xs
xsm
sm
md
lg

“เต๋า” โต้เลิกผัว แต่ง 3 ปีถอดใจเรื่องลูก เผยอีกมุมอาชีพดารา เหมือนคนบ้า!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“เต๋า สโรชา” เผยความจริงอีกมุม อาชีพนักแสดงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด ชีวิตจริงเหมือนคนบ้า ผีสิง ซึมเศร้า ต้องขายจิตวิญญาณ ต้องรู้จักเปิดปิดสวิตช์ ปลดปล่อยตัวเองให้เป็น ยันรักราบเรียบ ยังไม่เลิกผัว บินเดี่ยวเที่ยวฮ่องกงเป็นเร่ื่องปกติ แต่ง 3 ปี ถอดใจเรื่องมีลูก

อดีตนางเอกชื่อดัง “เต๋า สโรชา วิทิตตพันธ์” นอกจากจะรับบทบาทเล่นละคร ยังผันตัวเป็นครูสอนการแสดงให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจตอนนี้ดาราหลายๆ คนประสบปัญหาเป็นโรคซึมเศร้าเพราะเล่นละคร ทำให้อารมณ์สวิงขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าจริงๆ แล้วอาชีพนักแสดงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด พร้อมเปิดใจกรณีถูกลือว่าเลิกสามี “เบอร์ มนตรี ศิริชู” ผู้บริหาร เจเอสแอล จำกัด ไปแล้วรึเปล่า เพราะระยะหลังๆ มานี้มักไปไหนมาไหนคนเดียว และตัดพ้อดรามาในอินสตาแกรมถี่ๆ

“จะบอกกับน้องๆ ที่มาเรียนการแสดงหลายๆ คน ว่าบางคนที่มองจากข้างนอกจะคิดว่าพวกเราที่เป็นนักแสดงจะไม่ค่อยลงทุนอะไร ตื่นเช้าไปแต่ตัว ทำงานเดี๋ยวก็ได้เงิน คนอื่นต้องเรียน หรือบางคนทำงานพกอุปกรณ์อื่นๆ ไป หรือว่าบางคนก็มีทุนของเขา”

แต่ว่าจริงๆ แล้วนักแสดง การลงทุนของเขาคือทั้งชีวิต จริงๆ คือเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ทั้งชีวิตคือทุ่มไปเลย เราเหมือนไม่มีอะไร แต่ว่าเราเอาชีวิตเข้าแลก คือถ้าอยากเล่นดีเราต้องทุ่มเททั้งชีวิต ถ้าเราอยากได้งานนี้ หรือว่าอยากทำงานชิ้นนี้ให้มันดี เราต้องให้หมดทั้งชีวิต ทั้งลมหายใจ เราจะพูดแบบนี้ ตายไปกับมันให้ได้”

“พอทุ่มเททั้งชีวิตแบบนี้ มันก็แน่นอนที่จะมีความเครียดตามมา เพราะว่าเราต้องอินไปกับบท ทั้งบทร้าย ทั้งเครียด ดรามา ฆ่าคน มันไม่มีงานอะไรเลยนะในโลกนี้ ที่จะต้องร้องไห้ทั้งวัน หรือจะต้องสมมติว่าตัวเองฆ่าคนได้ งานอื่นเขาก็ลั้ลลาพักเที่ยงไปกินข้าวกัน แล้วเลิกงานกลับบ้าน จริงๆ แล้วงานพวกเราเครียดมากๆ”

มืออาชีพต้องพยายามปลดล็อกสลัดออกให้ได้ อย่าให้ความเครียดกัดกินชีวิตส่วนตัว
“ปลดล็อกสำหรับส่วนตัวเรานะคะ เวลาเล่นก็จะอินมากๆ เหมือนกัน อินแบบสุดเลย อย่างเราเคยเล่นเป็นคนโรคจิตเนอะ ก็จะอินมาก แต่ว่าถ้าเราอยู่กับการแสดงมาสักพัก เราจะรู้วิธีเอามันออก ออกมาให้ได้ มืออาชีพต้องพยายามทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นความเครียดจะกัดกินชีวิตส่วนตัวของเราได้ เราต้องไม่ทำ เราต้องรักษาชีวิตส่วนตัวของเราให้ดีที่สุด เพื่อที่จะพร้อมไปเข้าคาแรคเตอร์อีกคาแรคเตอร์ “

