สาวงามจาก “มิชิแกน” ใช้ช่วงเวลาสำหรับการแนะนำตัวบนเวทีประกวด “มิสอเมริกา” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อประจานความล้มเหลวในการจัดการน้ำของเมืองฟลินต์ บ้านเกิดของเธอ
แทนที่จะแนะนำตัวไปตามปกติ เอมิลี ซิโอมา มิสมิชิแกน กลับบอกว่า เธอมาจาก “รัฐที่น้ำ 84% ล้วนเป็นน้ำสะอาด แต่ประชาชนที่อยู่อาศัยทั้งหมดกลับไม่ได้บริโภคน้ำสะอาดเหล่านั้นเลย” จนเรียกเสียงฮือฮา และกลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อต่างๆ ทันที
ประเด็นที่ซิโอมา หยิบยกขึ้นมาก็คือ ปัญหาวิกฤตน้ำประปาของเมืองฟลินต์ ในมิชิแกน ที่เกิดจากความบกพร่องในการบำบัด และส่งน้ำ ถึงกับทำให้น้ำจากท่อประปาที่ส่งไปถึงประชากรมากกว่า 100,000 หลังคาเรือนปนเปื้อนพิษจนไม่สามารถนำมาบริโภค หรือใช้สอยได้ ซึ่งว่ากันว่า น้ำที่ไม่สะอาดได้ทำให้คนเสียชีวิตไปแล้วถึง 12 คน
แม้จะมีการแก้ไขปัญหาไปบ้างแล้ว แต่ชาวบ้านก็ต้องรอนานถึงปี 2020 กว่าจะมีการเปลี่ยนท่อส่งน้ำที่มีส่วนทำให้น้ำปนเปื้อนสารผิด ซึ่งชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่พอใจในการแก้ปัญหา รวมถึงตัวของสาวงาม เอมิลี ซิโอมา
ซิโอมา บอกว่า เธอไตร่ตรองเรื่องนี้มาพอสมควร และคิดเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะพูดถึงประเด็นปัญหาท้องถิ่นบนเวทีประกาศมิสอเมริกา “ฉันภูมิใจที่เป็นตัวแทนของรัฐมิชิแกนค่ะ แต่ในขณะที่เรานำเสนอสิ่งดีๆ ของรัฐออกไป เราก็ต้องสามารถที่จะนำเสนอเรื่องความลำบากของผู้คนออกไปด้วย”
และไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาของชาวเมืองฟลินต์เท่านั้น แต่เอมิลี ซิโอมา ยังแสดงจุดยืนต่อต้านการกระทำรุนแรงต่อเพศหญิงด้วย เพราะเธอบอกว่า ตนเองก็เคยตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศเช่นเดียวกัน “ฉันเคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาแล้ว ตอนสมัยที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน จึงสำนึกว่าเราต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือเหล่าเหยื่อ”
สุดท้ายในการประกวด มิสอเมริกา 2019 เอมิลี ซิโอมา ไม่สามารถผ่านเข้ารอบเป็น 1 ใน 15 คนสุดท้ายได้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ซิโอมา ก็เชื่อว่า เธอตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว “สำหรับฉันมันคุ้มค่าแล้ว บนเวทีมีแต่คนเก่งๆ และสวยๆ ซึ่งก็มีโอกาสสูงอยู่แล้วที่ฉันจะไม่ได้ผ่านเข้ารอบ ไม่ว่าจะได้มงกุฎรึเปล่า เราก็ต้องพยายามที่จะทำอะไรให้ได้ และฉันก็ได้ทำมันลงไปแล้ว”
ในท้ายที่สุด นิอา แฟรงคลิน จากนิวยอร์ก คือ ผู้คว้ามงกุฎประจำปี 2019 ไป แต่ดูเหมือนว่า เอมิลี ซิโอมา จะกลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดไปโดยปริยาย