xs
xsm
sm
md
lg

“บูม-พี่สาว” น้ำตาไหลอาบแก้ม เผยพ่อแม่ตรอมใจ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน 1 พ.ย. ถูกตราหน้าตระกูลโกง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“บูม จิรัชพิสิษฐ์” แจงยิบ คดีโกงบิตคอยน์ 700 ล้าน นาทีถูกรวบ-คอตกเข้าคุก ถูกถอดพรีเซ็นเตอร์-ซีรีส์ พี่สาวร่ำไห้ พ่อแม่ตรอมใจ เตรียมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน 1 พ.ย. ถูกตราหน้าตระกูลโกง ทั้งที่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจกงสี วอนขอความเมตตาให้โอกาสครอบครัวได้สู้คดี ย้ำไม่เคยคิดหลบหนี



จากกรณีที่ “บูม จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต” นายแบบ-ดาราวัยถูกกองปราบฯ บุกจับ แจ้งข้อหาร่วมฟอกเงิน หลอกลวงนักธุรกิจ “นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา” ชาวฟินแลนด์ ร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิตอล สูญเงินบิตคอยน์ไปร่วม 700 ล้านบาท พร้อมออกหมายจับล่าพี่ชาย และพี่สาว และเตรียมออกหมายจับอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย คาดทำเป็นขบวนการ โดยกองปราบยันบูมมีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมหลอกลวง แถมยังโอนเงินให้ครอบครัวกว่า 400 ล้านบาท มี 30 ล้านโอนไปยังต่างประเทศด้วย ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างเป็นบัญชีพี่ชาย

ล่าสุด บูม ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมพี่สาว “นางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต” และพี่ชาย “ธนสิทธิ์ จารวิจิต” และทนายความ “นายสัญชนัท วงศ์สกุลสุขดี” โดยหนุ่มบูมและพี่สาวน้ำตาไหลอาบแก้ม ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวทำให้พ่อกับแม่ตรอมใจ

บูม : “ที่ผมออกมาพูดวันนี้อยากจะเปิดใจทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ที่ผมโดนจับวันแรก วันที่ 8 สิงหาคม วันนั้นผมไปถ่ายงานอยู่แถวรัชโยธิน ประมาณ 10 โมงเช้า ทุกอย่างปกติหมด วันนั้นเป็นวันเกิดผมพอดี พอผมมาถึงกองพี่ไดเร็กเตอร์ก็บอกว่าเราเบรกกินข้าวก่อน ผมก็ไปกินข้าว กลับขึ้นมาจู่ๆ ก็มีผู้ชาย 6 - 7 คนเดินมาล็อก เราก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใจคิดว่าจะต้องมีคนแกล้งแน่ๆ เลย เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดเรา อยู่ๆ เขาก็เข้ามาจับแล้วก็บอกว่านี่ใช่บูมรึเปล่า ผมก็บอกว่าผมเอง เขาก็มาบอกผมว่าเราโดนนั่นนี่ ซึ่งพอผมรู้ว่าโดนจับก็ตกใจมาก มันเกิดอะไรขึ้น เราไปทำอะไรมา ทำไมต้องมาโดนจับ เราไม่ได้ไปทำอะไรใคร”

“เขาให้ผมไปเดินทางที่สถานีตำรวจประมาณบ่าย 2 โมง คุณตำรวจเขาก็สอบสวนผมจนถึง 3 ทุ่ม ผมงงมากๆ ตอนนั้นโทรศัพท์ผมแบตหมด ผมพยายามจะติดต่อครอบครัวว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมก็ยังคิดในแง่ดีว่ามีคนเซอร์ไพรส์วันเกิดผมรึเปล่า พี่ที่กองเขามาเซอร์ไพรส์รึเปล่า แต่มันไม่ใช่เลย มันคือเรื่องจริง ผมไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัว ตอนแรก 3 ทุ่มผมเข้าใจว่าผมจะได้กลับบ้าน แต่ทางตำรวจบอกว่าเขาขอสอบสวนต่อ สุดท้ายตำรวจมาบอกว่าน้องต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำนะ ตอนนั้นผมรู้สึก (นิ่งไปน้ำตาคลอ) โอ้โห ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยไปทำอะไรใคร ไม่เคยไปทำให้ใครไม่พอใจ ผมทำตัวไม่ถูก ผมอยู่ในห้องขังตอนเช้าเราคิดว่ามันก็คงจะไม่มีอะไร ก็มีตำรวจออกมาบอกว่าจะมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาคุยกับเรา ผมก็บอกได้ครับ เขาก็ให้ผมขึ้นไป พอตอนเช้าผมเดินออกมากลายเป็นว่าผมเจอนักข่าว แล้วกลายเป็นข่าวใหญ่มาก มันทำให้ผมยิ่งช็อก มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่คาดคิดเลย”

