“กานต์-อีฟ-เสือ” เผยแผนจับ “เสก” สั่งยาสลบจากเน็ตกะวางยา แต่อีฟไม่กล้ากลัวเสกตายก่อน อีฟบอกเริ่มพีกขึ้นเรื่อยๆ จนกลัวต้องเก็บมีด บอกเสกไม่มีรายได้นานแล้ว เคยหนีหลายครั้งแต่กลับมาเพราะเป็นห่วง ยันเสกเป็นไบโพลาร์ระดับที่ 3 เริ่มหนักถึงขั้นหลอน เห็นเรื่องเหลือเชื่อ หวั่นเป็นโรคจิต เสือขอโทษทุกคนที่ถูกพ่อพาดพิง สารภาพตรงๆ รำคาญพ่อแม่ทะเลาะกันแต่ชินแล้ว อีฟย้ำเสกแฉขายตัวเพราะป่วย ไม่โกรธ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ
กลายเป็นประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจ สำหรับกรณีที่ “เสก โลโซ” เสกสรรค์ ศุขพิมาย ลุกขึ้นมาไลฟ์สดมาราธอนไม่หลับไม่นอนตลอด 24 ชม. เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน ท่ามกลางความเป็นห่วง หวั่นนักร้องดังจะคิดสั้น เพราะอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ และด่าพาดพิงคนไปทั่วทั้งวงการบันเทิงและการเมือง ต่อมา “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย” อดีตภรรยา พร้อมด้วย “อีฟ อภิสร์ญา” ภรรยาคนปัจจุบัน พร้อม “น้องเสือ เสฏกานต์” ลูกชายเสก ปฏิบัติการจับตัวเสกส่งรพ. เพื่อรักษาอาการไบโพลาร์ ซึ่งคาดว่าอีกฝ่ายไม่กินยาทำให้อาการกำเริบ และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ และยืนยันว่างานนี้เสกไม่ได้เสพยา
ล่าสุด กานต์,อีฟ และน้องเสือ ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลังให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยแซ่บ SHOW เผยเหตุที่ต้องทำเพราะหวั่นว่าเสกจะเป็นโรคจิต เพราะเป็นอาการระดับที่ 3 ของไบโพลาร์แล้ว
กานต์ : “คือเริ่มจากที่พวกแฟนคลับมาบอกว่าพี่เสกอาการหนักแล้ว ตอนแรกเราไม่รู้เพราะไม่ได้ไปส่อง พอประมาณ 2-3 วันผ่านไป เราเลยเข้าไปดู จึงเห็นว่าอาการหนักจริง อีฟเขาก็ทักไปทางคนรู้จักอีกคนหนึ่ง และก็ทักไปทางบี บีก็เลยมาประสานกับทางนี้ เราก็บอกน้องเสือ เลยได้ร่วมวางแผนการที่จะพาไปรักษา”
อีฟ : “อาการเขาหนักตั้งแต่ที่เขาเริ่มไลฟ์ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ค่ะ เราก็อยู่ด้วยตลอดเวลา เบื้องต้นเราทราบอยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคไบโพลาร์แต่ไม่ได้หนัก พีกสุดก็ตอนที่เขาไลฟ์นี่แหละค่ะ ตอนแรกก่อนหน้านี้ไม่มีนะคะ อาการร้องไห้ เห็นน่ากลัวก็ตอนที่เขาร้องไห้ผ่านไลฟ์นี่แหละค่ะ อีฟก็ไปตามเก็บมีดและของมีคมในบ้านให้หมด คือจริงๆ อีฟกลัวเขาจะทำร้ายตัวเองมากกว่า”
บอกเคยเบรกให้พัก แต่อีกฝ่ายอ้างแฟนคลับเรียกร้องให้ไลฟ์ เก็บมีดหวั่นทำร้ายตัวเอง
