การถ่ายทำภาพการ 'ฆ่า' เพื่อเป็นความบันเทิงนั้นไม่ใช่ของใหม่ โดยเฉพาะสำหรับหนังแนวที่เรียกว่า Snuff Film หรือภาพยนตร์ที่ถ่ายทำภาพการฆาตกรรม สำหรับการขายเพื่อความบันเทิง หรือผลกำไร โดยเป็นภาพของจริงที่ไม่ใช่การแสดง ปราศจากเทคนิคพิเศษทางภาพยนตร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งผิดกฏหมาย ทำให้โดยมาก Snuff Film จึงเป็นเพียงตำนานเล่าขาน ขณะที่งานส่วนใหญ่ซึ่งถูกเผยแพร่ เป็นเพียงหนังเลียนแบบ หรือ 'Snuff Film เทียม' ที่จำลองภาพการฆ่าขึ้นมา และถ่ายทำให้สมจริงสมจังที่สุดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการฆ่าสัตว์ที่กฏหมายรุนแรงน้อยกว่าการฆาตกรรมมนุษย์ด้วยกัน ซ้ำร้ายยังถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิดกฏหมายในประเทศอย่างจีน ก็ทำให้ Snuff Film ของสัตว์ กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ และเกิดขึ้นในชาติตะวันตกมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เป็นที่รู้จักในนามของ Animal "Snuff" Films หรือ Crush film
Crush film หมายถึงหนังที่ถ่ายทำภาพการฆ่าสัตว์ ซึ่งไม่ใช่เพียงการฆ่าธรรมดา แต่เป็นการฆ่าด้วยความรุนแรงอย่างสุดโต่ง อาทิ การบีบด้วยมือ หรือกระทืบด้วยเท้า พร้อมบันทึกภาพความเจ็บปวดทรมานก่อนเสียชีวิตของเหล่าเพื่อนร่วมโลกเอาไว้ เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ
หนังประเภทดังกล่าวเป็นงานใต้ดินที่ถูกสร้างเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดทรมานในแบบ S&M หรือ ซาดิสต์ แอนด์ มาโซซิสต์ ที่ความตายของสัตว์ บวกกับการถูกทำลายของเส้นแบ่งทางศีลธรรม กลายเป็นเครื่องกระตุ้นต่อความรู้สึกทางเพศ ของผู้มีรสนิยมอันแปลกแตกต่างบางจำพวก
ส่วนใหญ่คลิปลักษณะนี้จะถ่ายทำโดยมีหญิงสาวเป็นผู้ทำทารุณกรรมต่อสัตว์ ขณะที่ผู้ชมซึ่งมีรสนิยมจำพวกนี้ จะจิตนาการตนเองเป็นสัตว์ และสร้างภาพในหัวว่าตัวเองถูกหญิงสาวในคลิปบดบี้ (Crush) จนเสียชีวิตเช่นเดียวกับพวกสัตว์ อันเป็นรสนิยมทางเพศที่เรียกว่า Crush Fetish
...
กฏหมายต้าน Crush Film
ระยะแรกการสร้าง Crush film ทำกันแบบใต้ดิน และไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ โดยหนังถูกจัดประเภทอยู่กับงานในแบบหนังโป๊ฮาร์ดคอร์ประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวของ Crush film เริ่มถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง จึงก่อให้เกิดการประท้วงมากมาย นำมาซึ่งการออกกฏหมายต่อต้านการเผยแพร่ และสร้างสรรค์งานลักษณะนี้
เมื่อปี 1999 รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกกฏหมายที่ชี้ว่า การผลิต, จำหน่าย, เผยแพร่ และครอบครอง Crush film คืออาชญากรรม อย่างไรก็ตามยังมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีของ "กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา, การเมือง, วิทยาศาสตร์, การศึกษา, การสื่อสารมวลชน, ประวัติศาสตร์ และที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ"
ในปี 2008 ศาลสูงของสหรัฐฯ ได้แบนหนังประเภทนี้ โดยชี้ว่าไม่สามารถใช้ข้ออ้างเรื่องสิทธิของการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูณของสหรัฐฯ มาเป็นข้อโต้แย้งได้
ซึ่งกฏหมายในประเด็นนี้ครอบคลุมไปถึงสัตว์ทุกประเภท ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ปีก จะยกเว้นก็เพียงแค่สัตว์จำพวกแมลง และสัตว์น้ำบางจำพวกเท่านั้นที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง ขณะเดียวกันในอังกฤษ, ออสเตรียเลีย และอีกหลายประเทศก็มีกฏหมายคุ้มครองการทรมานสัตว์เพื่อความบันเทิง และแสวงหากำไรกับงานในแบบ Crush Film เช่นเดียวกัน
เจฟฟ์ วิเลนเซีย ผู้ท้าทายกฏหมาย และประกาศ Crush Fetish เป็นเพียงรสนิยมหาใช่อาชญากรรม
