นี่เป็นหนังผีอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ที่หลายๆ คนรอคอย และยิ่งมีความเกี่ยวข้องกับ “เดอะ คอนจูริ่ง” (The Cojuring) ซึ่งเป็นหนังผีสุดหลอนด้วยแล้ว มีหรือที่จะพลาดได้
พาไปทำความรู้จัก “ที่มาที่ไป” และมวลสาร ซึ่งร่วมกันก่อตัวเกิดเป็นความน่ากลัวที่จะส่งมอบความหลอนทุกโรงภาพยนตร์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
สำหรับคนที่ดูหนังผี และเคยดู “เดอะ คอนจูริ่ง” (ภาค 2) มาแล้ว คงจะจำภาพเขียนแม่ชีที่โผล่มาแว้บๆ แต่แนบความหลอนระดับสิบติดมาด้วยนั้นได้นะครับ ตอนนั้น หลังจากตกใจอกสั่นขวัญแขวนกับความน่าสะพรึงของภาพดังกล่าวแล้ว ก็ให้นึกสงสัยใคร่รู้ว่าแม่ชีในภาพนั้นเป็นใครมาจากไหน
แม้กระทั่งเจมส์ วาน ซึ่งเป็นผู้กำกับหนังเรื่องดังกล่าว (คนกำกับคือโคริน ฮาร์ดี้ จากเรื่อง The Hallow) ก็ยังเซอร์ไพรส์กับความสนใจของคนดูผู้ชม เพราะเธอโผล่มามีบทบาทเพียงน้อยนิด แต่กลับส่งผลสืบเนื่องได้อย่างมหาศาล ทำให้เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าหากจะล้วงลึกถึงเรื่องราวที่มาที่ไปของเธอ เรื่องมันควรจะเป็นประมาณไหนอย่างไร และนั่นก็เป็นที่มาสำคัญของหนังภาคแยก (Spin-off) ในชื่อว่า “เดอะ นัน” (The Nun) ที่เพียงแค่ปล่อยข่าวว่าจะทำออกมา ก็เรียกความสนใจจากคนดูได้อย่างท่วมท้น
อันที่จริง อานุภาพความหลอนของหนังอย่างเดอะ คอนจูริ่ง ได้เปิดจักรวาลแห่งเรื่องผีขยายแยกออกไปถึง 2-3 เรื่อง เริ่มตั้งแต่ตุ๊กตาผีแอนนาเบล (Annabell) ที่ทำไปแล้ว 2 ภาค อีกเรื่องคือ The Crooked Man ที่เดาว่าน่าจะเข้าฉายในปี 2018 และอีกหนึ่งเรื่องก็คือผลงานเรื่องนี้ เดอะ นัน...
เดอะ นัน จะพาเราย้อนไปถึงเรื่องราวครั้งเก่าก่อน เกี่ยวกับแม่ชีสาวจากโบสถ์เงียบแห่งหนึ่งในโรมาเนีย ซึ่งได้ปลิดชีวิตตนเองลงอย่างเป็นปริศนา นักบวชและแม่ชีฝึกหัดจากวาติกัน จึงถูกส่งตัวไปเพื่อสืบหาสาเหตุ และ ณ ที่แห่งนั้น พวกเขาได้พบกับสาส์นลับจากปีศาจ อันนำพาให้ทั้งสองต้องเผชิญกับพลังงานที่มุ่งร้ายซึ่งมาในรูปลักษณ์ของ “แม่ชีปีศาจ” เช่นเดียวกับโบสถ์ที่ต้องกลายมาเป็นสถานที่ต่อสู้อันน่าสยดสยองระหว่างผู้มีชีวิตและวิญญาณร้าย
ใน “เดอะ นัน” ถึงแม้ว่า “เจมส์ วาน” จะไม่ได้เป็นผู้กำกับ เพียงแค่นั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ แต่เขาในฐานะผู้เปิดทางให้กับแม่ชีปีศาจได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกต่อคนดูผู้ชม ได้ให้ความเห็นไว้ว่า หนังเรื่องนี้มีจุดศูนย์กลางไอเดียอยู่ที่ว่า สิ่งที่มีศรัทธาในพระเจ้าและเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแม่ชี กลับกลายเป็นปีศาจไปได้อย่างไร ซึ่งในนั้นก็มีเรื่องราวลึกลับที่สร้างความระทึกให้ผู้ชมได้อย่างถึงขีดสุด
นอกเหนือจากประวัติความเป็นมาของแม่ชีปีศาจ อีกหนึ่งปัจจัยเสริมซึ่งทำให้หนังเรื่องมีความน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ก็คือเรื่องของ “โลเกชั่น” โดยหนังเรื่องนี้ยกกองกันไปถ่ายที่ปราสาทแห่งหนึ่งในทรานซิลวาเนีย ประเทศโรมาเนีย ซึ่งปราสาทดังกล่าวจะถูกนำมาจำลองเป็นโบสถ์ที่มีอายุหลายปี ให้ภาพความน่าสะพรึงได้เป็นอย่างดี ทั้งด้วยรูปทรงโครงสร้าง ทั้งด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ที่ตั้งอยู่อย่างเดี่ยวๆ แยกตัวเองออกไปจากอาคารบ้านเรือนหรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งในแง่หนึ่งก็เป็นเหมือนภาพสะท้อนถึงชีวิตของแม่ชีที่ดำรงอยู่อย่างแยกตัวออกจากโลกส่วนอื่นๆ