อีฟ : “พูดค่ะ แต่เขาบอกว่ามีแฟนคลับเรียกร้องให้เขาไลฟ์ (หัวเราะ) บางทีในเครื่องเขาจะมีเครื่องรับบริจาคก็จะมีคนแอดมาได้ตลอด จะทักมาถามว่าพี่เสกตื่นหรือยัง ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งนอนไปได้ตอนเที่ยงคืน อีฟก็จะไปแอบลบ แอบบล็อกไปเลยคนนั้น”
“เริ่มเก็บมีดวันที่เขาไลฟ์แล้วร้องไห้ตอนเช้า กลัวเขาทำร้ายตัวเอง สาเหตุที่เขาร้องไห้ไม่ได้เสียใจอะไร แต่เป็นช่วงอารมณ์ที่เขาเปิดเพลงเศร้าๆ ฟังแล้วก็ร้องไห้ออกมา”
เผยอาทิตย์ที่ผ่านมาพีกที่สุด ก่อนหน้านี้ไม่ได้หนักขนาดนี้
อีฟ : “เป็นช่วงที่เขาว่างนี่แหละค่ะ ช่วงที่ไม่ได้ไปออกคอนเสิร์ต ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาคือช่วงที่พีกสุด แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้หนักขนาดนี้เลยค่ะ น่าจะเป็นอาการปกติของคนที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีอะไรที่รุนแรง สิ่งที่เรากลัว คือกลัวเขาทำร้ายตัวเองมากกว่า ก่อนไลฟ์เขาไม่มีอาการอะไรมาก่อน อยากไลฟ์ก็ไลฟ์เลย ไม่เคยพูดว่าอยากตายหรืออยากทำร้ายตัวเองนะคะ”
ยอมรับแอบกลัวตอนที่อีกฝ่ายร่ำไห้ มีคนแนะนำให้รีบพาตัวไปรักษา
อีฟ : “ก็มีบ้างนะคะ คืออีฟจะมีกลุ่มที่คอยศึกษาข้อมูลอยู่ว่าต้องทำยังไง เป็นยังไงสำหรับคนที่เป็นโรคนี้ แต่ที่อีฟกลัวที่สุดก็ตอนที่เขาร้องไห้ค่ะ คือคนในกลุ่มก็จะทักมาว่า เขาร้องไห้แล้วนะ อาการต้องพาไปรักษาด่วน เราอยู่กันสองคนในบ้าน”
“ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกินยาอะไรเลย คือเขาเคยไปหาหมอครั้งสุดท้ายก็เมื่อปีที่แล้ว และหมอบอกว่าเขาใกล้จะหายแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเลย ไม่ได้กินยาเลย”
เผยแผนช่วย “เสก” สั่งซื้อยาสลบจากเน็ต แต่อีฟกลัวเสกตายก่อน
อีฟ : “เริ่มแรกเลยก็มีปัญหาที่ยามค่ะ เขาไม่ให้เข้าบ้าน เพราะพี่เสกสั่งไว้ คือปัญหามันมีทุกด้านเลย ทั้งยาม ทั้งนิติฯ และคนที่จะต้องเขาไปจับเขา”
เสือ : “แผนการแรกเลยนะครับ คือว่าเราอยากจะวางยาให้เขาหลับ ยาที่ต้องว่าก็เป็นยาน้ำผสมน้ำ แต่ว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เขาก็ไม่มียาน้ำ มีแต่ยาเม็ด ต้องบดเอา มันก็ไม่เวิร์ก เป็นยานอนหลับคนกินธรรมดา มันก็ออกฤทธิ์ไม่แรงเท่ายาสลบ ก็เลยลองสั่งยาสลบมา(หัวเราะ) สั่งมาจากเว็บอะไรไม่รู้ มันก็ไม่เวิร์ค เขาดื่มไปก็ยังตื่นมาไลฟ์ หลับไปแต่ครึ่งชั่วโมง”
อีฟ : “ไม่ๆ ยาสลบเขาไม่ได้กินนะ”
กานต์ : “อ้าว...ไม่ได้เอาวางเหรอ ยาน้ำที่บอกว่ามันเป็นยานอนหลับ แต่มันเป็นยาสลบไม่ได้กินเหรอ”
อีฟ : “ไม่ได้กิน”
กานต์ : “อ้าว...แล้วทำไมไม่ใส่ล่ะ (หัวเราะ)”
