จบข่าว “ฟิล์ม ธนภัทร” มีคนคุยแล้วจ้า ปิดจ็อบจิ้นกับ “เมย์ พิชญ์นาฏ” ของจริงไม่พูดเยอะเจ็บเยอะ รอเวลาที่เหมาะสมตอนนี้ขอคบแบบเพื่อนไปก่อน
หล่อและฮอตสุดๆ ตอนนี้ต้องยกให้ “ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ” บอสวศิน แห่ง เมีย 2018 ที่มักจะมีข่าวจิ้นกับ “เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร” เม้าว่าฟิล์มส่งดอกไม้ไปให้เมย์ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็พูดเต็มปากขณะมาร่วมงานเรียลครีมปาร์ตี้ 9 ว่า ไม่เคยส่งดอกไม้ให้เมย์และมีคนคุยๆ อยู่แล้ว แต่รอเวลาที่เหมาะสมตอนนี้คบแบบเพื่อนไปก่อน
“คิวตอนนี้ก็น่าจะถึงปลายปีแล้วครับ เพราะคิวละครค่อนข้างเยอะไม่ใช่คิวอีเว้นท์ ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างมีอีเว้นท์เยอะครับแต่หลังจากนี้ส่วนมากก็จะให้เวลากับละครมากกว่า ตอนนี้ก็เก็บตัวอยากซื้อบ้านครับ หลักๆ คืออยากให้ได้บ้านก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน ใจจริงอยากได้ในเมือง แต่ในเมืองก็อย่างที่รู้ๆ กัน ไม่มีงบตายตัวครับดูตามความเหมาะสมตามโอกาสและเวลา ถ้ารู้สึกว่าจังหวะนั้นมันเหมาะสมกับเวลานี้บ้านแบบนี้ก็อาจจะซื้อเลย”
“จุดประสงค์หลักคือผมเป็นคนต่างจังหวัด ผมก็เลยอยากมีบ้านที่กรุงเทพฯ และอยากให้คุณพ่อคุณแม่เวลามาหาเราเขาจะได้มีที่นอนดีๆ เขาก็สามารถย้ายมาอยู่กับเราได้เลยด้วย ก็รอให้คุณแม่เขาเกษียณก่อนก็ใกล้แล้วครับ”
ปฏิเสธไม่ได้ส่งดอกไม้ให้ “เมย์ พิชญ์นาฏ”
“ไม่ใช่ของผม ถ้าอยากรู้ว่าของใครต้องถามพี่เมย์ ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง ผมก็ว่าตลกดีเพราะคนก็จิ้นเรากับพี่เมย์ก็น่ารักดี แต่ก็ไม่ใช่ของผม ถ้าอยากรู้ต้องถามพี่เมย์ว่าเจ้าของดอกไม้คนนั้นคือใคร ส่วนที่พี่เมย์ติดแฮ็ชแท็กว่า #แฟน 2018 คนเลยคิดว่าเป็นผม อันนี้ต้องถามพี่เมย์แล้วล่ะ ก็ยังไม่ได้คุยกับพี่เมย์เลย แต่รู้สึกว่าตอนนี้เวลาคอมเม้นท์แซวพี่บี (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) ก็จะเป็นที่จับตามอง คือผมก็คุยกับพี่เมย์เป็นปกติแล้วอยู่ดีๆ คนก็จับไปจิ้น”
เจอหน้า “เมย์” ไม่เขินเพราะสนิทกับนักแสดง เมีย 2018 ทุกคน
“ก็ปกตินะ อย่างที่บอกว่าทุกคนในกองเราก็สนิทกัน ทั้งพี่เมย์ พี่บี มารี พี่ตุ๊ก คือกองเราค่อนข้างสนิทกันหมด นักแสดงก็น้อยและเราเข้าบทกันค่อนข้างเยอะ ก็เลยสนิทกัน”
เผยมีคนคุยแล้วแต่ยังไม่ได้โฟกัสใครเป็นพิเศษ
“ก็มีเข้ามาคุยแหละ แต่ผมทำงานขนาดนี้จะเอาเวลาไปคุยกับใคร มันก็มีแหละแต่เราไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น อยากโฟกัสแค่เรื่องงาน เพราะวันๆ หนึ่งๆ มีแต่งาน เจอนักข่าวมากกว่าเจอบ้านตัวเองอีก ก็ยังไม่มีขนาดนั้น เราโฟกัสเรื่องงาน ถ้าเอาเขาเข้ามาแล้วเราจะดูแลเขายังไง ตอนนี้ก็มีเข้ามาบ้าง เราก็คุยเรื่อยๆ ไม่ได้โฟกัสใคร ไม่ได้กลัวเรื่องภาพนะครับ แต่เรากลัวเรื่องเวลาที่จะให้เขามันไม่มี ผมว่ามันคือเวลา คือความรู้สึก ถ้าใครที่เข้ามาเราก็อยากดูแลเขาให้ดี ไม่อยากให้เอาเขามาแล้วทิ้งๆ ขว้างๆ ถ้าอยู่ในสถานะเป็นเพื่อนกันไปก่อนผมว่ามันดีกว่า”
“ผมเป็นคนจริงจัง ถ้าสมมติว่าเราเลือกจะคบหรือคุยกับใครสักคนครับ แต่ผมก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองเราก็เปิดให้เขาเข้ามา ถ้าใช่มันก็ใช่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ก็ต้องรอเวลาที่มันใช่จริงๆ ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ มันเป็นไปตามความรู้สึกและความเหมาะสมเลย ถ้ามันสมควรถึงแก่เวลา เราก็โอเคที่จะมี”