เราเคยติดนะ ตอนเด็กๆ ที่เรายังไม่รู้วิธี ติดโดยที่เรายังไม่รู้วิธีการคิดเครียดๆ ตลอดเวลา หรือว่าการคิดว่าเป็นคาแรคเตอร์ตลอดเวลา จะทำให้ได้เล่นได้ดี พอโตมาแล้ว มันอาจไม่ใช่ก็ได้ มันจะต้องเปิดปิดสวิตช์ได้ เหมือนถอดเสื้อ ใส่เสื้อ พอใส่เสื้อแต่งหน้าเป็นคาแรคเตอร์นี่ปุ๊บ เปิดสวิจช์เป็นคาแรคเตอร์คนนั้น พอกลับบ้าน เราต้องบอกได้ว่าพักก่อนนะ เดี๋ยวอย่าเพิ่งนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาเจอกันใหม่”

บอกเหมือนเป็นคนบ้า ต้องมีพื้นที่ส่วนตัว
“ถอดออกไปคือต้องบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาของเธอ อันนี้คือชีวิตของฉัน มันเหมือนคนบ้าเหมือนกันนะบางที จริงๆ เหมือนเป็นคนบ้า จริงๆ แล้วประสบการณ์ช่วยได้เยอะเลย ประสบการณ์จริงๆ เลย เหมือนเราห่วงชีวิตส่วนตัวของเรามากๆ บางทีดูเหมือนดาราบางคนมีพื้นที่ส่วนตัวจังเลยเนอะ มีพื้นที่ส่วนตัว นั่นคือการรักษาความเป็นส่วนตัวของเขา เพราะว่าทั้งชีวิตของพวกเรา เหมือนเป็นสาธารณะ ทุกเรื่องในชีวิตของเราจะพูดถึงในที่สาธารณะหมด เพราะฉะนั้นบางทีมันบั่นทอนจิตใจ เพราะฉะนั้นบางทีต้องมีที่ส่วนตัวเอาไว้ สำหรับเรา เช่นแฟนครอบครัว โน่นนี่ เป็นพื้นที่ที่ลั้ลลาได้ เป็นตัวเองได้เต็มทีิ่ เพราะฉะนั้นเราจะมีพื้นที่แบ่งให้ชัดเลย”

“ถามว่าเราเคยอินถึงขั้นหลงลืมตัวตนไปมั้ย อาจไม่ขนาดนั้น แต่ว่าอาจมีคิดซ้ำ คิดซ้ำ คิดซ้ำว่าต้องร้าย ต้องเป็นคนโรคจิตก็เอากลับมาบ้าน แล้วก็บางทีบึ้งตึงกับที่บ้าน ที่มากสุดที่เราเคยเป็นนะคะ แม่ก็เคยทักว่าเป็นอะไรหน้าคว่ำไม่พูดอะไรเลย เราก็เลยคิดว่าเรายังอยู่ในคาแรคเตอร์นั้นอยู่”

สามียังทักติดบทบาทการแสดงกลับบ้าน
“บางที ถ้าตอนมีสามีแล้วเราจะไม่ค่อยเป็น จะเป็นกับแม่ตอนเด็กๆ แต่ว่ากับสามี บางทีเขาจะทักว่า ทำไมวันนี้เราพูดเสียงดังจังเลย เพราะว่าในกองเราพูดเสียงดังมาทั้งวัน ต้องบอกกันไว้ เพราะว่าจะให้สามีต่อบทให้ สามีก็ทักว่าวันนี้เธอไปเล่นคาแรคเตอร์นี้มาใช่มั้ย คือบางทีกลับมาถึงบ้านแล้วเราเสียงดังไง มีติดบ้าง”