“หลังจากที่เป็นข่าวทางตำรวจก็สอบสวนผมต่อ เป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นเขาก็ส่งผมไปฝากขังที่ศาลอาญา ผมกังวลว่าผมจะไม่ได้ประกันตัว เพราะตอนนั้นผมติดต่อใครไม่ได้เลย จังหวะสุดท้ายที่ผมอยู่กับโทรศัพท์คือผมอยู่กับทีมงานในกองถ่าย ก็ได้บอกเขาว่าช่วยติดต่อครอบครัวให้ผมทีนะครับ ก็เลยได้ยื่นประกันในราคา 2 ล้านบาทพร้อมกับเครื่องติดตาม ศาลท่านก็อนุมัติให้ประกันตัว หลังจากนั้นผมก็ได้ประสานงานให้ความร่วมมืออย่างดีทุกครั้ง”

“ส่วนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคดี ผมบอกเลยว่าตัวผมไม่เคยคุยกับคุณอาร์นี่เลย เหตุการณ์ที่ผมได้เจอกับคุณอาร์นี่มันเกิดจากที่วันนั้นที่ผมเสร็จงาน ผมก็ติดต่อพี่ชายผมชวนไปกินข้าวดูหนัง ก็โทร.ไปคุยกับเขา เขาก็บอกไม่ว่างประชุมอยู่ ถ้างั้นมากินข้าวกันมั้ย ผมก็เลยไปกินข้าวกับเขา ตอนนี้ผมไปถึงก็ได้เจอกับคุณอาร์นี่และทีมงานกลุ่มนักลงทุนของเขาเกือบทุกคนเลย แต่ตัวผมไปเพื่อทานข้าวเฉยๆ ผมไม่คิดว่าการที่ผมไปทานข้าวกับพี่ชายแล้วมันจะทำให้ผมโดนแจ้งว่าผมไปร่วมกับเขาด้วย ผมยิ่งงงมาก ตอนที่ไปผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพวกเขาเลย แค่เห็นพวกเขาแล้วผมก็เดินไปกินข้าวแค่นั้นเอง ผมได้มีโอกาสคุยกับแฟนสาวของคุณอาร์นี่ เพราะเขาพูดภาษาไทย แต่เป็นการคุยกันแค่เรื่องทั่วไปไม่ใช่เรื่องธุรกิจ”

รับถูกแคนเซิลพรีเซ็นเตอร์ 2 ตัว และซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังติดต่อ ยันครอบครัวมีฐานะมาก่อนที่จะรู้จักกับ “อาร์นี่” ไม่รู้เรื่องการลงทุน
บูม : “ส่วนผลกระทบจากข่าวนี้ที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมเลยคือผมโดนแคนเซิลพรีเซ็นเตอร์ไป 2 ตัว แล้วซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังติดต่อกันอยู่ พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเขาก็เงียบและแคนเซิลไปเลย แล้วก็เรื่องทางครอบครัว มันสำคัญมากๆ เลย ผมอยากจะเริ่มจากพ่อแม่ผม ท่านเริ่มธุรกิจมาจากการค้าขาย ท่านทำงานหนักมาตลอดด้วยตัวเองตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บ้านผมเราทำธุรกิจร้านอาหารที่ค่อนข้างจะมีชื่อในศรีราชา”

ช่วงที่ผมเกิดมาธุรกิจที่บ้านก็ขายดีจนสามารถทำเป็นกงสีสร้างครอบครัวจารวิจิตมาถึงทุกวันนี้ มันกลายเป็นว่าวันนี้จู่ๆ ทางตำรวจมาแจ้งว่าพ่อแม่ผมฟอกเงิน ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่พ่อแม่ผมทำธุรกิจมาก่อนหน้านี้เรามีทรัพย์สินกันมาอยู่ก่อนแล้ว เรามีมาก่อนที่จะมาเจอคุณอานี่อีก มันไม่เกี่ยวกันเลย แล้วพ่อแม่ผมก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วย ท่านไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการลงทุนอะไรทั้งสิ้น ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าเขาไปทำอะไรกันยังไง เขาคุยกันอยู่แค่ 4 - 5 คน มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม”

ร่ำไห้รู้สึกแย่ พ่อกับแม่ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดคุณแม่ เป็นลูกแต่ทำอะไรไม่ได้
ผมเป็นกังวลว่าวันที่1 พ.ย.นี้เป็นวันเกิดของคุณแม่ผม ทางกองปราบเขาก็ติดต่อมาบอกว่าให้พ่อแม่ผม(เสียงสั่นเครือ)ไปรับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินในวันเกิดแม่ผม และอาจจะต้องยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว ในฐานะที่เราเป็นลูกแล้วเราทำอะไรไม่ได้(ร้องไห้) มันรู้สึกแย่มาก ทำไมพ่อแม่ผมต้องมาโดนอะไรแบบนี้ทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้เรื่องใดๆ เลย ผมกลัวว่าเขาอาจจะไม่ได้ประกันตัว ผมเลยอยากจะขอร้อง ขอวิงวอน ผมและครอบครัวเชื่อในกระบวนการยุติธรรม อยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองและครอบครัวผมพร้อมที่จะต่อสู้คดี ไม่หนีอย่างแน่นอนแต่ขอความเมตตาให้ผมและครอบครัวได้มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ครับ”