อีฟ : “ก็คือไม่ได้กิน เพราะว่าอีฟไม่กล้าทำ ไม่ได้ผลเพราะอีฟไม่ได้ทำ”
ทุกคน : “(หัวเราะ)”
อีฟ : “คือแบบนั้นอีฟไม่กล้าทำ ถ้าจะทำแบบนั้นให้มาจับเขาไปตอนที่เขามีสติดีกว่า เพราะว่าถ้าวางยาสลบกลัวเขาเป็นอันตราย”
กานต์ : “กลัวตายใช่ไหม(หัวเราะ)”
อีฟ : “ใช่ กลัวเป็นอันตรายกับเขา(หัวเราะ)”
เสือ : “อันนั้นคือแผนการแรกนะครับ วันนั้นคือวันที่ 16 เราไปรอหน้าบ้าน รอตามแผนการนี้ แต่ว่าก็อีฟไม่ได้วางยา(หัวเราะ) มันก็เลยไม่ได้ แล้วยามก็ไม่ให้เข้า”
กานต์ : “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าไม่ได้วางยา (หัวเราะ) หลอกเรา”
เสือ : “ก็ผ่านไปอีก 2 วัน คือวันที่ 18 เราก็คุยกับนิติ คุยกับหัวหน้ารปภ.เขาก็ให้เข้า แต่เราเข้าไปคืนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม เขาก็ยังไม่ให้เข้า เราก็เลยต้องเปลี่ยนแผนตอนนั้นเลย ก็คือให้รถตู้บอกว่าเป็นมูลนิธิมารับบริจาคของ ยามก็โทร.ไปหาพ่อทางไลน์ เขาก็ให้เข้า พอเข้าไป ก็เป็นทางพี่อีฟจัดการ ภาพที่หลอกถ่ายรูปที่มี 3 คนอยู่ข้างๆ ที่พ่อนั่งอยู่ นั้นก็คือ 3 คนที่เข้าไปเอาตัวพ่อ ล็อกเข้ามาในรถได้ครับ”
เผยเสกตกใจ ถูกชาร์จถึงตัว ขัดขืนแต่สุดท้ายรู้ตัวสู้ไม่ได้ก็เลยยอม
อีฟ : “ตอนแรกเขาก็ตกใจค่ะ เพราะว่าเข้าไปถึงในบ้าน เขาเข้าใจว่าเป็นมูลนิธิ เข้าไป 3 คนค่ะ เรื่องไปหาหมอเรารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ไป เรารู้อยู่แล้วค่ะ ว่าเขาไม่ไป”
กานต์ : “บอกไม่ได้หรอกค่ะ บอกไม่ได้ บอกเขาก็ไม่ทำ จะด่าด้วย(หัวเราะ)”
อีฟ : “เขาก็ขัดขืนเฉยๆ ค่ะ แต่พอสู้ไม่ได้เขาก็ต้องยอม ถามว่าเขาโกรธมั้ย ตอนนี้ยังไม่รู้เลยค่ะ (หัวเราะ) เขายังไม่รู้ว่าทุกคนวางแผนกันค่ะ”
ยังไม่ได้ไปหาเสกที่รพ. ลั่นเสกไม่ดื้อ รอปรึกษาหมอเรื่องแผนการรักษา
เสือ : “ยัง”
อีฟ : “ยัง”
กานต์ : “กำลังจะไปเย็นนี้แหละ ยังไม่มีแผนอะไร ก็ต้องปรึกษาหมอก่อนค่ะ ว่าหมอจะแนะนำให้ทำอะไรบ้าง เพราะว่าตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมองเราว่าหวังดีหรือหวังร้าย อันนี้มันก็เสี่ยงๆ อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเขาหาย เขาก็น่าจะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ ที่เราทำ ตอนนี้เพิ่งเขาไปวันนี้วันที่ 3 เองค่ะ ก็ยังไม่มีอะไร เขาก็ไม่ได้ดื้ออะไร”
เสือยอมรับพ่อเป็นไบโพลาร์ระดับ 3 ถ้าไม่รักษาอาจเป็นโรคจิต
เสือ : “ระดับแย่เลยครับ คือไบโพลาร์มันมี 3 ระดับนี้ครับ เขาอยู่ระดับที่ 3 แต่มันไม่ใช่ระดับที่เป็นโรคจิตอยากจะทำร้ายตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย มันยังไม่ถึง แต่ว่าหมอบอกว่าถ้าไม่รักษามัยจะเป็นถึงโรคจิตได้”