เล่นบทร้องไห้บ่อยๆ ก็ช้ำนะ ยิ่งเราร้องไห้ได้ต่อเมื่อเราจะคิดเรื่องนั้นได้จริงๆ เพราะฉะนั้นกว่าเราจะจูนเนอะ แล้วมันก็เครียดๆ เพราะฉะนั้นเราต้องเอาออกให้ได้ ไม่งั้นเราจะเครียดอยู่ แล้วให้มันครอบเราทั้งชีวิต มันไม่ได้ เวลาที่ไม่ได้อยู่ในคาแรคเตอร์นะคะ เราจะอารมณ์ดี ตลกมาก”

ต้องสอนลูกศิษย์ให้เปิดปิดสวิตช์ ทิ้งคาแรคเตอร์หนักๆ ไว้ที่กองถ่าย อาชีพนักแสดงต้องขายจิตวิญญาณ
“ก็ต้องสอนเรื่องเปิดปิดสวิตช์ เรื่องเอาเข้าเอาออก และการเรียกคาแรคเตอร์มาอยู่กับเรา และการเอาเขาออก เหมือนผีสิง(หัวเราะ) คือเราต้องเป็นคนที่มีสติมากๆ เลย สติช่วยได้เยอะเลยเรื่องนี้ ว่าตอนนี้เราเป็นทาสชื่อใบนะ คาแรคเตอร์ใยต้องมาอยู่กับเรา คิดเป็นใบ ทำเป็นใบ ทุกอย่างคือใบ พอคัตปุ๊บ หรือจะต้องกลับบ้าน ใบก็ต้องอยู่ที่กอง ไม่ต้องกลับบ้าน เต๋าก็ต้องเป็นเต๋า”

นักแสดงมืออาชีพเราขายจิตวิญญาณ ถ้าใครทุ่มเทกับมันมากพอจะได้กับมันเยอะ แต่ว่าถ้าใครไม่ทุ่มเทกับมันมากพอก็ไม่ได้ มันเป็นเรื่องกฎธรรมชาติ”

แต่ง 3 ปีถอดใจ คงไม่มีลูกแล้ว
“ยังไม่มีลูกเลย ทุกคนก็ถามว่าจะมีมั้ยคิดว่าคงไม่มีแล้วก็คงลั่นลา อยู่แบบนี้ไป อยากไปเที่ยว ถามว่าถอดใจแล้วมั้ย น่าจะยังงั้นเพราะว่าก็แก่แล้วเหมือนกัน วางแผนว่าอนาคตคงอยู่กันไปสองคน จะทำงานอะไรถ้าแก่แล้ว ไม่ได้เล่นละครแล้ว สามีเขาบอกว่าตามใจเธอ เพราะว่าสโรก็ยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ อยากกำกับ อยากไปเรียนแอ็กติ้งต่อ ถ้าเกิดตัวคนเดียวก็ทำได้ เขาอยากมีลูกมั้ยก็ไม่รู้เขาก็ไม่ได้พูดชัดเจน ถ้าเจอเขาถามให้หน่อย เพราะเขาก็บอกว่าตามใจสโร แต่เขาบอกว่าถ้าสโรมีก็ต้องทิ้งทุกอย่างเลยนะ”

บอกเพื่อนแก๊งกะเทยชวนจองห้องพักบ้านคนชรา ไม่แน่หลังถอดใจลูกอาจจะมา
“ยังแต่ก็มีเพื่อนกะเทยก็ชวน แต่สโรก็มีเลี้ยงหลาน ไม่รู้ว่านางจะดูแลเรามั้ย ไม่แน่ถอดใจแล้วลูกอาจจะมา เพราะว่าเปอร์เซ็นต์ก็มี พอบอกว่าจะไม่มีลูกแล้วแม่เราก็เซ็ง ทำไมไม่มี เขาก็อยากมี ยายก็อยากให้มี เราก็บอกว่าแก่แล้วนะ ยายบอกยังไม่แก่หรอก”