ยืนกรานไม่ได้เป็นล่ามให้ รู้ว่าพี่ชายทำธุรกิจแต่ไม่รู้เบื้องลึก
บูม : “ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ผมทราบว่าพี่ชายทำธุรกิจครับแต่เบื้องลึกผมไม่ทราบ เอาจริงๆ ตอนที่ผมไปเจอเขาตอนแรกผมไม่ทราบเลยครับว่าเขาเป็นนักลงทุน ผมคิดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉยๆ”

ยังไม่ขอตอบ พี่ชายนำชื่อไปเปิดบัญชี โอนเงินเข้าบัญชีของตน
สัญชนัท : “ผมขออนุญาตตอบในฐานะทนายความนะครับ ในส่วนรายละเอียดของเส้นทางการเงินเราอยากจะให้นะครับแต่เราอยากจะขอนำเสนอในชั้นศาล ในชั้นกระบวนการเสร็จแล้วจะมาแจ้งกับทางสื่อมวลชนอีกครั้งนึง เรามีหลักฐานในกระบวนการยุติธรรมอธิบายอยู่แล้วครับ”

บูม : “ถามว่าผมรู้มั้ยว่าพี่นำชื่อไปเปิดบัญชีและโอนเงินเข้ามาให้ ค่อยตอบทีหลังดีกว่าครับ”

สัญชนัท : “ในส่วนของเอกสารเรามีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคุณบูมและทางครอบครัวพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่หลบหนีไปไหน เพียงแต่ว่าถ้าเรานำเสนอเอกสารตรงนี้ออกไปก่อนจะเกิดความคลาดเคลื่อน เลยอยากจะให้เสนอกับทางกระบวนการชั้นศาลให้เรียบร้อยก่อน แล้วทางคุณบูมกับครอบครัวจะมาแจ้งทางสื่ออีกทีว่าที่มาที่ไปเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร ซึ่งเอกสารและเส้นทางการเงิน สามารถชี้แจงกับทางตำรวจได้ทุกกรณี มีเหตุผลรองรับหมดครับ”

บอกพร้อมเจรจา แต่ฝ่ายอาร์นี่ ต้องการคุยกับ “ปริญญา” พี่ชายคนโตคนเดียวเท่านั้น
ธนสิทธิ์ : “ทางเราพร้อมที่จะเจรจาโดยตลอด แต่ด้วยความที่ทางอาร์นี่เขาต้องการคุยกับคุณปริญญา(พี่ชายคนโต) เพราะเป็นคนที่เขาเกี่ยวข้อง คนในครอบครัวไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ทางคุณปริญญาก็ได้เดินทางกลับมามอบตัวแล้ว หลังจากนี้ผมเชื่อว่าถ้าคุณปริญญาได้รับการประกันตัว คุณอาร์นี่ก็อาจจะอยากเข้ามาพบพูดคุยกันในข้อเท็จจริงตรงนี้เราไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเองก็รับฟังทางฝั่งของเราว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้ แต่ทางคุณอาร์นี่ก็พูดมาอีกแบบนึง เราเองก็ต้องให้ทางเขาเจรจากันเอง เราจะไปตัดสินไม่ได้ว่าอะไรยังไง ถ้าคุณปริญญามาอยู่ที่นี่ด้วยคำถามทุกคำถามก็จะได้รับการตอบ ในเมื่อตอนนี้คุณปริญญายังไม่ได้รับการประกันตัวก็อยากจะขออนุญาตตอบแค่เท่าที่ทางครอบครัวสามารถตอบได้”

พี่สาวลั่นตกใจเห็นหมายจับ ถูกตราหน้าเป็นนักต้นตุ๋นชื่อดัง เป็นเจ้าแม่ตลาดหุ้น ลั่นไม่รู้จักผู้เสียหาย ที่ผ่านมาไม่ได้หลบหนี ให้ความร่วมมือกับตร.ดี รายงานตัวที่ศาลทุกนัด
สุพิชฌาย์ : “โดยส่วนตัวที่รู้ว่าโดนหมายจับรู้มาจากโทรศัพท์มือถือ เห็นข่าวจากในไลน์ว่าน้องโดนจับ ก็งงว่าน้องโดนจับเรื่องอะไร เราไม่ทราบจริงๆ ว่าที่บ้านไปทำอะไรกันมา พอมามีหมายจับของตัวเองยิ่งตกใจเพราะไม่เคยไปทำธุรกิจหรือไปชักชวนใครทำอะไรเลย พอเกิดแบบนี้ขึ้น ก็รู้สึกตกใจสับสน แต่ขอยืนยันเลยว่าไม่ได้หนี พยายามติดต่อครอบครัว ทนาย เพื่อน ว่าข่าวนี้มันคืออะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา ผู้เสียหายคือใครเราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ไม่เคยพบ ไม่เคยคุย เลยหลบไปสักพักเพื่อไปสอบถาม ไปเตรียมตัว แต่ยืนยันว่าไม่ได้หนีแบบที่เป็นข่าวว่าเราหลบหนี เรายืนยันกับทางทนายตลอด ให้ตำรวจติดต่อทนายตลอดว่าเราพร้อมที่จะเข้ามอบตัว แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ติดวันหยุดยาว เลยเข้ามอบตัววันที่ 15 ส.ค. ไม่ได้แอบเข้าทางประตูข้าง เข้าทางด้านหน้าเลย เอาบัตรประชาชนให้ตำรวจว่าเรามามอบตัว”

