จาก(ข่าว)เดิม “สวนสัตว์ดุสิต” หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “เขาดิน” จะปิดตำนานลงเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 61 ที่ผ่านมา เพื่อทำการย้ายสวนสัตว์ไปอยู่ยังสถานที่แห่งใหม่ บริเวณคลอง 6 ต.รังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ต่อประชาชนชาวไทยและชาวองค์การสวนสัตว์ ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระราชทานโฉนดที่ดิน จำนวน 300 ไร่ ให้กับองค์การสวนสัตว์ เพื่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ โดยมีขนาดใหญ่กว่าสวนสัตว์ดุสิตเดิมถึง 3 เท่า ทำให้สัตว์มีพื้นที่ที่อยู่อย่างสบาย มีอากาศที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดีหลังข่าวการปิดสวนสัตว์แพร่กระจายไป ทำให้มีประชาชนคนไทยจำนวนมากเดินทางมาเที่ยวเขาดินกันอย่างคึกคักเนืองแน่น จนทางสวนสัตว์ดุสิต ได้ขยายเวลาปิดออกไปอีก 1 เดือน โดยจะเปิดให้เที่ยวชมกัน จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2561
นับเป็นข่าวดีที่ยืดเวลาให้กับผู้ที่พลาดไปในเดือนที่แล้ว ได้หาโอกาสไปเที่ยวย้อนรำลึกย้อนวันวาน พาลูกหลายไปร่วมเป็นสวนหนึ่งของสวนสัตว์ดุสิตกัน เพราะนี่ถือเป็นสวนสัตว์อันสุดคลาสสิกของเมืองไทยที่อยู่คู่เมืองกรุงมากว่า 80 ปี
สำหรับ สวนสัตว์ดุสิต ถือเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศ แถมยังมีมีประวัติที่น่าสนใจมากด้วย โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่พ.ศ.2438 หลังจากที่พระองค์ได้ทอดพระเนตรกิจการสวนพฤกษชาติของต่างประเทศและพบว่าสวนพฤกษชาติเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ความเพลิดเพลิน และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน จึงมีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้นในประเทศไทยบ้าง
พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพื้นที่ราบทางด้านทิศตะวันออกติดคลองเปรมประชากร (ถนนพระราม 5) ด้วยการขุดสระน้ำใหญ่ ประกอบคูคลองระบายน้ำ และถนน แล้วนำดินขึ้นมาเป็นเนินเขา เรียกว่า "เขาดิน" และรอบๆเขาดินนั้น ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกลงพรรณไม้นานาชนิด สร้างขึ้นเป็นสวนพฤกษชาติ สำหรับส่วนพระองค์ เรียกว่า "วนา" รวมอาณาเขตส่วนนี้ทรงโปรดเรียกว่า "เขาดินวนา" โดยในขั้นต้นพระองค์ให้สร้างขึ้นสำหรับเป็นที่ประพาส ทรงพระเกษมสำราญส่วนพระองค์ และข้าราชบริภารฝ่ายในก่อน ดังนั้น "สวนดุสิต" หรือ "เขาดินวนา" จึงเป็นส่วนหนึ่งในเขตพระราชฐานพระราชวังดุสิต
ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงมีพระราชดำริที่จะทำนุบำรุงสวนแห่งนี้ให้กว้างขวางและดีกว่าที่เป็นอยู่ และเปิดให้ประชาชนมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจด้วย
ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 คณะรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานสวนดุสิต ให้ดำเนินการจัดทำเป็นสวนสาธารณะ และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ในเวลานั้นพระองค์เจ้าทิพอาภาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้พระราชทานอนุมัติในนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลรัชกาลที่ ๘ ให้เทศบาลนครกรุงเทพรับบริเวณสวนดุสิต หรือ เขาดินวนา สนามเสือป่า และสวนอัมพร มาจัดเป็นสวนสาธารณะได้
จากนั้นทางเทศบาลนครกรุงเทพ ได้จัดการย้ายกวางดาวและสัตว์ชนิดต่างๆ มาจากสวนอัมพร และ ย้ายสัตว์บางชนิด เช่น จระเข้ ลิง จากสวนสราญรมย์มาไว้ที่เขาดินวนา และได้ขอให้ทางสำนักพระราชวัง ส่งช้างหลวงมาให้ประชาชนได้ชมในวันอาทิตย์ และเมื่อปรับปรุงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เรียบร้อยแล้วทางเทศบาล นครกรุงเทพจึงเปิดสวนดุสิตให้ประชาชนเที่ยวชม และพักผ่อนหย่อนใจได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2481 และให้เรียกสวนดุสิตนี้ว่า "สวนสัตว์ดุสิต"
สำหรับเรื่องราวความผูกพันของคนไทยที่มีต่อสวนสัตว์ดุสิตหรือเขาดินนั้น ได้มีผู้นำมาแต่งเพลงร้องไว้จำนวนหนึ่ง และนี่ก็คือรวมบทเพลงเกี่ยวกับเขาดินที่บางเพลงอาจเป็นที่คุ้นหูของใครหลายๆคนเป็นอย่างดี
เริ่มกันที่ เพลง “เที่ยวเขาดิน” ที่เป็นบทเพลงเที่ยวเขาดินอันสุดแสนคลาสสิคที่คุ้นหูคนไทยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในท่อนแรกที่ร้องว่า “เที่ยวเขาดินช่างสุขจริง” ซึ่งเพลงนี้มีคนนำมาคัฟเวอร์ร้องใหม่กันไม่น้อยในหลากหลายเวอร์ชั่น
เพลงเที่ยวเขาดิน เพลงนี้มีข้อความระบุไว้ในบทเพลงที่ผ่านการโพสต์ลงยูทูบว่า...
