xs
xsm
sm
md
lg

บีบหัวใจลูก! “ทราย” สุดช้ำ พาแม่รักษาอาการป่วยสมองเสื่อมด้วยวิธีช็อตไฟฟ้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ทราย” สุดปวดใจ พาแม่เข้ารพ.ศรีธัญญา รักษาอาการป่วยโรคสมองเสื่อมด้วยวิธีช็อตไฟฟ้า หลังมีแนวโน้มทำร้ายตัวเองมากขึ้น ทำใจไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมอีก ถอนใจไม่รู้จะให้กำลังใจตัวเองอย่างไร โชคดียังมีงาน ทำให้ตัวเองมีคุณค่า

แม้วันนี้แม่จะออกมาจากรพ. ศรีธัญญาแล้ว แต่ “ทราย เจริญปุระ” ก็ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยช่วงนี้เจ้าตัวรับงานละครมากขึ้น เพราะต้องนำเงินเป็นค่ารักษา และงานทำให้ตัวเองมีคุณค่า ซึ่งทรายเล่าอย่างปวดใจว่า ก่อนหน้านี้ต้องพาแม่รักษาด้วยวิธีช็อตไฟฟ้า เพราะมีแนวโน้มทำร้ายตัวเองมากขึ้น

“กลับมารับงานมากขึ้น ช่วงที่หายไปเราก็ไปโม่ผลงานอยู่ค่ะ ก็วิ่งวนอยู่ในกองถ่ายต่างๆ แล้วพอมันเสร็จก็ออนแอร์พร้อมๆ กันเลย (หัวเราะ) เราก็กลัวคนเบื่อนะ ความพอดีอยู่ตรงไหน พอไม่มีก็หายไปเลย พอมีก็มาเต็มเลย 5 วันติดเลยในทีวี แต่ก็โอเคค่ะ ไม่โกรธๆ จ้างได้นะคะ (หัวเราะ) ชอบ แฮปปี้ แต่ 7 วันก็แน่นอยู่ค่ะ อันนี้ก็เป็นอีกข้อนึงที่ดี เพราะทีวีเดี๋ยวนี้ก็มีช่องเยอะ ก็หลากหลายขึ้น ก็เป็นข้อดีของเราที่เราก็เล่นได้กว้างขึ้นไปอีก ก็รู้สึกว่าเราก็มาอยู่ในช่วงที่ดีของวงการ”

“ทำงาน 7 วันไม่เหนื่อย (หัวเราะ) ก็ยังมีวันได้พักบ้าง ได้ไปเขียนงาน เขียนหนังสือ ก็รับทุกบท แม่ ป้า น้า พี่ บ่าว ทั่วราชอาณาจักรค่ะ ทุกตำแหน่งที่วนเวียนอยู่รอบๆ นางเอกนี่ได้หมด ได้ครบทุกสาย หลายคนบอกว่าก็ยังเล่นเป็นตัวเมนได้นะ คือก็ยังได้ แต่มันก็เหนื่อย (หัวเราะ) คือต้องบอกตรงๆ ว่าสมาธิทรายตั้งแต่แม่ป่วย บางทีเวลาเราอยู่กับละครมากๆ แบบนั้นมันไม่ได้แล้ว เราก็อยากจะแบ่งเวลามาเจอเขาบ้าง เพราะถึงจะเล่นเป็นนางเอกอะไรยังไงแม่ก็คงจะจำไม่ได้ เอาที่แม่ยังจำเราได้ดีกว่า”

บอกแม่ไม่ทันเตรียมใจว่าต้องมีอาการสมองเสื่อม ทำใจไม่ได้ที่ต้องเป็นคนป่วย ปวดใจต้องพาไปรักษาด้วยวิธีช็อตไฟฟ้า
ต้องบอกว่าสำหรับคนที่มีผู้สูงอายุในครอบครัวที่มีอาการสมองเสื่อมด้วยนะคะ จริงๆ แล้วแม่ทรายเรื่องอาการก็ส่วนนึง แต่ส่วนนึงที่เหมือนเขาจะเป็นเยอะมากก็คือเขาไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลยที่จะเป็น เพราะตอนพ่อเป็นเขาก็ดูแลพ่อมา ก็เลยไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น เพราะเขารู้สึกว่าเขายังสาวอยู่ แต่พอวันนึงเขาเป็นเขาก็รู้สึกทำใจไม่ได้ที่จะเป็นคนป่วย”

“คือเขายังไม่ทันทำใจ เพราะลูกก็โตแล้ว ไปกองถ่ายเองได้ เขาก็น่าจะไปทำโน่นทำนี่ได้ แต่เขากลับมาป่วย ก็เลยทำให้อาการที่จริงๆ มันไม่ได้หนักขนาดนั้น แต่มันกลับหนักมากๆ ขึ้นไปอีก ต้องแอดมิด ต้องทำ ECT ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกดีนะที่ต้องพาแม่ไปทำ ECT ซึ่งทุกคนก็บอกว่าพาไปช็อตน่ะเหรอ ช่วยใช้คำที่นุ่มนวลกว่านั้นได้มั้ยคะ คือเราก็ไม่ได้อยากที่จะอยู่ๆ เอาไฟไปช็อตแม่นะ แต่ถ้าเขามีแนวโน้มที่จะทำร้ายตัวเอง เราก็ไม่รู้จะทำยังไง”