“ตำรวจสอบสวนเสร็จ เราก็ดูเนื้อหาในสำนวนว่าเราโดนอะไร ก็ยังไม่เข้าใจ อย่างที่บอกเราไม่รู้ว่ามันคือธุรกิจอะไร รู้แต่ว่ามีชื่อพี่ชาย แล้วพี่ชายก็ไปร่วมทำธุรกิจกับ 4 - 5 คนในวงนั้น ก็มอบตัวแล้วประกันตัวออกมา หลังจากนั้นเราก็ให้ความร่วมมืออย่างดีกับทางตำรวจมาโดยตลอด รายงานตัวที่ศาลก็ไปทุกนัด เพราะรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไร เราพร้อมที่จะต่อสู้กับเรื่องนี้แน่นอน เวลาที่เราอ่านใบจากตำรวจที่ให้เรามาเราไม่รู้จักใครเลย ไม่เคยเห็นหน้าใครเลย นี่เราไปร่วมได้ยังไง ตอนไหน”

“แต่ตอนที่หายไปมันจะมีช่วงที่เรารู้สึกว่ามันคืออะไร มีสื่อบางสื่อที่แจ้งว่าคุณสุพิชฌาย์ ชื่อนี้ในตลาดหุ้นดังมากเลย เป็นนักต้มตุ๋นเลย เราเองก็ตกใจ ตลาดหุ้น นักต้มตุ๋น ชื่อดัง บอกเลยว่าไม่เคยเล่นหุ้นเลย ตกใจมาก บิทคอยน์ คืออะไร ไม่รู้จักเลย จะเป็นเจ้าแม่ตลาดหุ้นได้ยังไง เวลาออกไปเจอใครที่รู้จักเรา เขาได้อ่านข่าวเขาก็จะมองเราอีกอย่างนึง เริ่มมีการนินทานั่นนี่ มันมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ กับครอบครัว โดยส่วนตัวมั่นใจมากว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย”

“พอมีข่าวมันกลายเป็นว่าน้องชาย พี่สาว พี่ชายลงรูปร่วมกันหลอกลวง จะหลอกลวงได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยเจอหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว อันนี้ขอยืนยันเลย ตอนนี้พ่อกับแม่โดนผลกระทบ พ่อแม่เป็นคนมีชื่อเสียงในชลบุรี ใครๆ ก็น่าจะรู้จัก ตอนนี้เราโดนตราหน้าเป็นตระกูลคนโกง ซึ่งมันไม่ใช่ แต่ละคนไม่มีประวัติอาชญากรรม เคยโดนจับ ถูกฟ้องร้อง ไม่มีเลยสักครั้งเดียว ไม่เคยเลยเพิ่งจะโผล่มาครั้งนี่อยู่ดีๆ โดนหมายจับ เราทำธุรกิจ ร่วมลงทุน หลอกต้มตุ๋น งงมาก ทั้งที่ความเป็นจริงที่เราสอบถามเขาอยู่ในวงกันแค่ 4 - 5 คนนั้นเอง เราก็ไม่รู้ว่าเขาไปตกลงอะไรกัน เราไม่รู้เรื่องเลย”

ตอนนี้ต้องบอกว่าพ่อกับแม่ตรอมใจ (ร้องไห้ทั้งพี่สาวและบูม) คิดสิถ้าพี่เป็นพ่อแม่คน ลูกพี่ทุกคน...เดินขึ้นเดินลงเข้าออกกองปราบ ศาลเป็นว่าเล่นเป็นพี่ๆ จะรู้สึกยังไงคะ หนูว่ามันไม่ใช่นะ แล้วพ่อหนูอายุ 80 แล้ว 80 ฟอกเงินเหรอคะ ถ้าจะหลอกลวงทำไมไม่หลอกลวงตั้งแต่หนุ่มๆ ทุกคนที่ชลบุรีรู้ ธนาคารทุกธนาคารที่ชลบุรีรู้ว่าพ่อหนูมีเงินมาอยู่แล้ว คุณพูดอะไร คุณทำร้ายครอบครัวเราแบบนี้ได้ยังไง”