ถึงปัจจุบันหนังประเภทนี้ก็ยังถูกผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดทำและเผยแพร่กันแบบใต้ดิน ซึ่งการเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ต และกระดานข่าวออนไลน์ กลายเป็นสื่อที่ทำให้เหล่าผู้สร้าง และผู้ชม ที่มีรสนิยมสุดโต่ง ได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะรวมถึงคลิปหนังกัน ซึ่งแม้ต้องทำกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ตามที ยังมีคนทำหนังแนว Crush film ผู้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และผู้กำกับ เจฟฟ์ วิเลนเซีย ก็คือหนึ่งในนั้น
ผลงานเรื่อง Smush (1993) ของ วิเลนเซีย เป็นงานที่ถูกส่งต่อกันอย่างแพร่หลาย รวมถึงได้ฉายในเทศกาลหนังหลาย ๆ แห่ง อย่างไรก็ตามเมื่อกระแสต่อต้านงานแนว Crush film กลายเป็นประเด็นทางสังคม วิเลนเซีย เริ่มถูกโจมตีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขากลายเป็นผู้ต้องหารายแรก ที่ถูกดำเนินคดีในกฏหมายห้ามค้าขาย วิดีโอที่เผยแพร่ภาพการทรมานสัตว์ ภายหลังวิเลนเซียจำหน่ายวิดีโอ Crush Film ที่มีลูกหมาเป็นเหยื่อสนองตอบต่อความบันเทิง
วิเลนเซีย ผู้ยอมรับว่าตนเองมีรสนิยมด้านนี้ตั้งแต่เด็กเมื่อจำความได้ ตอนอายุประมาณ 2 หรือ 3 ขวบแล้ว แสดงเจตจำนงค์ว่าเขายังจะมุ่งมั่นในการเผยแพร่รสนิยมแบบนี้ให้กับคนอื่นต่อไป
"แล้วอุตสาหกรรมหนังสัตว์นั่นล่ะ, ชาวประมงอีก ปศุสัตว์ด้วย?" วิเลนเซีย พยายามโต้ข้อกล่าวหาทั้งหมดว่า ภาพยนตร์ของเขาก็ไม่ได้ผิดปกติแตกต่างอะไรกับการทารุณสัตว์รูปแบบอื่น ๆ "มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องนัก ที่คุณสามารถฆ่าสัตว์ทุกประเภทได้อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อเป็นอาหาร, แฟชั่น หรือกีฬา แต่เมื่อกระทำเพื่อตอบสนองการกระตุ้นรสนิยมทางเพศ มันกลายเป็นเรื่องผิดไปซะอย่างงั้น"
วิเลนเซีย ยังอ้างว่ามีผู้ชื่นชอบหนัง Crush film อยู่ประมาณเกือบ 1,000 คนทั่วโลก เป็นข้อมูลที่เขากะประมาณการจากการติดต่อกับคนเหล่านั้นทางอินเตอร์เน็ต
...
ถึงจุดสุดยอดเมื่อ 'ตนเอง' ถูกบดขยี้
อย่างไรก็ตามรสนิยม Crush Fetish ไม่ได้หยุดแต่เพียงการใช้สัตว์ตัวเล็ก ๆ เป็นเหยื่อเท่านั้น เพราะผู้มีรสนิยมทางนี้หลายคน เริ่มรู้สึกไม่หนำใจกับการเห็นชีวิตอื่นถูกคร่าไป แต่เลือกที่จะใช้ร่างกายของตนเองไปกับการเสี่ยงถูกบดขยี้แทน
เมื่อปี 1999 มีคดีความเกิดขึ้นที่เมือง โอกีโชบี เคาน์ตี้ เมื่อนาย ไบรอัน วัย 28 ปี เสียชีวิตอย่างประหลาด โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าเกิดจากพฤติกรรมแปลกประหลาดของ สเตฟานี่ ผู้เป็นภรรยา ที่มีพฤติกรรมฆ่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างกระต่าย และหนู ด้วยการเหยียบย่ำ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศของสามี
โดยในคดีความครั้งนี้ มีการพบศพของเขาในหลุมตื้น ๆ บริเวณบ้าน ซึ่งการเสียชีวิตเกิดจากผู้เป็นภรรยาขับรถสปอร์ตทับไปบนร่างของฝ่ายสามี ซึ่งอยู่ในหลุ่ม ในขั้นตอนของการสอบสวนผู้เป็นภรรยาไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ให้เหตุผลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงกิจกรรมทางเพศระหว่างเธอและสามีเท่านั้น โดยที่เธอไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเขาให้ตายแต่อย่างใด
สเตฟานี่ แสดงหลักฐานเป็นม้วนเทปวิดีโอ ที่ตนเองฆ่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นข้อยืนยันว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเองเป็นไปเพื่อตอบสนอง และกระตุ้นต่ออารมณ์ทางเพศของผู้เป็นสามี สุดท้าย สเตฟานี่ ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ศาลให้รอลงอาญาเอาไว้ พร้อมต้องทำงานบริการชุมชนชดใช้ต่อโทษความผิด นอกจากนั้นยังถูกดำเนินคดีความผิดลหุโทษ จากการฆ่าสัตว์หลาย ๆ ประเภทด้วย
รสนิยม และกิจกรรมทางเพศเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล แต่ Crush Fetish และการสร้าง Crush film ที่กิจกรรมทางเพศมีแนวโน้มไปสู่การเบียดบังชีวิตของตนเอง และผู้อื่น กลายเป็นสิ่งยากจะรับได้ของสังคม จึงไม่สามารถนำเรื่องความเป็นส่วนตัวมากล่าวอ้างได้อีกต่อไป