“ตอนนี้ออกมาจากศรีธัญญาแล้วค่ะ ตอนนั้นที่ไปในรอบแรกก็คือต้องไปจริงๆ เพราะอารมณ์เขาดิ่งลงเรื่อยๆ แล้วเรารับไม่ไหว ก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ อีกรอบที่เข้าไปก็คือไปทำ ECT ก็คือช็อต ต้องใช้ไฟฟ้า เพราะพอเขาดิ่งลงเรื่อยๆ เขาก็จะมีแนวโน้มที่ทำร้ายตัวเอง ซึ่งเราเผลอไม่ได้เลย เพราะถ้าเขามีความพยายามที่จะทำนี่เขาก็จะทำจนได้นะ มีวันนึงที่แม่แอบกินยาเกินขนาด เขาสะสมของเขาไว้ ซึ่งเราก็ต้องพาหาหมอแล้วล่ะ”

เผยแม่เหมือนถูกขังอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง เดินได้ แต่ไม่ยอมทำ
“ก็มีพี่เลี้ยงค่ะ ก็ต้องป้อนข้าว ใส่ผ้าอ้อมกันแล้วค่ะ ถามว่าดีขึ้นหรือทรงๆ คือร่างกายเขาแข็งแรงนะคะ แต่เขาเหมือนถูกขังอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงแล้วเขาไม่ใช้มันน่ะ เขาเดินได้นะ แขนขายังดี กระดูกไม่เป็นอะไร แต่เขาไม่ยอมทำ”

“เขาจำเราได้ค่ะ แต่ก็มีบางทีที่งงๆ เหมือนกัน บอกว่าเมื่อคืนแม่เห็นที่บ้านมีคนแทงกัน เราก็คิดว่าพี่เลี้ยงต้องเปิดละครให้แม่ดูใช่มั้ย บางทีเขาจะสับสนเรื่องจริงกับเรื่องข่าวในทีวี”

ทำใจกลับมาหายเหมือนเดิมไม่มีอีกแล้ว
ยังไม่หาย คือทำใจไปเลยว่าคำว่าหายกลับมาเป็นเหมือนเดิมมันไม่มีแล้ว เพราะมันเสื่อมมาจากข้างใน แต่วิธีที่ช่วยได้สำหรับใครที่มีพ่อแม่เป็นแบบนี้ ก็ช่วยพาเขาไปเดิน ชวนเล่น ให้ทำกิจกรรมที่บริหารสมอง ให้เขาได้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ก็จะดีกว่า เพราะช่วงแรกที่เขาป่วยทรายก็ทำงานตลอด คือเราไม่ได้ทิ้งหรอก เราก็กลับบ้านทุกวัน แต่เขารู้สึกว่าเขาไม่เห็นเราเกิน 3-4 ชม. เขาก็ไม่แฮปปี้แล้ว”

งานแน่นแต่ต้องแว้บไปเฝ้าแม่ ให้รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา
“เยอะค่ะ แต่ก็มีแว้บๆ กลับมาหาเขา เขาก็มีถามว่าเมื่อวานมาหาฉันหรือเปล่า ทรายก็บอกว่าไปสิ เพิ่งมา ก็คือต้องมีเล่นกลนิดหน่อย (หัวเราะ) เขาจะได้รู้สึกว่ามีคนอยู่กับเขาตลอดค่ะ”

ถอนใจยาวไม่รู้จะให้กำลังใจตัวเองยังไง แต่ได้ออกมากองถ่าย อย่างน้อยก็มีประโยชน์ รู้สึกตัวเองมีคุณค่า
(ถอนหายใจ) ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แค่รู้สึกว่าได้ออกมาทำงาน เจอพี่ๆ เจอน้องๆ เจอเพื่อนๆ มันก็เป็นกำลังใจอย่างหนึ่งที่เรายังมีประโยชน์ หมายถึงเรายังมีประโยชน์กับแม่ด้วยที่เรายังออกมาทำงานได้นะ ดูแลเขาได้ อาจจะนั่งเฝ้าเขาตลอดเวลาไม่ได้ แต่ถ้าต้องนั่งเฝ้าเขาตลอดแล้วยาแม่ก็แพงนะ แต่เรายังออกมาทำโน่นทำนี่ และเวลาเล่นละครหรือถ่ายหนังแล้วผู้กำกับหรือทีมงานเขาแฮปปี้กับเรา เราก็ยังรู้สึกดีว่าเราโอเคอยู่ เรายังมีคุณค่า (ยิ้ม)”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่https://mgronline.com/entertainment)





กำลังโหลดความคิดเห็น