ธนสิทธิ์ : “ตามที่คุณบูมเขาได้เล่าเมื่อเดือนสิงหาคมเราได้ทราบว่ามีการออกหมายจับในคดีฟอกเงินจำนวน 3 คน ก็คือคุณบูม น้องสาวผมและคุณปริญญาในเรื่องของคดีฟอกเงินซึ่งผมไม่ได้อยู่ในรายชื่อนั้น ตอนแรกที่เราทราบว่าคุณบูมถูกจับทั้งครอบครัวตกใจมากก็ถามกันมาว่าเกิดอะไรขึ้น ที่มาที่ไปเป็นยังไง คุณบูมไปทำอะไรทำไมถึงถูกออกหมายจับในคดีฟอกเงิน เพราะเรามองว่าคดีฟอกเงินเป็นคดีอาญาที่รุนแรงมากเราไม่คาดคิดเลย ในส่วนของคุณบูมเราจะไม่พูดถึงเพราะเขาได้เล่าในส่วนของเขาไปแล้ว”

ซึ่งหลังจากที่คุณบูมได้รับการประกันตัวออกมาได้ และมีการไปรายงานตัวตามนัด เคร่งครัดไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีใดๆ ผลกระทบที่คุณบูมได้รับก็อย่างที่ทุกคนทราบดีก็คือว่าเขาเป็นนักแสดงเขาถูกกระแสสังคมกดดันอย่างมาก การที่เขาจะใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ ไม่สามารถทำได้เลย ความหมายคือถ้ามีคนจำเขาได้เขาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกงเพราะในข่าวออกว่าเขาเป็นคนโกง มูลค่าสูงถึง 700 กว่าล้าน”

ผมถามนิดนึงว่าคนที่เอาเงินลงทุนทุกคนทราบมั้ยครับว่าเขาคือใคร เป็นใครมาจากไหนทำไมถึงมีเงินจำนวนเป็นพันๆ ล้านบาทแล้วเอามาลงทุนในประเทศไทย แต่ถ้าไม่ทราบผมขอพูดตรงนี้ผมเองก็ทราบตามข่าวและมีโอกาสได้รู้จักและเคยเจอ คนๆ นี้เราเคยเจอกันเขาเป็นเด็กหนุ่มฟินแลนด์อายุ 21 ปีและมีแฟนสาวก็คือคุณแตงโม ชนนิกานต์ ซึ่งอายุประมาณ 20 ปีนี้แหละ”

“คำถามคือเงินตรงนี้ที่มีการเอามาลงทุน ต้องกลับไปถามเขาว่าเงินตรงนี้ที่เป็นเงินพันกว่าล้าน คุณเอามาจริงๆ ใช่มั้ย แล้วคุณเอามาคุณตั้งใจจะลงทุนจริงๆ ใช่หรือไม่ประเด็นคือถ้าเป็นการลงทุนจริงตามข่าว คำถามอีกคำถามหนึ่งที่ทุกคนก็อาจจะอยากรู้เหมือนกันเหมือนผมที่อยากจะรู้ ก็คือคุณคิดว่าเด็กอายุ 20 กว่าปี ไปเอาเงินจากไหนมา 1,000 กว่าล้านบาท ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนอยากรู้เหมือนที่ผมอยากรู้”

“คราวนี้เราไม่พูดถึงประเด็นนั้น สิ่งที่ผมอยากจะพูดคือประเด็นผลกระทบที่เกิดกับครอบครัวเราเพราะครอบครัวเราบริสุทธิ์ถ้าครอบครัวเราโกงเขาจริง ถามว่าคุณพ่อคุณแม่ผมยังจะไปตลาดตอนเช้าที่ตลาดศรีราชาไปทุกวันไปซื้อกับข้าวมาขาย ไปซื้อวัตถุดิบมาขายอยู่ที่ร้านอาหารอยู่ที่ภัตตาคารทุกวันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 ถึง 50 ปี เพราะว่าร้านอาหารหรือภัตตาคารของเราเปิดมาเกินนั้นแล้วเปิดมาเกิน 50 ปีแล้ว คนที่จังหวัดชลบุรี ที่อำเภอศรีราชา เขาก็จะได้เจอกับคุณพ่อคุณแม่ผมทุกวัน คำถามคือถ้าโกง ถ้าฟอกเงินจริง ทำไมถึงต้องยังมาทำแบบนี้ถ้าถ้าทำผิดจริงก็คงหนีไปแล้วถ้าลูกโดนหมายจับก็คงหนีไปแล้วทำไมถึงยังต้องทำงานอยู่ทุกวัน ยังใช้ชีวิตเป็นปกติเพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดไง เราพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็เข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทางผมเองไม่ได้ถูกหมายจับ”

