นายอลงค์กร จุฬารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต บริษัททริลเลี่ยนส์ แอนด์ ทรีไลอ้อนส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังจะปรับแผนการตลาดหลายด้าน เช่น การปรับโฉม รายการกระจกหกด้าน เปลี่ยนชื่อเป็น รายการกระจกหกด้านบานใหม่ ปรับภาพลักษ์รายการให้ทันสมัย เข้ากับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่มีพฤติกรรมการรับชม เนื้อหารายการประเภทสารคดี ที่เปลี่ยนไป โดยจะปรับเนื้อหาให้มีความหลากหลาย เน้นให้เป็นรายการสารคดีที่ให้ความรู้ อีกทั้งเพิ่มความชัดเจนของภาพ แสง สี เสียง ให้มีความทันสมัย เหมาะกับยุคดิจิทัล ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง7
นอกจากนี้ยังจะเดินหน้าปรับปรุงรายการ ร้อยเรื่องเมืองไทย ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง7 เช่นกัน โดยจะปรับปรุงเนื้อหา และโปรดักชั่น ให้ทันสมัย โดยเชื่อมั่นว่าจะดึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็นคอสารคดีต่างประเทศ ให้หันมารับชมรายการสารคดีไทย เน้นหายังคงเน้นเรื่องศิลปวัฒนธรรมไทย การท่องเที่ยว กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยทั้ง 2 รายการหลัก รายได้ของบริษัทจะมาจาก สปอนเซอร์โฆษณา เป็นหลัก
โดยแผนงานทั้งหมดนี้ เป็นการปรับแผนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของแบรนด์กระจกหกด้าน จะยังคงเป็นที่รู้จักของผู้ชม โดยเฉพาะส่วนคนพากย์ ที่เป็นเอกลักษณ์ เชื่อว่าจะเป็นจุดขายสำคัญ ทำให้แบรนด์แข็งแกร่ง พร้อมกันนี้ยังจะนำรายการทั้ง 2 รายการ รุกตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทาง ยูทูบ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ อีกด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้รับชม และเพิ่มโอกาสการทำธุรกิจ ในการหารายได้ใหม่ ผ่านช่องทางออนไลน์ และเป็นการพร้อมรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่รับชมรายการผ่านช่องทางออนไลน์ มากขึ้น
ขณะเดียวกัน แผนงานด้านออนไลน์ ปีนี้ถือว่าเป็นการรุกการตลาดออนไลน์ อย่างหนัก ได้ทดลองหลายอย่าง เช่น เฟซบุ๊กแฟนเพจไชโยโอป้า จะเป็นการทำรายการสารคดี ที่ให้ความรู้ เนื้อหาเหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ โดยจะเป็นการนำเอกลักษณ์ ที่โดดเด่นของรายการ คือคนพากย์เสียงรายการกระจกหกด้าน บานใหม่ มาทำรายการ เป็นรายการทอล์กเปิดหน้า นอกจากนี้ยังได้เปิด เว็บไซต์ ชื่อ www. Mirror6.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ ที่จะรวบรวมรายการกระจกหกด้าน เทปเก่ามารีรัน ให้ผู้ชมได้ชมอีกครั้ง รวมถึงนำเสนอรายการในรูปแบบใหม่ๆ อีกด้วย
“โมเดลธุรกิจของเราจะไม่เน้นให้เหมือนเน็ตไอดอล แต่เราจะเน้นทำรายการผ่านออนไลน์ ที่มีเนื้อหาสาระเกร็ดความรู้ แต่ก็จะสอดแทรกความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ ซึ่งจะนำจุดขายคือคนพากย์เสียงรายการกระจกหกด้านมา จัดรายการ ทดลองมาแล้ว3 เดือน มีคนติดตามแล้ว 80,000 คน ส่วนที่รับจ้างผลิตก็จะเลือกแคมเปญ หรือหนังสั้น โฆษณา ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นหลัก” นายอลงค์กร กล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนงานทั้งหมดนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ ประมาณปี 2562 หลังจากปีนี้ ได้ทดลองระบบ และจะเป็นตัวสร้างรายได้เข้าบริษัทในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังจะเดินหาลูกค้าที่จะมาว่าจ้างให้ผลิตสปอตโฆษณา หรือสารคดี หนังสั้น ที่เป็นไวรอล เน้นข้อมูลที่เป็นความรู้ โดยปัจจุบันโมเดลธุรกิจ นี้กำลังไปได้ดี แนวโน้มจะสดใส
สำหรับแนวโน้มเรื่องอุตสาหกรรมโฆษณา ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศราฐกิจ มองว่าจากนี้ไปจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้งปีหน้า ด้านรายได้ในปีนี้ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 60-70 ล้านบาท โดยรายหลักมากจากโฆษณา 60% และรับจ้างผลิต40 % ในอนาคตออนไลน์จะเป็นตัวทำรายได้เข้าบริษัทมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังจะทำทัวร์ศิลปวัฒนธรรม เป็นตัวเสริมธุกิจอีกด้วย