กานต์ : “มันเป็นโรคอารมณ์ ไบโพลาร์เป็นโรคอารมณ์ไม่ใช่โรคจิต”
เสือ : “ถ้ารักษาก็จะหายได้ครับ”
กานต์ : “อาการเขาก็ยังหรอกค่ะ เพราะว่าก็คงต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ เพราะว่าหมอที่นี่เขาจะดูก่อนว่าผู้ป่วยอาการไหน ค่อยๆ ป้อนยาทีละนิด ไม่ค่อยฮาร์ดคอร์ เราไม่ได้เจอเขา เราอยากให้เขาได้อยู่กับตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าเราต้องโผล่ไปตลอด”
อีฟ : “ให้เขาได้พัก”
กานต์ : “ส่วนที่บอกว่าเราพูดว่าเขาจะออกจากรพ.วันนี้ บ้า บอกว่าวันนี้จะไปเยี่ยม เดี๋ยวจะไปหลังจากนี้”
รพ.ยันเองเสกไม่มีสารเสพติด
กานต์ : “ไม่มีค่ะ โทรเช็กกับ รพ.แล้วไม่มีสารเสพติด ก็แสดงว่าเขาเป็นไบโพลาร์จริงๆ แนวทางรักษา หมอบอกต้องค่อยๆ ดู หมอยังบอกไม่ได้เพราะมันอยู่ที่ผู้ป่วย แต่หมอบอกให้เชื่อใจหมอ หมอไม่กล้าคอนเฟิร์มอะไร”
ไม่รู้สามีเก่าจะคิดยังไง แต่ยืนยันทำไปเพราะหวังดี ถ้าด่ามาจะด่ากลับ
กานต์ : “ก็กลัวว่าเขาจะคิดไปยังไง เพราะเราหวังดีจริงๆ ที่ทำแบบนั้น ตอนแรกเราก็ไม่ได้อยากช่วยเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา แต่แฟนคลับที่หวังดีกับเขาขอให้ช่วย เพราะมันหนักเกินไป กลัวเกิดอันตรายเพราะที่เขาเป็นมันขั้นสุดท้ายแล้ว เราก็เลยช่วย เราบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้ต้องการอะไร แต่ถ้าเขาคิดว่าเราเป็นคนไม่ดี เป็นคนเอาหมอมาจับเหมือนคราวที่แล้วอีกก็คงไม่เอาแล้ว ก็จบกันไป ถ้ามาด่าเราก็จะด่ากลับ”
เสือมอบอำนาจให้แม่ชั่วคราว เตรียมตัวบินกลับเมืองนอก กานต์บอกอีฟอยู่ได้ยังไง เคยอยู่มาสิบปีเครียดมาก คนดูแลระวังบ้าก่อน
เสือ : “ก็ต้องติดตามจากหมอ และคุณแม่ ตอนนี้ผมเป็นเจ้าของไข้ ก็ต้องรู้ทุกอย่าง แต่เรื่องเอกสารผมมอบอำนาจให้คุณแม่ชั่วคราวได้”
อีฟ : “เรื่องดูแลเขา หมอคงแนะนำเพราะเราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ก็จะดูแลเขาต่อไป”
กานต์ : “โรคนี้ต้องมีการเรียนรู้ว่าจะต้องดูแลผู้ป่วยยังไง ถ้าคนดูแลทำไม่เป็น เวลาอยู่กับเขาก็จะบ้าก่อน (หัวเราะ) เพราะอยู่กับเขามันเครียดมาก เรายังคิดเลยว่าอีฟอยู่ได้ยังไง ทำไมไม่หนี กานต์อยู่กับเสกมาก่อนเป็นสิบปี เครียดมาก ไม่อยากอยู่บ้าน ต้องหลบต้องแกล้งหลับ ไม่อยากฟัง ถ้าพร้อมดูแลต่อ แต่บอกไปแล้ว ถ้าเกิดดูแลแบบเดิม เดี๋ยวจะโดน ตามใจแบบนี้”
อีฟ : “(หัวเราะ)”
บอกมีงานติดต่อเสก แต่อีกฝ่ายระแวง เลยไม่รับตั้งแต่มี.ค. เคยหนีแต่สุดท้ายก็กลับมา
อีฟ : “มีนะคะ แต่ด้วยเขาเป็นโรคนี้ มีอาการหวาดระแวงเลยไม่ได้รับงานมาตั้งแต่เดือน มี.ค.”