“ถ้าในกรณีที่ผมโกงผมจะยังอยู่ตรงนี้มั้ย ผมไม่อยู่แล้วผมหนีไปแล้ว เพราะผมได้ทรัพย์อย่างที่เป็นข่าวจริงที่เป็นร้อยๆ ล้านผมไม่มาอยู่ให้ทุกคนมาตราหน้าว่าเป็นคนโกง ซึ่งในเรื่องของผลกระทบในครอบครัวผมได้รับผลกระทบอยู่แล้ว แต่ทางครอบครัวก็ขอยืนยันในเรื่องของเจตนา ว่าเราไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีเราพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมพร้อมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์”

“แต่ประเด็นคือที่ผมจะต้องย้ำเลย ก็คือในเรื่องของคุณปริญญา ที่เป็นข่าวอยู่ ณ ตอนนี้ว่าคุณปริญญาเป็นตัวการหลักเลยและหลบหนีไม่ยอมมาหาเจ้าหน้าที่สักทีนึง ซึ่งผมขอเรียนตรงนี้เลยว่าผมก็ได้มีการพูดคุยกับทางคุณปริญญาเป็นระยะระหว่างที่เขาอยู่ที่ประเทศอเมริกา ซึ่งเราทราบว่าคุณปริญญาได้มีการประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่โดยตลอด เขาก็มีการออกสื่อว่าเขาไม่หลบหนีหรอก และเขาไม่มีเหตุผลที่เขาจะหลบหนีหมายจับออกมาหลังจากที่เขาเดินทางไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว แต่เราจะมาพูดกันว่าไม่หลบหนีมันไม่ได้แต่การที่คุณไม่กลับมาก็ไม่มีใครเชื่อ ทุกคนไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครเชื่อว่าเขาไม่หลบหนี แต่สิ่งที่เรากำลังพูดอยู่เรามีหลักฐาน”

“สำหรับคุณปริญญาในกรณีที่เขาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครไปจับตัวเขา มีการยกเลิกพาสปอร์ต ผมถามนิดนึงแล้วอย่างนี้ว่าจะต้องเดินทางกลับมั้ย ถ้าคิดจะหนีจะเดินทางกลับมั้ย ไม่ต้องใช่มั้ย ผมหนีไปที่อื่นได้ ผมไม่ต้องใช้พาสปอร์ตถูกมั้ย แต่คุณปริญญาตอนที่เขาจะเดินทางกลับเขาซื้อตั๋วเครื่องบินเอง อันนี้มีหลักฐานว่าคุณปริญญาคือเขาเดินทางไปที่กงสุลไทย ณ Los Angeles สองคือเขาเดินทางไปที่กงสุลไทย ณ Los Angeles เพื่อที่จะให้ออกหนังสือว่าฉันจะขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายในวันนี้ หลักฐานตรงนี้เรามีแต่ผมขออนุญาตไม่เอามาโชว์สื่อ เพราะหลักฐานตรงนี้เรานำส่งให้กับทางเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณาอยู่”

“ตอนนี้เราก็รอว่าคุณปริญญาจะได้รับการประกันตัวเพื่อจะได้ออกมาชี้แจงและสู้คดีกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เรื่องของคุณบูม คุณภา น้องชายน้องสาวผมได้ชี้แจงไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ยังใช้ชีวิตปกติ ปกติในที่นี้ก็คือได้รับผลกระทบ เพียงแต่ว่าเราก็ยังอยู่ที่เดิม พร้อมที่จะเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งผมวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ผมเองก็ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหา

“แล้ววันที่ 1 พฤศจิกายนทางคุณพ่อคุณแม่ผมก็จะเข้าไปที่กองปราบ เพื่อที่จะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินเหมือนกัน ในส่วนของครอบครัวของเราเรายืนยันว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ของการฉ้อโกงใดๆ กับทางคุณอาร์นี่ เด็กหนุ่มอายุ 21 ปีชาวฟินแลนด์ที่มีเงินเป็นพันๆ ล้าน ที่ไม่แน่ใจว่าเอามาจากไหนอันนี้ก็คงต้องไปถามเขาเอา

“แต่วันนี้ที่มาเจอกันเราอยากจะมาขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวเรา ขอพื้นที่เล็กๆ ให้กับครอบครัวเราได้อยู่ในสังคมอย่างปกติพอนะตอนนี้เราเองได้รับผลกระทบหนักๆ ซึ่งทางผู้เสียหายก็คือคุณอาร์นี่ ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง ที่ถูกโกงเงินไปเป็นพันๆ ล้านยังไม่เคยออกมาพูดเลยว่าสิ่งที่เขาเสียหายเป็นยังไง อย่างไร ซึ่งกลายเป็นว่าเราเองได้รับผลกระทบอย่างเดียวเลย ตรงนี้เราขอยืนยันว่าครอบครัวจารวิจิตรเราไม่ใช่อาชญากร เราทำธุรกิจปกติทั่วไป ไม่ได้มีการทำอะไรที่มันผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้นก็ต้องขอยืนยันตรงนี้”

