xs
xsm
sm
md
lg

“เป้ย” พบจิตแพทย์รักษาอาการมาม่าบลู บอกหากไม่รักษา อาจพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“เป้ย ปานวาด” หาจิตแพทย์ รักษาอาการมาม่าบลู หวั่นพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้า แชร์ประสบการณ์ให้กำลังใจแม่ทุกคน ด้าน “หนิง ปณิตา” ห่วงเพราะเคยเป็นมาก่อน บอกหลังจากนี้ไม่ให้ “ณิริน” เล่นละครแล้ว



ต้องเผชิญกับอาการมาม่าบลู ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จนส่งผลให้ร้องไห้ตลอดเวลา หลังคลอดลูกคนที่ 2 งานนี้ “เป้ย ปานวาด บุญยรัตกลิน” เผยว่ายังไม่ใช่โรคซึมเศร้าซะทีเดียว แต่ต้องหาจิตแพทย์ก่อนคลอด หวั่นว่าอาการจะพัฒนาไปถึงจุดนั้น โดยเป้ยเผยถึงเรื่องดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนรัก “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ระหว่างมาร่วมงาน Hug for hope ซึ่งเป็นห่วงเจ้าตัวมาก

หนิง : “ไม่ใช่โรคซึมเศร้าค่ะ มันเป็นอาการเกี่ยวกับฮอร์โมนของคุณแม่”

เป้ย : “ถ้าจะให้เท้าความ มันก็สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ที่มีภาพเป้ยเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเป้ยเคยมีอาการของโรคนี้มาตั้งแต่ท้องแรกแล้ว และมันก็เชื่อมต่อกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงท้องนี้เป้ยก็ยังเป็นอยู่ แต่ว่าอาการเป้ยดีกว่าท้องแรกนะคะ เนื่องจากพอเป้ยรู้แล้วว่าอาการมันเป็นอย่างไร เป้ยก็จะพยายามทำให้ตัวเองดาวน์ลงน้อยที่สุด หรือเวลาที่เราคิดเรื่องไม่สบายใจ เราก็ต้องเลิกคิดและหากิจกรรมที่มันสนุกสนานทำทันที ยอมรับนะคะว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มมีอาการเป้ยไม่กล้าบอกคุณหนิง คือจะบอกกับตัวเองตลอดว่า ต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น”

หนิง : “ขอเสริมนิดหนึ่ง ก็คือเวลาที่หนิงไปหาเขาที่บ้าน หนิงจะสังเกตเห็นตลอดเลยว่าท่าทางการนั่งของเขาดูแปลกๆ จนหนิงต้องโทร.ไปปรึกษากับกระแต (ศุภักษร ไชยมงคล) ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเรา หรือเป้ยเขาจะมีอาการของมาม่าบลู เพราะช่วงที่หนิงท้องน้องณิริน หนิงก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งอาการของเป้ยที่หนิงเห็นก็คือ เขาจะมีลักษณะเหมือนกับว่าลอยๆ เอ๋อๆ แต่ตอนแรกหนิงก็ไม่กล้าถามนะคะ แค่รู้สึกได้เฉยๆ ว่าเขาดูเปลี่ยนไป”

เป้ย : “เป้ยแค่รู้สึกว่าเป้ยไม่อยากเป็นเด็กขี้แย หรือต้องร้องไห้ตลอดทุกครั้งที่เจอกับหนิง เพราะเป้ยไม่อยากให้เขาคิดมาก เนื่องจากว่าเขาจะเป็นคนที่มักจะเป็นห่วงเป้ยตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเป้ยจึงต้องสู้กับมันให้ได้ เป้ยต้องเข้มแข็ง และเอาจริงๆ นะ เป้ยไม่ค่อยอยากให้ใครรับรู้เรื่องราวตรงนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นความอ่อนแอของเป้ย แต่ในอีกแง่หนึ่งเป้ยก็คิดว่าเป้ยสามารถนำเรื่องราวของเป้ย ไปแชร์ให้กับคุณแม่ที่ติดตามข่าวของเป้ยได้เช่นกัน เป้ยเชื่อว่ามีคุณแม่อีกไม่น้อยเลย ที่ยังต้องเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับโรคนี้และก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับมันอย่างไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ”

บอกก่อนคลอดพบจิตแพทย์ หมอให้ยามาทานเพื่อรักษาอาการ แชร์ประสบการณ์ให้กำลังใจคุณแม่ทุกคน
เป้ย : “ก่อนคลอดเป้ยก็ต้องพบกับคุณหมอค่ะ ซึ่งคุณหมอของเป้ยก็เป็นจิตแพทย์นี่แหละ โดยวิธีการรักษาคุณหมอเขาก็จะให้ยามาทาน แต่ด้วยความที่เป้ยรู้สึกว่าพอทานแล้วเป้ยจะมีอาการนิ่งๆ เหมือนหุ่นยนต์ เป้ยก็เลยไม่อยากเป็นแบบนั้น ไม่อยากเป็นคุณแม่ที่นิ่งตลอดแม้กระทั่งในเวลาที่เลี้ยงลูก ซึ่งตัวน้องโปรดเองก็ไม่เข้าใจว่าเป้ยเป็นอะไร เป้ยก็เลยคิดว่ายังไงเป้ยก็ต้องสู้กับมันด้วยตัวเองให้ได้ ต้องผ่านมันไปให้ได้ค่ะ”