“ช่วงหลังเที่ยวกันบ่อย บางครั้งเขาก็ไปคนเดียว เจอเพื่อนที่ฮ่องกง เพื่อนก็ถามว่าเลิกกับผู้แล้วเหรอ สโรเป็นคนแบบนี้เพี้ยนๆ ปุ๊บปั๊ปซื้อตั๋วเครื่องบินไปคนเดียว เพราะว่าผู้ไม่ว่าง ก็บอกเขาว่านั้นฉันไปคนเดียวนะ เขาก็โอเค เราคุยกันไว้แล้วตั้งแต่แรกว่าถ้าต้องมาอยู่ด้วยกัน แต่งงานกันเราจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัวนะ ไม่ใช่ตัวติดกันตลอดเวลา”

ลั่นยังไม่เลิกผัว ชีวิตคู่ราบเรียบ โพสต์ตัดพ้อลงไอจีไม่เกี่ยวชีวิตคู่
“ใช่ คนก็ถามว่าผู้เสียใจอะไรหรือเปล่า คือไม่เลย ก็ยังโทร.คุยกันตลอดทาง เขาก็บอกว่าขอโทษนะเขาทำงานเลยไปด้วยไม่ได้ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรเลย เราก็มีตัดพ้อในไอจีบ้าง ส่วนใหญ่จะเซ็งเรื่องงาน หรือไม่ก็ไม่ได้ตัดพ้อไม่ได้มีความหมายอะไร ไม่เกี่ยวกับชีวิตคู่ เพราะว่าชีวิตคู่ราบเรียบไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย”

ถามว่าข้อความดรามามั้ย ก็ไม่กลัวหรอก เป็นคนชอบดรามา เพราะเขาเป็นคนที่เข้าใจสโรมาก มันก็เลยราบรื่น ไปเที่ยวสองคนต้องมีบ้างนะ คือไม่ค่อยไปไหนด้วยกันเลย ขนาดอยู่บ้านยังไม่ค่อยเจอกันเลย อย่างวันนี้ผู้ก็รอดินเนอร์ แต่พอถามทางกองแล้ว ก็บอกผู้ว่าไม่ได้แล้วล่ะ งานพวกเราเป็นแบบนี้”

“ถามว่าหวานกันยังไง ก็สัมผัสกันบ้าง เพราะว่าเหนื่อยมาก กลับบ้านไม่มีอะไรเลย ก่อนนอนก็จุ๊บกัน ก่อนออกจากบ้านก็บ๊ายบายกัน แล้วก็มาเจอกันอีกทีดึกเลย นอกจากปีใหม่นัดไปเที่ยวกันสักที ถามว่าลงตัวมั้ย ก็สบายสำหรับเรานะ ไม่ได้ผูกโยงติดกันมาก ต่างคนต่างใช้ชีวิต รู้สึกดีที่มีเพื่อน มีคนห่วงใยนะ ผู้แหละไม่มีเวลาให้เรา ก็บ่นกันไปบ่นกันมา นางงานหนัก”

เข้าใจเพราะโตแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งมีลูกต้องกลับมาคุยกันใหม่
“ปัญหาเรื่องเวลาก็มี แต่เราไม่ได้ทำให้มันเป็นปัญหา นางเป็นคนมีสติมาก สโรก็ไม่ค่อยยุ่งนะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นคงลำบาก เพราะเขาก็บอกว่าขอโทษนะเขาไม่ค่อยมีเวลา เดี๋ยวช่วงนี้ค่อยจัดเวลากันใหม่ ต่างฝ่ายต่างเข้าใจ โตแล้ว เขายุ่งกว่า อย่างสโรช่วงไหนว่างก็ว่างเลย ช่วงนี้ฉันว่างฉันก็ไปเที่ยวนะ เป็นแบบนี้ ถ้ามีลูกเราจะทำอย่างไร แม่ยังไงก็ต้องเหนื่อยกว่าพ่อ เดี๋ยวกลับไปคุยกัน”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)




กำลังโหลดความคิดเห็น