“เราอยากขอความกรุณาทุกท่านให้ช่วยติดตามคดีนี้ เพราะว่าเรากังวลว่าคุณอาร์นี่ที่มีเงินเป็นพันๆ เป็นหมื่นๆ ล้าน เขามีเงินมาก เราไม่ต้องการให้พลังเงินของเขา มาทำให้ครอบครัวของเราเสียหาย และได้รับผลกระทบที่หนักขนาดนี้เราไม่ต้องการและเราก็อยากจะ พิสูจน์ความยุติธรรมซึ่งเราก็เชื่อในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้วเพราะนอกจากที่คุณอาร์นี่มีเงินมากแล้วเรายังทราบว่าเขามีคนรู้จักเยอะแยะเลย มันยิ่งทำให้เรากังวลเข้าไปใหญ่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนผู้สื่อข่าวทุกท่านตรงๆ เลย เราเลยอยากให้พี่ๆ สื่อมวลชนช่วยติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด ก่อนหน้านี้ที่เราไม่ได้ออกมาพูด ประเด็นคือคนที่พูดได้ดีและชัดเจนที่สุดก็คือคุณปริญญา ซึ่งคุณปริญญาเขาเองเขาก็พร้อมที่จะมาเจอกับพี่ๆ สื่อมวลชนอยู่แล้วเพียงแต่ว่าตอนนี้ยังประกันตัวไม่ได้เท่านั้นเอง”

โบ้ยทีมทนายพิจารณาเรื่องฟ้องกลับ
ธนสิทธิ์ : “เรื่องของการฟ้องกลับให้ทางทีมทนายเป็นคนพิจารณาดีกว่า เราก็ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยส่วนตัวครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ อย่างที่บอกว่าเราปรึกษากับทีมทนายไว้ว่าในเรื่องของรูปคดีเราขอไม่พูดดีกว่าต้องดูกันในอนาคต ว่าทางคุณอาร์นี่จะว่ายังไงบ้าง”

ไม่ปฏิเสธมียอดเงินเข้าบัญชี ถ้าบอกว่าไม่ทราบก็คงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ แต่ยันทำทุกอย่างถูกต้อง
ธนสิทธิ์ : “ทราบครับแต่ละคนในครอบครัวทราบ เป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ในเรื่องของการอธิบายเรื่องเส้นทางเงินต่างๆ เราพร้อมที่จะไปอธิบายในกระบวนการยุติธรรมเพราะถ้าบอกว่าไม่ทราบก็เป็นเรื่องผิดปกติแล้ว แต่คือเราทำอย่างถูกต้องซึ่งน้องๆ ทุกคนก็ยืนยันว่าเราทำอย่างถูกต้อง”

“ผมไม่สงสัยเลยว่ายอดเงินที่เข้ามาจากอะไร เพราะผมเป็นคนที่บอกตรงๆ เลยว่ารู้และเห็นอยู่ ว่าคุณอาร์นี่ทำแบบนี้แบบนั้นว่าจะมีการลงทุน 12345 เรารู้ที่เรารู้ในที่นี้ก็คือ เรารู้ว่าอิตาลีจะลงทุนกับ 4-5 คนนี้เราก็เลยไม่ได้สงสัยอะไรเพราะเรามองว่าเป็นการทำธุรกิจ เรารู้ว่าพี่ชายเราติดต่อ ทำธุรกิจกับคนกลุ่มนี้ และรู้ว่าคนกลุ่มนี้เขาลงทุนกันเยอะ คือตอนแรกคุณอาร์นี่เป็นคนพูดเองว่าเขาอยากจะลงทุนเป็นพันๆ ล้าน ซึ่งคำถามที่ผมสงสัยคือคุณเอาเงินมาจากไหน แต่คือเราก็เคยถามเขาแล้วซึ่งเขาก็บอกมาแต่ตรงนี้รอไปถามจากเจ้าตัวเองดีกว่าผมไม่อยากพูดแทนเขา”

“ที่พูดมาแปลว่าเรารู้ว่ามันมีการลงทุนทำธุรกิจในตรงนี้กัน ผมไม่รู้ว่าคุณปริญญาเขาทำอะไร ผมแค่รู้ว่าคุณปริญญากับคุณอาร์นี่เขาทำธุรกิจร่วมกัน เอาใหม่ คือรับรู้ว่ามีการคุยธุรกิจกันของทั้ง 4-5 คนนี้”

สัญชนัท : “ขออนุญาตพูดในฐานะทีมทนาย ในส่วนรายละเอียดของการอธิบายที่มาที่ไปเส้นทางต่างๆ รวมถึงเส้นทางของเงิน เราอยากที่จะให้ผ่านกระบวนการการอธิบายในชั้นศาลก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องมาตีความกันว่ามันเป็นยังไงกันแน่ หลังจากมีการอธิบายในชั้นศาลทางคุณบุญและครอบครัวจะมาอธิบายให้กับสื่อได้ฟังอีกทีหนึ่ง”