กลุ่มแม่ชีจะถูกจำกัดอยู่ในโบสถ์แห่งนี้ และพวกเธอต้องรับมือกับความชั่วร้ายที่แทรกซึมผ่านเข้ามา พยายามขัดขวางความชั่วร้ายที่จะเข้ามาสู่โลกของมนุษย์ ผ่านรูปแบบงานสร้างและการเล่าเรื่องไสตล์ “โกธิค” ซึ่งเป็นสไตล์คลาสสิกที่เจมส์ วาน ในฐานะโปรดิวเซอร์ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“โกธิค” (Gothic) เป็นคำเรียกที่หมายถึงสไตล์ทางศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งนำไปใช้ครอบคลุมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสถาปัตยกรรม โบสถ์วิหาร จิตกรรมฝาผนัง การเขียนลวดลาย รวมไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การเล่าเรื่อง หรือแม้แต่ดนตรี ซึ่งอารมณ์รวมๆ ของโกธิคทั้งหมด มักจะก่อให้เกิดความรู้สึกลึกลับดำมืด แลน่าหวาดกลัว หรือถ้าเป็นมิวสิกสกอร์ในหนัง ก็ฟังแล้วชวนขนลุก ถ้าเป็นชุดเสื้อผ้าก็แลดูน่าสะพรึง
และโดยส่วนใหญ่ ศิลปะสไตล์โกธิคนี้ ถ้านำมาใช้กับวรรณกรรมหรือภาพยนตร์ ก็มักจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการฆาตกรรม สยองขวัญ หรือเรื่องลึกลับอย่างภูติผีปีศาจ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด หากเจมส์ วาน มีความปรารถนาจะใช้สไตล์นี้ในหนังเดอะ นัน ซึ่งองค์ประกอบทุกอย่างจะถูกจัดวางตามสไตล์โกธิคทั้งหมด ตั้งแต่ตัวเรื่องที่ลึกลับ สถานที่ที่ลี้ลับ (อย่างโบสถ์ในทรานซิลวาเนีย) คอสตูมที่ดูขรึมขลัง (เสื้อผ้าและชุดคลุมสีเข้ม ฉากสีเข้ม) รวมไปจนถึงดนตรีประกอบ เรียกได้ว่า หนังครอบคนดูไว้หมดด้วยองค์ประกอบทุกส่วนเพื่อเสพรับความหลอนกันอย่างเต็มที่
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ช่วยขับเน้นเรื่องความหลอนของหนังเรื่องนี้ก็คือการเล่นกับกล้องและการใช้มุมกล้องเพื่อใช้ถ่ายทำมุมมองต่างๆ ของตัวละคร อย่างเช่นการใช้กล้อง Steadicam ในฉากของซิสเตอร์ไอรีน เพื่อให้ผู้ชมเห็นความแตกต่างว่าอะไรจริงหรือไม่จริง หรือใช้กล้องแฮนด์เฮลด์เวลาที่เราดูจากมุมมองของคุณพ่อบูร์ค (บาทหลวงในเรื่อง) เพราะเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ตื่นเต้น และทุกอย่างเกิดขึ้นกับเขาจริง
มาถึงตรงนี้ จะว่าไป “คุณพ่อบูร์ค” ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ช่วยเติมเต็มเรื่องความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าผีแม่ชี เป็นเรื่องของการการต่อสู้ระหว่างความดีกับนักบวชที่ถูกความชั่วร้ายครอบงำ เรื่องราวของคุณพ่อบูร์คก็มีแง่มุมให้ติดตามค้นหาเช่นกัน
คุณพ่อบูร์คเป็นคนที่มีศรัทธาและเป็นนักล่าปีศาจ เขาเชื่อว่าจะช่วยทั้งโลกและปีศาจได้ในเวลาเดียวกัน เขาเป็นนักต่อสู้ในเครื่องแบบที่ต่างออกไป เขาเองก็ถูกความชั่วร้ายของตัวเองตามหลอกหลอน และนั่นเป็นการต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญทุกวันในชีวิต ดังนั้นแล้ว นอกเหนือไปจากเรื่องราวของแม่ชีที่ถูกปีศาจครอบงำ รังสีแห่งความหลอนยังพุ่งมาอีกจากหลายทิศทาง ไม่เว้นแม้กระทั่งจากตัวของบาทหลวงเอง
ไม่ว่าจะอย่างไร The Nun ยังคงมีสไตล์ที่ชัดเจนจากหนัง The Conjuring ทุกภาค แม้จะก้าวสู่อนาคตหรือย้อนไปอดีตกี่ปีในการเล่าเรื่องราว ก็ยังคงมีสไตล์ตามความเชื่อแบบเจมส์ วาน ที่ปรากฎในภาคแรก เหมือนผู้ที่มีความชำนาญมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญคือ หลอนจริง!