“จริงๆ ไม่มีใครรู้เลยค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าเป้ยเป็น จะมีก็แค่สามีเป้ยกับคุณหมอประจำตัวเป้ยเท่านั้นที่รู้ ซึ่งทุกวันนี้เป้ยก็เป็นอยู่ค่ะ แต่อย่างที่บอกอาการมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว (ยิ้ม) ยังไงเป้ยก็อยากให้กำลังคุณแม่ทุกๆ คนนะคะที่กำลังประสบกับปัญหาเดียวกันกับเป้ยอยู่ เพราะเอาจริงๆ ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกค่ะว่ามันแย่แค่ไหน”

รับสามารถพัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้า
เป้ย : “ได้ค่ะ สามารถพัฒนาได้ แต่ทั้งนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่าเราจะสู้กับมันได้หรือเปล่า เพราะโรคไม่มีทางชนะใจเราได้ค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราเท่านั้นเลย”

หนิงห่วงมาก ปั่นจักรยานไปหาตลอด
หนิง : “ถ้ามีเวลาว่างก็จะปั่นจักรยานไปหาเขาที่บ้านค่ะ ไปเล่นกับหลานบ้าง ไปคุยกับเขาบ้าง ซึ่งดีใจนะที่เป้ยเขากล้าออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เขานำมาแชร์มันสามารถช่วยคุณแม่หลายๆ ท่านได้จริงๆ”

ไม่อยากตอบเรื่องสามีออกจากราชการแล้ว
เป้ย : “ขออนุญาตไม่ตอบดีกว่านะคะ เพราะวันแถลงข่าวคุณป๊อป (นิธิ บุญยรัตกลิน) เขาก็พูดไปหมดทุกอย่างแล้ว เป้ยขอเป็นคนที่ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลังดีกว่า ไม่ขอพูดอะไรถึงเรื่องนี้นะคะ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”

“หนิง” อาย “ณิริน” แฉออกสื่อ บอกให้ลูกเอาที่สบายใจ
หนิง : “อายอ่ะ แต่มันก็เป็นความจริงนะ (หัวเราะ) โดยปกติเพื่อนๆ ในแก๊งหนิงเราจะเลี้ยงลูกสไตล์เดียวกันอยู่แล้ว คือปล่อยให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ แล้วก็คุยกับเขาเหมือนเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่เหมือนแม่กับลูก”

“จะแฉอะไรอีก รอดูใน EP ต่อไปสิคะ (หัวเราะ) หรือหนิงควรจะแฉตัวเองตอนนี้ก่อนดี ต้องดูให้ได้นะคะ บอกกับลูกได้คำเดียวเลยว่าเอาที่สบายใจ”

เป้ย : “เป้ยปลื้มในใจตัวณิรินมากๆ ชอบเขามาก ถึงแม้หนิงจะรู้สึกว่าเขาดูโตเกินไป แต่เป้ยกลับรู้สึกว่าในเมื่อเด็กเขามีความสามารถขนาดนี้ เราก็ควรที่จะนำความสามารถของเขาออกมาโชว์มากกว่า เราจะไปปิดกั้นความสามารถของเขาทำไม เป้ยไม่อยากให้หนิงนอยด์กับกระแสดรามาต่างๆ แต่อย่างที่บอกน้องณิรินเขามีความสามารถจริงๆ และเราเองก็ไม่ได้ขายลูกกินด้วยค่ะ

ไม่ให้ณิรินเล่นละครแล้ว
หนิง : “เอาตรงๆ หนิงก็ปลื้มในตัวเขานะ แต่หนิงก็มักจะย้ำอยู่เสมอว่าเวลาหนิงเลี้ยงเด็ก หนิงก็จะปล่อยให้เขาได้ทำกิจกรรมอะไรของเขาไปตามธรรมชาติ และเมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็ค่อยมาบอกกับเขาอีกทีว่า ผลจากสิ่งที่เขาทำไปมันคืออะไร ดังนั้น ณ เวลานี้ ถ้าหากณิรินอยากจะทำอะไรหนิงก็จะปล่อยให้เขาทำ เพียงแต่เราเองก็ต้องตั้งลิมิตให้เขาด้วย อย่างเรื่องงานละครหนิงบอกได้เลยว่า หนิงคงไม่ได้ให้น้องเล่นแล้ว ส่วนงานพิธีกรก็คงต้องดูกันไปก่อนว่าเขาจะเซ็นสัญญานานแค่ไหน ซึ่งตอนนี้มันอยู่ในช่วงของการพูดคุยค่ะ”

“ถามว่าทำไมไม่ให้เล่นละคร หนิงรู้สึกว่าเขายังเด็กไปค่ะ แถมหน้าที่หลักของเขาจริงๆ ในเวลานี้ก็คือการเรียนหนังสือด้วย ดังนั้นหนิงจึงอยากให้เขาได้ใช้เวลาในวัยเด็กของเขาให้เต็มที่ก่อน ได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งทำงานวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งมันไม่ใช่วัยที่เขาควรจะต้องมารับผิดชอบ”

“ส่วนพิธีกร อาจจะมีโปรดิวเซอร์ช่วยบรีฟคำถามให้ก่อนนิดหน่อย แต่พอถึงหน้างานเขาก็ให้น้องณิรินเป็นคนจัดการเอง ส่วนถ้าหากมีอันไหนที่หลุดเขาก็จะมาบอกกล่าวกัน แต่หลักๆ แล้วก็คือปล่อยให้น้องได้เป็นคนสัมภาษณ์เองทุกอย่าง”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)





กำลังโหลดความคิดเห็น