กานต์ : “เขายังทำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะไบโพลาร์เขาหนัก”
อีฟ : “ถามว่าอยากหนีจากพี่เสกมั้ย ก็มีนะคะ"
กานต์ : "ก็หนีไปหลายทีแล้วไม่ใช่เหรอ(หัวเราะ)"
อีฟ : “ แต่สุดท้ายก็กลับไปเพราะเขาอยู่คนเดียว ห่วงเขา ถ้าทิ้งเขาออกมาเราก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่”
“เวลาเขามีอาการเราก็ปล่อยเขา แต่เราก็ดูอยู่ห่าง ๆ เราเองก็ยอมรับว่าเครียด ไม่ได้คุยกับใครเลย ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะบางทีเราคุยโทรศัพท์กับใครเขาก็ระแวง ถามว่าเขาหลอนมั้ย ก็มีตามอาการของโรคนี้เลย เช่นสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เขาชอบพูด”
กานต์ : “เขาเป็นไบโพลาร์ขั้นสุดท้ายแล้ว คือขั้นหลอน ระแวง ถ้าไม่รักษา หมอบอกว่าก็คงจบ”
เสือ : “เรื่องถึงขั้นฆ่าตัวตาย มันคงยังไม่ถึงตอนนี้ แต่มันก็เป็นไปได้ เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาจะคิดอะไร เรื่องระยะเวลาอยู่รพ. หมอไม่ได้บอก แต่ว่าเขาคงอยู่ไม่นานมาก เพราะว่าอันนี้เขาเป็นไบโพลาร์ ถ้าเขาตั้งใจรักษา ตั้งใจกินยา เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องอยู่นาน แต่ว่าจะอยู่นานแค่ไหน อยู่กี่วันกี่เดือน”
ยันเสกรู้ว่าป่วย แต่ไม่รู้ว่าหนัก
อีฟ : “เขารู้ แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นหนักหรือเปล่า คนเป็นไบโพลาร์ชอบคิดว่าตัวเองสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร แต่ความจริงแล้วไบโพลาร์ที่เขาเป็นตอนนี้มันหนัก คือมันหนักจริงๆ เรื่องนี้หมอคอนเฟิร์มได้”
กานต์ : “เขาเป็นไบโพลาร์ที่อยู่ในขั้นที่รู้สึกว่าสนุกสนานอยู่ไง เขาคิดว่าตอนนี้เขาสนุก เขาก็เลยไม่อยากจะหาย เขารู้ว่าเขาเป็นไบโพลาร์ เขาสนุกมีคนมาดูไลฟ์เขาเป็นหมื่นไง”
อีฟ : “ใช่คนมาดูไลฟ์เขาเยอะ”
เข้าใจไม่ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกหลายเดือนแล้ว
กานต์ : “หายไปเลย หายมาหลายเดือนแล้ว คือเขาสามารถทำธุรกรรมได้ แต่ว่าอารมณ์เขาแปรปรวน คือบางทีอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ”
อีฟ : “อย่างบางทีเขาให้อีฟเอาเช็คมาเซ็นให้ พอเขียนให้เขา และเขาก็เซ็น แต่พออีกอารมณ์เขาก็ฉีกทิ้งอะไรอย่างนี้ อารมณ์เขาแปรปรวน”
กานต์ : “ก็คือแบบว่าในหนึ่งชั่วโมงสามารถมีได้ 3-4 อารมณ์ ในตอนที่เราอยู่ตอนนั้น แต่เขาหายได้สิคะ ถ้าเขากินยาและรักษาตัวสม่ำเสมอ แล้วก็พบแพทย์ตามนัด แต่ว่าโรคนี้ขอบอกว่าต้องพบแพทย์ตลอดชีวิตค่ะ ถ้าเขาไม่กินยามันก็กลับมาอีก นี่เขาก็เป็นมานานแล้วนะคะ ถ้าไม่กินยาอย่างต่อเนื่อง เราก็กลัวจะเป็นอีก”
ไม่บอกลูกอีก 2 คน ไม่อยากให้เครียด
กานต์ : “ไม่บอกค่ะ ก็บอกแต่น้องกวาง ลอนดอนเขาไม่รู้ บอกน้องกวางว่าเป็นอย่างนี้นะ ไม่ต้องเครียดนะ เพราะว่าเขารับการรักษาแล้ว”
