เป็นงานไว้อาลัยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดงานหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับพิธีศพรำลึกการจากไปของ “อารีธา แฟรงคลิน” ราชินีเพลงโซลระดับตำนาน ที่ล่าสุด มีการจัดไว้อาลัยอย่างยาวนานและเปิดให้แฟนๆ ได้ร่วมเคารพศพเธอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับมีคอนเสิร์ต ซึ่ง “เอรีอานา กรานเด” ร่วมแสดง ก่อนจะเกิดกระแสวิจารณ์ตามมาทั้งเรื่องชุดมินิเดรส และเรื่องที่เธอโดนบาทหลวงจับหน้าอกบนเวที
โดยพิธีศพของราชินีเพลงโซลครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการจัดงานสมกับการเป็นซูเปอร์ดีวา เพราะแม้อารีธาจะเสียชีวิตในวัย 76 ปี ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่เธอก็ยังไม่ได้ถูกฝัง และมีการเปิดโลงศพให้แฟนๆได้ล่ำลากันครั้งสุดท้ายหลายต่อหลายวัน โดยมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอที่นอนนิ่งอยู่ในโลงศพแบบไม่ซ้ำชุดกันในแต่ละวันด้วย
โดยพิธีไว้อาลัยที่จัดขึ้นมีคนดังไปร่วมงานจากหลากหลายวงการ พร้อมกับที่ได้เอรีอานา กรานเด, เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน, เฟธ ฮิลล์ และศิลปินอีกมากมายร่วมขับร้องเพลง
โดยคนที่โดนพูดถึงมากที่สุดเห็นจะเป็น เอรีอานา กรานเด กับการโดนวิจารณ์ตั้งแต่เจ้าตัวก้าวขึ้นเวที ถึงชุดมินิเดรสที่ดูไม่เหมาะสมกับงานศพ และการใส่ชุดสั้นยืนร้องเพลงต่อหน้าบุคคลสำคัญที่นั่งชมอยู่ด้านหลังก็เป็นระยะที่ค่อนข้างอันตรายทีเดียว
นอกจากนั้น เรื่องที่เธอยืนข้างๆ กับ ชาร์ลส์ เอช เอลลิส ที่ 3 บาทหลวงที่กล่าวขอบคุณนักร้องสาววัย 25 ปี หลังเธอแสดงเพลง (You Make Me Feel Like) A Natural Woman ของอารีธาจบลง ก็ถูกพูดถึงอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากลักษณะมือที่บาทหลวงวางตรงบริเวณหน้าอกด้านข้างของเธอ ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันตีความเจตนาของบาทหลวงไปต่างๆ นานาว่าน่าจะเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศ
โดยความเห็นบางส่วนระบุว่า “ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะคิดเกี่ยวกับเอรีอานาว่าอะไร ทั้งเรื่องผลงาน ความเหมาะสมที่ได้ขึ้นมาแสดง หรือชุดที่ไม่รู้กาลเทศะของเธอ แต่นี่มันไม่ใช่ มือของบาทหลวงไม่ควรจะไปสัมผัสหน้าอกเธอแบบนั้น”
ส่วนทางด้านบาทหลวงเองก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงประเด็นดังกล่าวกับทาง USA Today โดยยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด “นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของผมเลยที่จะไปแตะต้องหน้าอกผู้หญิงแบบนั้น ไม่รู้สิ ผมก็แค่เอาแขนผมโอบไปที่เธอ บางทีผมอาจจะล้ำเส้นไปหน่อย บางทีผมอาจจะเฟรนด์ลี หรือเป็นกันเองเกินไป แต่นั่นแหละครับ ผมต้องขอโทษอีกครั้ง ผมได้สวมกอดศิลปินหญิง-ชายทุกคน รวมถึงทุกคนที่อยู่ที่นั่น ผมจับมือพวกเขา แล้วก็กอด นั่นคือ สิ่งที่พวกเราทำกันอยู่แล้วในโบสถ์ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่มีต่อกัน”
“ผมต้องขออภัยอย่างจริงใจไปยังเอรีอานา แฟนๆ ของเธอ และสังคมลาตินอเมริกาทั้งหมดด้วยครับ เมื่อคุณดำเนินงานมานานถึง 9 ชั่วโมง คุณก็ย่อมพยายามอยากทำให้งานสนุกมีชีวิตชีวา คุณอยากจะใส่มุขตลกเข้าไปตรงนี้บ้างตรงนั้นบ้างก็เท่านั้นเอง”