xs
xsm
sm
md
lg

Johnny English 3 กับความฮาที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


เจมส์ บอนด์ หลบไป... อีธาน ฮันท์ จงหลีกทาง ... นี่คือช่วงเวลาของพยัคฆ์ร้ายสายลับสุดรั่ว ที่การสร้างเสียงหัวเราะคือภารกิจหลัก “จอห์นนี่ อิงลิช” กลับมาอีกครั้งในหนังภาค 3 ซึ่งยังคงความฮาแบบที่ไม่มีคำว่า “ผิดหวัง”

ถือว่าเป็นหนังเด่นประจำสัปดาห์นี้ครับ สำหรับ “Johnny English Strikes Again” หรือ “พยัคฆ์ร้าย ศูนย์ ศูนย์ ก๊าก รีเทิร์น” โดยหนึ่งในเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวของนักแสดงอย่าง “โรแวน แอตคินสัน” ซึ่งถือว่าเป็นเดอะมาสเตอร์แห่งความตลกที่คนทั่วโลกนิยมชมชอบ

ไล่มาตั้งแต่บทบาทการแสดงในซีรี่ส์ชุด “มิสเตอร์บีน” ที่กินเวลายาวนานกว่าครึ่งทศวรรษ เรียกว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และมีการฉายไปทั่วโลก รวมทั้งที่เมืองไทยของเรา โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “มิสเตอร์บีน” กลายเป็นขวัญใจมหาชนคนทั่วโลกได้เพียงนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุคลิกหน้าตาและทีท่าการแสดงของตัวละครหลักซึ่งรับบทโดย “โรแวน แอตคินสัน”

พูดง่ายๆ ก็คือว่า ด้วยคาแร็ตเตอร์ของท่าน “เซอร์โรแวน” ไม่ว่าจะรับบทบาทไหน คนดูผู้ชมก็พร้อมจะสนุกไปกับเขา เช่นเดียวกับหนังอย่าง “จอห์นนี่ อิงลิช” ผมคิดว่า คนดูผู้ชมส่วนใหญ่ก็คงไม่คาดหวังหรอกว่าเนื้อหาจะมาแบบไหนอย่างไร แค่ได้เห็นการแสดงของโรแวน แอตคินสัน ก็มีความสุขแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นหนัง ก็ต้องมีการจัดวางโครงสร้างเรื่องเล่า แม้จะเบาหวิวยังไงก็ต้องมี ซึ่งสำหรับ “จอห์นนี่ อิงลิช” ภาค 3 นี้ก็เช่นกัน หนังพูดถึงยุคสมัยที่ดูจะล้ำหน้าไปไกลอยู่ เพราะทางศัตรูตัวร้ายมีการรุกไล่ทางเทคโนโลยีจนทำให้บ้านเมืองวิกฤต ทีนี้ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลอังกฤษว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ในขณะที่บรรดาสายลับของหน่วยงานสำคัญอย่าง MI7 ถูกเปิดเผยโฉมหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ก็จำเป็นต้องเรียกสายลับรุ่นเก่าๆ ที่ปลดระวางไปแล้วกลับเข้ามาเพื่อปฏิบัติภารกิจไล่ล่าเจ้าวายร้ายตัวนี้

ไม่ต้องบอกก็คงรู้ครับว่า หนึ่งในอดีตสายลับที่ถูกเรียกตัวกลับเข้ามา ก็ย่อมต้องมี “จอห์นนี่ อิงลิช” รวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภายหลังออกจากการเป็นสมาชิก MI7 เขาได้ไปเป็นครูสอนที่โรงเรียนหนึ่ง ซึ่งพอเปิดเรื่องมา หนังก็ทำให้เราเห็นว่า ถึงแม้อิงลิชจะไม่ได้ทำงานในหน่วย MI7 แล้ว แต่ความเป็นสายลับนั้นยังคงติดหนึบอยู่ในเลือดในเนื้อในชีวิตจิตใจของเขา แถมเขายังสนุกกับการนำเอาวิชาความรู้ของสายลับไปสอนเด็กๆ ในโรงเรียนด้วย แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น ต้องรับใช้ชาติ เขาก็เดินอย่างองอาจเข้าไปคัดตัวเพื่อจะชิงความเป็นสายลับเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้รับมอบภารกิจไล่ล้าผู้ร้ายในเรื่อง

ด้วยท่วงท่าลีลาที่ดูซีเรียสเอาจริงเอาจัง ราวกับตัวละครเอกที่หลุดมาจากนิยายของ “เอียน เฟลมมิ่ง” จอห์นนี่ อิงลิช นั้นดูขึงจังเอาจริงมากๆ แต่ทว่ายิ่งทำให้ดูจริงจังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลให้เกิดความฮามากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ (และเราก็คงจะสัมผัสได้ในหนังภาคก่อนๆ) ว่าตัวละครจอห์นนี่ อิงลิช นั้นคือประดิษฐกรรมแห่งความล้อความอำสายลับสายหล่อ อย่างเช่น เจมส์ บอนด์ ดังนั้น บุคคลิกอะไรก็ตามที่เจมส์ บอนด์ ทำแล้วหล่อทำแล้วเท่ ก็ถูกถ่ายเทมาสู่มิสเตอร์อิงลิช เพียงแต่ผลลัพธ์มันไม่ใช่ความเนี้ยบเฉียบหรู แต่เป็นความตลก

1 ชั่วโมง 28 นาที คือความยาวของหนังทั้งเรื่องที่รู้สึกว่าสั้นเกินไป เพราะมันฮามากจนเราไม่อยากให้มันจบ โดยตลอดทั้งเรื่อง เรียกว่ามีความตลกบังเกิดอยู่แทบตลอดเวลา และอย่างที่บอกครับว่า ด้วยบุคลิกท่าทางของโรแวน แอตคินสัน ก็เพียงพอต่อการสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้แล้ว นั่นยังไม่นับรวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

ผมให้คะแนน 10 เต็ม 10 ในความเป็นหนังตลกที่ทำออกมาได้ตลกจริงๆ ส่วนเรื่องสาระแก่นสาร ก็กล้อมแกล้มพอผ่าน มันมีความจิกกัดสหราชอาณาจักรที่ยังเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่พอสมควร ขณะเดียวกันก็เสนอให้เห็นภาพความน่ากลัวที่มาพร้อมกับความล้ำๆ ทางเทคโนโลยี ก็ถือว่าเกาะกระแสยอดฮิตของโลกยุคปัจจุบันและวันข้างหน้า ซึ่งจะว่าไป ภัยจากพวกแฮ็กเกอร์นี่ดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นทุกที เรียกว่ามีข่าวอยู่เรื่อยๆ และเชื่อว่าจะยังคงมีอยู่ต่อไป

สุดท้าย ก็ดูเอาขำๆ ฮาๆ ได้ครับ สำหรับพยัคฆ์ร้ายสายลับสุดรั่วสายเลือดอังกฤษคนนี้อย่าง “จอห์นนี่ อิงลิช”









กำลังโหลดความคิดเห็น