อีฟ : “ตอนเขาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ก็ยังไม่ถึงขั้นจะทำร้ายเราเลยค่ะ”
เสือ : “เรื่องนี้เสือเลือกที่จะไม่พูดกับน้องครับ”
เสือรับห่วง เรื่องพ่อแม่ไม่เคยกระทบการดำเนินชีวิต อีกไม่นานเรียนจบ จะกลับมาช่วยคุณแม่ทำงาน
เสือ : “ก็เป็นห่วงครับ แต่ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว เพราะคุณหมอเขาดูแลอยู่ ถามว่ากระทบชีวิตมั้ย ไม่หรอกครับ คือผมมีเรื่องพ่อเรื่องแม่มานานหลายปีมากแล้วครับ มันไม่เคยมากระทบผลการเรียนของเสือเลย เพราะว่าเสือจะชอบผลักเรื่องนี้ออกไปก่อน แล้วให้แม่เขาจัดการ แต่ตอนนี้ใกล้เรียนจบแล้วครับ เหลืออีก 1 ปี ถ้าเรื่องนี้มาอีก ผมก็ต้องดูแลมาขึ้น ก็จะมาดูแลครอบครัวเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างเต็มตัวครับ คือผมตั้งใจที่จะเรียนเสร็จมาช่วยคุณแม่ทำงาน หาเงินส่งน้องเรียนครับ”
ชี้เสกไม่มีงานเกือบปีกระทบกับตน ต้องทำงานหนักขึ้น ตอนนี้ไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูลูกก็เข้าใจ แต้ถ้าออกมาไม่จ่ายโดนแน่
กานต์ : “กานต์คิดว่ากานต์ไม่รู้อีฟจะยังไง แต่คิดว่าการที่เขาไม่ได้รับคอนเสิร์ตมานานขนาดนี้เกือบปี ก็กระทบบ้าง ซึ่งมีผลกับเรามาก เพราะเราต้องทำงานหนัก และเหนื่อยขึ้นในการที่จะส่งลูก 3 คนเรียน ถ้าเกิดพี่เสกมีวินัยในการส่งเสียลูก มันก็จะไม่เหนื่อยสำหรับเรา แต่อันนี้มันเหมือนจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่า ตอนนี้เข้าใจ แต่ถ้าออกมานะยังไม่จ่าย โดนแน่(หัวเราะ)"
อีฟรับมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับเข้ามา กานต์สวนไม่ได้เก็บค่าลิขสิทธิ์เหรอ
อีฟ : “สถานะการเงินตอนนี้ก็คือมีรายจ่าย ไม่มีรายรับ เพราะไม่ได้รับงานเลย แต่ก็ไม่เห็นจะติดขัดอะไรนะคะ (ยิ้ม) ส่วนธุรกิจตอนนี้หยุดชะงักไว้ก่อนค่ะ เพราะมีปัญหาเรื่องพนักงาน ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลยค่ะ คือตอนนี้ไม่มีเงินเข้ามาเลย”
กานต์ : “รายได้เสกน่าจะมาจากค่าลิขสิทธิ์ แต่ว่าไม่เยอะ ไม่ได้เก็บเหรอ (หันไปถามอีฟ) เดี๋ยวเราเก็บให้ก็ได้(หัวเราะ)”
เสือสารภาพตรงๆ รำคาญพ่อแม่ทะเลาะกัน แต่ชินแล้ว อยู่มาทั้งชีวิต
เสือ : “คือผมเกิดมาชีวิตนี้ เราก็ต้องรู้ว่าเราอยู่ธรรมดาไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องมาตลอด คือถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันมันเรื่องปกติใช่มั้ยครับ แต่ เสก โลโซ ทะเลาะ กานต์ มันก็เป็นเรื่องใหญ่ บางครั้งผมก็รำคาญนะครับ ว่าทำไมต้องทะเลาะเยอะขนาดนี้ ทำไมต้องซีเรียสอย่างนี้ แต่ว่าผมชินแล้ว เพราะอยู่มาทั้งชีวิตแล้ว ไม่ค่อยเครียด ไม่น้อยใจอะไร แต่ผมกังวลเรื่องน้องๆ มากกว่า เขาอาจจะยังเด็กอยู่ ส่วนข่าวพ่อแม่ ก็ไม่ค่อยได้ตามครับ”
เสือขอโทษ “โอ๊ค-อากู๋” แล้ว เชื่อทุกคนเข้าใจเสกป่วยจริง