...ปรากฏการณ์อัลบั้มเพลงเด็กที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด อัลบั้มชุด "เที่ยวเขาดิน" ทำสถิติครองใจเยาวชนและผู้ปกครองมากที่สุด ในปี พ.ศ. 2522 จากค่ายเพลง Azona แนวความคิดสร้างสรรค์ คำร้อง/ทำนอง ทำได้อย่างน่ารักน่าชังมาก ทั้งการเรียบเรียงเสียงประสานที่ลงตัว ในรูปแบบที่ชวนฟัง ร้องตามได้ง่าย คำร้อง/ทำนอง โดย " ทิพย์ประภา " สมหวัง ช่วงโชติ เรียบเรียงเสียงประสานโดย สุพจน์ สอนจรูญ ประสานเสียงโดย ด.ญ. อัญญารัตน์ สุทัศน์ ณ อยุธยา (ดารานำแสดง โอ้ลูกรัก) , ด.ช.ชาติชาย เชยนิ่ม , ด.ช. ธาตรี เนื่องทองนิ่ม , ด.ญ.ธนพร ทรงเผ่า , ด.ช.จารุทัศน์ วานิชยานุเคราะห์ , ด.ญ.เฉลิมขวัญ ทรงเผ่า (บุตรี คุณ ปราจีน ทรงเผ่า) และ เสียงร้องนำที่ขาดไม่ได้ คุณ กมลพรรณ สหัสโชติ...
ต่อกันด้วย เพลง “เขาดินวนา” ของศิลปิน “อีสซึ่น” ที่ 2 พี่น้องผู้ยิ่งยงแห่งวงการเพลงไทย คือ “อัสนี-วสันต์ โชติกุล” เคยอยู่วงนี้ ซึ่งเป็นวงโฟล์ค, ป็อบร็อก ที่มีเพลงดังอย่าง สาวตางาม, สาละวัน, ชีวิตกับความหวัง และ หนึ่งมิตรชิดใกล้
สำหรับเพลง “เขาดินวนา” ของวงอีสซึ่น มีเนื้อร้องดังนี้
เขาดินวนา
สุขอุราที่ได้มาเที่ยวชม
มีสิงห์มีเสือมีสัตว์
สารพัดจัดเอาไว้ให้ชม
มีปลาในน้ำมีเรือลอยลำ
ลอยละล่องพายเรื่อยตามลม
มีรักก็คงสุขสม
สดชื่นรื่นรมย์ดูช่างสมใจจัง
เขาดินถิ่นนี้
มีทั้งรักดีและรักผิดหวัง
ความรักก็มักไม่จีรัง
หลายคนมานั่ง
เศร้าอยู่ริมสระน้ำ
เขาดินวนา
สุขอุราที่ได้มาเที่ยวชม
ชมสิงห์ชมเสือชมสัตว์
สารพัดจัดเอาไว้ให้ชม
ดูปลาในน้ำดูเรือลอยลำ
ลอยละล่องพายเรื่อยตามลม
เท่านี้ก็คงสุขสม
สดชื่นรื่นรมย์ดูก็สมใจดี
หาความสุขใจ
ชมนกชมไม้พิษภัยไม่มี
เรารักกันนะลิงชะนี
ให้กล้วยสักหวี
คงยินดีเป็นเพื่อนฉัน
อีกหนึ่งเพลงที่เล่าเรื่องราวการเที่ยวเขาดินในบรรยากาศที่แปลกแตกต่างไม่เหมือนใครนั่นก็คือ เพลง “ขี้เมาใจดี” ของวงคาราบาว ยอดวงเพื่อชีวิตชื่อดังของเมืองไทย
เพลง “ขี้เมาใจดี” (ถึกควายทุยภาค 4 ) อยู่ในอัลบั้มชุด “ท.ทหารอดทน” สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของวงคาราบาว
เพลงนี้ถือเป็นการฉีกแนวของซีรียส์เพลงชุดถึกควายทุยไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา ถึกควายทุย 1,2,3 ล้วนแต่นำเสนอเนื้อหาหนักๆ แต่เพลง ขี้เมาใจดี(ถึกควายทุยภาค 4 ) นำเสนอเนื้อหาสบายๆ เล่าเรื่องราวของนาย(มะ)โหนก ที่เมื่อเขามาเยือนเมืองกรุงก็ได้มาเที่ยวยังเขาดิน พร้อมทั้งยังดื่มกินเหล้าเมามายเป็นขี้เมาใจดีที่ เมาแล้วก็ยังมีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อสิงสาราสัตว์
เพลงขี้เมาใจดีถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงคลาสสิคของวงคาราบาวที่ฟังเพลินๆสบายๆ
และนี่ก็คือ 3 บทเพลง ร่วมอำลาการปิดสวนสัตว์ดุสิตหรือเขาดิน ที่แม้หลังเดือนกันยายนเป็นต้นไป เขาดินจะกลายเป็นตำนาน แต่บทเพลงเหล่านี้ยังคงอยู่ให้เราได้ฟังรำลึกเขาดิน ย้อนบรรยากาศแห่งอดีตวันวานกัน