้วเราก็เป็นคนไม่ค่อยชอบอยากรู้ อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของครอบครัว พี่เขาผ่านมาเยอะแล้ว เราก็ไม่ก้าวก่าย ไว้เนื้อเชื่อใจในการตัดสินใจของทุกคน โดยเฉพาะพี่ๆ แก๊งสามช่า”
“แล้วสำคัญกว่านั้นคือมันเป็นเรื่องของกอสซิป คนก็คงจะอยากรู้มากมาย แต่เราบอกจากใจเลยว่าไม่สามารถตอบแทนพี่เท่ง (เท่ง เถิดเทิง) ได้ และไม่สามารถตอบแทนภรรยาเขา ไม่สามารถตอบแทนเวิร์คพ้อยท์ได้ แต่รู้อยู่ในใจว่าเป็นกำลังใจให้ทั้งสองฝ่าย ให้กลับมาสู่ปกติ”
“เขาเล่าว่า ก็คือเขาเล่าว่า ตราบใดที่เรายังไม่รู้ที่มาที่ไป เราก็ไม่สามารถตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด ทำไมเวลาเราเจอพี่เขามันไม่มีอะไรเลย เขาไม่แสดงอาการอะไร เราเป็นศิลปินน้องคนหนึ่งที่เท่ง เถิดเทิงชอบเข้าไปหา เพราะว่าอยู่ด้วยแล้วโหวกเหวก เฮฮา ถึงจะมีความทุกข์ แต่อยู่กับคนคนนี้แล้วมีความสุข พี่ๆ เขาเลยไม่ค่อยมีความทุกข์ให้เห็นค่ะ”
“พี่เท่งเขาไม่มีโซเชียลนะคะ ก็จะบอกผู้จัดการว่าฝากบอกพี่เท่งนะ หนูคิดถึง แค่นี้แค่คำว่าคิดถึงมันน่าจะรวบรวมความรู้สึกที่มีอยากจะบอกทั้งหมดแล้ว ส่วนพี่โหน่ง (โหน่ง ชะชะช่า) ก็ไม่รู้ว่าเขาหายเครียดหรือยัง ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร เพราะเราไม่อยากถามด้วยแหละ แต่ว่าเท่าที่อ่านข้อมูลในไอจี น่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องคนใกล้ตัว แต่เราก็ไม่ค่อยถาม ถ้าเขาอยากเล่าคงเล่าเอง เราเป็นเด็กด้วยมั้ง ในสายตาพี่ๆ เขา”