กานต์ : “อ๋อ...เสือเขาได้ขอโทษคุณพานทองแท้(พานทองแท้ ชินวัตร) และอากู๋ (ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม)ไปแล้ว”
เสือ : “ก็อยากจะฝากบอกคนที่คุณพ่อเขาด่าไป คือเขาป่วยจริง เขาไม่ได้คิดในแง่ดี เขาคิดว่าทุกคนเป็นศัตรู ก็เลยด่า เพราะอยากจะปกป้องตัวเองโดยการด่า แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาป่วย แต่ผมไม่ได้คุยกับทุกคนที่เขาด่า แต่ส่วนมากน่าจะเข้าใจครับ”
รับไม่ได้สนิทพ่อ เชื่อ ตน,อีฟ และหมอจะทำให้พ่อเป็นปกติ
เสือ : “คุยกันก็บ่อยพอสมควรครับ แต่ผมกับคุณพ่อไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ผมก็อยู่กับคุณแม่กับน้องๆ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ก็ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสเจอกัน ก็ไม่ได้สนิทกับเขามาก ตอนอยู่โน่นก็แค่ถามว่าเป็นยังไงบ้างแค่นั้นเอง ปกติคุยกันทางไลน์ ซึ่งเขาก็คุยปกติ คนที่น่าจะทำให้พ่อเป็นปกติก็ก็น่าจะเป็นเสือ พี่อีฟด้วยครับ แล้วตอนนี้ก็เป็นคุณหมอครับ”
เผยเคยโกรธแต่ไม่ถือสา “เสก” แฉเคยขายตัว
อีฟ : “ก็ไม่นะคะ อีฟเข้าใจอยู่แล้วเขาเป็นไบโพลาร์ อะไรที่เขาพูดไม่ดี เราก็พยายามคิดว่าไม่ใช่ตัวตนเขา เพราะตัวตนเขาเป็นคนดี เป็นอีกแบบค่ะ ถามว่าอยากชี้แจงอะไรมั้ย เหมือนตอนนี้คนน่าจะรู้แล้วค่ะ ที่พี่เสกเขาพูดอย่างนั้น เพราะเขาป่วย ตอนแรกก็มีโกรธบ้าง แต่สุดท้ายคือเข้าใจเขาค่ะ”
เชื่อหายปกติพร้อมกลับมารับงาน ไม่หวั่นไม่มีคนจ้าง กานต์ลั่นไม่ยกหนี้ให้
อีฟ : “เรื่องกลัวคนไม่จ้างเขา จริงๆ ก็มีคนติดต่องานมาเยอะเหมือนกันนะคะ คือตอนนี้ป่วยอาจจะยังไม่มีค่ะ แต่ถ้ารักษาหายก็จะกลับมาค่ะ”
กานต์ : “คือตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องงาน เรื่องเงินดีกว่า เพราะว่าให้เขาหายดีก่อน เราค่อยรับงาน ค่อยเอาเงินจะดีกว่ามั้ย มากลัวว่าไม่มีรายรับ มันไม่ใช่ เรื่องเงิน เราเอาแน่ แต่ว่ารอหายก่อน ไม่ใช่จะยกให้”
ฝากเสกทิ้งท้าย ให้ไปหาหมอ กินยาให้เป็นวินัย อย่าทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน พร้อมวอนแฟนๆ ให้อภัยเสก
กานต์ : “อันนี้เดี๋ยวฝากเขา ถ้าหายดีแล้วให้มาดูแถลงข่าวด้วยนะ เพราะตัวเองไม่สบาย เป็นไบโพลาร์ ให้พบแพทย์บ่อยๆ หน่อย แล้วก็กินยาให้เป็นวินัย เพราะสิ่งที่กระทบจากโรคนี้ มันทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน แล้วถ้าเกิดคนที่เขาไประราน เขาเอาเรื่องขึ้นมา เอาเงินหมดตัว มีปัญญาจ่ายมั้ย อยากพูดถึงตัวเสก ให้คุมโรคนี้ให้ได้ แล้วไปดูย้อนหลังไลฟ์ของคุณ แล้วจะรู้ว่า คุณทำอะไรลงไป ตอนที่หายดี”
“แล้วฝากขอโทษกับทุกคนว่า เขาป่วยจริงๆ ไม่มีสารเสพติด เป็นโรคนี้ขั้นรุนแรง กำลังจะเป็นโรคจิตแล้ว มันอยู่ในขั้นหลอน ระแวง อารมณ์ ต้องให้โอกาสเขา ถ้าเป็นแฟนคลับ แฟนเพลงที่เขารัก ก็ให้อภัยเขาด้วยค่ะ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)