ธนสิทธิ์ : “ผมอธิบายแบบนี้ดีกว่าคำว่าทราบมันทราบแค่ไหนทราบอย่างไรตรงนี้ดีกว่า อย่างตัวผมเองได้ทราบจากพี่ชายแต่ทราบอย่างไรแบบไหน ผมขอไปอธิบายที่กระบวนการยุติธรรมก่อน ซึ่งมันมาจากคำถามที่ว่าคุณไม่แปลกใจเหรอที่เงินจำนวนมากเข้าบัญชีของคุณ โดยมีที่มาที่ไปอย่างไร ตอนแรกก็ต้องแปลกใจ แต่พอรู้เหตุผลแล้วก็ไม่แปลกใจ ซึ่งเรื่องนี้เราขอไปพูดในกระบวนการยุติธรรมไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรมดีกว่า เรายืนยันเลยว่า บัญชีหรืออะไรต่างๆ ของครอบครัวเราไม่ได้เกี่ยวข้อง

สัญชนัท : “ในส่วนของบัญชีเส้นทางการเงิน ทางคุณบูมและครอบครัวจริงๆ ก็อยากที่จะบอก แต่คำพูดที่สื่อออกไป อาจจะทำให้เกิดได้ทั้งบวกและลบ จึงอยากจะขออนุญาตขอเวลาสักนิดนึง ให้คุณบูมและครอบครัวได้รับความเป็นธรรมและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ขอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วตกผลึก อย่างไรผู้สื่อข่าวจะได้ทราบกันอย่างแน่นอน”

บูมลั่นพี่ชายไมได้คุยกับครอบครัวทุกเรื่อง
บูม : “ความสัมพันธ์ในครอบครัวคือเรามีการคุยกันบ้างแต่ไม่ได้คุยกันทุกเรื่อง อย่างเรื่องของธุรกิจเราไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่จะมีธุรกิจหนึ่งของฝั่งครอบครัวที่ทางพี่ชายคือคุณปริญญาเป็นคนดูแล ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์”

ธนสิทธ์ : “ในส่วนของผมมีการลงทุน แต่ทางน้องทั้งสองคนไม่มีเรื่องนี้ในรายละเอียดเราขอไม่พูดทั้งหมดดีกว่าเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดี ซึ่งคำว่าทราบไม่ทราบมันมีการตีความได้หลายอย่าง เรื่องข้อเท็จจริงเราขอยังไม่พูดดีกว่า เพราะในส่วนของรูปคดีอย่างที่ผมบอกว่าเราขอยืนยันว่าเราพร้อมที่จะสู้ในกระบวนการยุติธรรมและเราก็ไม่หลบหนีไปไหนนี่คือประเด็นที่สำคัญมาก เราพร้อมที่จะเจอกับทุกคน”

“แต่พอมันเป็นเรื่องของคดีความเราเป็นคนธรรมดาเราไม่รู้กฎหมาย อันนี้คือเรื่องที่เราต้องบอกตรงๆ ถ้าให้เราพูดอะไรไปซึ่งมันมีผลต่อรูปคดี มันจะมีปัญหาทีหลังเราไม่อยากให้ทีมทนายของเราหนักใจ อีกประเด็นหนึ่งที่ผมเรียน คือเรื่องที่ทางครอบครัวเราตกใจกันมากๆ คือทางคุณอาร์นี่ ได้มีการไปฟ้องศาล แขวงดุสิต ตั้งแต่เดือนมีนาคม เพียงแต่ว่าศาลท่านก็ไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีฉ้อโกงซึ่งก็ยังมีการสู้ในกระบวนการยุติธรรมตรงนั้นอยู่ที่ศาลแขวงดุสิต จนมาภายหลังที่เราทราบว่ามีหมายจับในคดีฟอกเงินนี่แหละ”

“ตอนนี้คดีฉ้อโกงก็ยังอยู่ในการพิจารณาอยู่ การเลื่อนโดยทางคุณอาร์นี่ขอเลื่อนศาลเมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา จริงๆ เราก็ได้ขอให้ทางศาลไม่ได้เลื่อนซึ่งเขามาฟ้องแล้วก็ขอเลื่อนเรา เราเองก็รู้สึกว่าทำไมไม่เข้ามาสู้กระบวนการยุติธรรมเลยเราเองก็ยืนยันว่าเราอยากที่จะไปทำให้มันจบเพียงแต่ทางคุณอาร์นี่เขาขอเลื่อนไปเป็นเดือนมกราคมปีหน้าเลย”

สัญชนัท : “ผมแนะทางทีมทนายขอสรุปภาพรวมของคดีทางคุณบูมและครอบครัวของทุกอย่างที่จะมาเปิดใจในส่วนข้อเท็จจริง แต่ในสวนข้อเท็จจริงของคดีฝากพี่นักข่าวติดตามหลังจากทุกอย่าง”











กำลังโหลดความคิดเห็น