เปิดใจ "คุณแม่ของกาละแมร์ พัชรศรี" คุณแม่ที่มีลูกดั่งฝันได้ดั่งใจ เผยกาละแมร์เป็นเด็กดีเรียนเก่ง ทำงานเก่ง วางตัวดีไม่มีเรื่องเสื่อมเสีย ภูมิใจลูกซื้อคอนโด 100 ล้าน ไม่แคร์ลูกอายุ 42 ยังไม่มีครอบครัว เพราะผู้ชายเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร ถ้ามีผู้ชายแล้วสะเงาะสะแงะไม่มีซะดีกว่า
กว่าที่ลูกสักคนจะประสบความสำเร็จไม่ใช้เรื่อง่าย วันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่ “เพลาพรรณ เบญจมาศ” คุณแม่ของพิธีกรสาวมากความสามารถอย่าง “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” ที่บอกว่าลูกสาวคนนี้ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้วัยเด็กจะมีดื้อบ้างตามประสา แต่พอโตขึ้นมาก็เลิกห่วงได้เลย เพราะเป็นคนที่คิดเองเป็น และดูแลตัวเองได้ดี
“เรียกว่าเรามองตาก็รู้ใจเลยค่ะ ไม่ต้องพูดเลย เพราะนอนด้วยกันกับแม่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นจะเข้าใจกันรู้ทุกอย่าง ตอนเด็กๆ เขาก็มีดื้อตามประสาเด็กนะจะเอาโน่นเอานี่จะเอาให้ได้ มีครั้งหนึ่งไปเที่ยวใต้กันเขาก็อยากได้ของเล่น ซึ่งจริงๆ แล้วของเล่นนี่ก็ส่งมาจากกรุงเทพฯ นั่นแหละ แล้วมันแพงเป็นเท่าตัวเลย เราก็บอกเดี๋ยวไปซื้อให้ที่กรุงเทพฯ เขาก็ไม่ยอมร้องจะเอาตรงนั้นให้ได้ แม่ก็ไม่ให้ร้องก็ร้องไป”
“พอช่วงวัยรุ่นถามว่ามีอะไรน่าห่วงไหม ไม่เลยค่ะคือแม่รักลูกนะและแม่ก็ไว้ใจลูก แต่แม่ไม่ไว้ใจคนรอบข้าง คือการคบเพื่อนอะไรต่างๆ แต่แมร์เขาสามารถตัดสินใจได้ว่าอะไรยังไง แม่ก็จะอยู่ในใจเขาตลอดเวลา แล้วแม่เป็นครูด้วย เขาต้องไม่ทำอะไรที่เสียหาย แม่ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะไม่เรียนหนังสือ ลูกจะไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่เพียงแค่บอกแม่ก่อน และจะต้องไม่ไปค้างบ้านเพื่อน ถ้าจะไปแม่ไปค้างด้วยจะไปต่างจังหวัดแม่ไปด้วย ที่ปล่อยเขาครั้งแรกคือตอนที่อยู่นิเทศฯ จุฬาฯ ที่เขาต้องไปรับน้องใหม่นั่นแหละ สมัยก่อนจะไปไหนต้องมีผู้ปกครองไปประชุมกับอาจารย์เลยนะ เราก็โอเคปล่อยให้ไป แต่แมร์เขาเป็นเด็กเรียนนะและเป็นเด็กกิจกรรม เป็นหัวหน้าเรียนเก่ง เขาอยากเรียนพิเศษอะไรที่ไหนก็ให้มาบอกแม่ เดี๋ยวแม่จัดการให้ ถ้ามีที่ไหนไม่ดีหรือเขามาบอกว่าครูที่นี่สอนไม่ดีสถานที่ไม่ดีแม่ก็จะเปลี่ยนให้”
“พอเขามาทำงานเป็นนักข่าวต้องเดินทางเยอะถามว่าแม่ห่วงไหม ไม่ห่วงเลยค่ะเพราะคนรอบข้างเขาดีหมด แต่พอโตแล้วเวลาเขาไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ต้องถามเลยว่าไปไหน ไปกับใคร เดี๋ยวเขามาบอกเอง เราไม่ต้องมานั่งซักไซ้เพราะแม่ก็ให้เกียรติความเป็นส่วนตัวของเขา เวลามีอะไรเขาก็จะมาบอกเราเอง เวลามีใครเข้ามาหาเขาเรื่องความรักเขาก็มาบอก พามาหาแม่เลย พามาที่บ้านมาคุยกัน แม่บอกกับเขาเสมอว่า แม่รักลูกนะ แม่รักลูกยิ่งกว่าชีวิตเพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่เสื่อมเสีย แม่ก็จะบอกเขา”
“เวลามีหนุ่มๆ เข้ามาแม่ก็ไม่ได้ไปสกรีนให้เขานะ แม่ให้เขาดูเอง เขาก็จะมาเล่าให้ฟัง แม่ไม่ต้องคอยถามเลย ตอนนี้เขาก็ 42 แล้วนะ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพื่อนแม่ก็ไม่เคยแนะนำใครมาให้นะ มีหมอดูมาดูให้เยอะแยะ แต่เขาก็เฉยๆ เพราะเขามีเพื่อนเยอะมีงานดีๆ ทำ ก็อย่างที่เขาเขียนในหนังสือแหละว่า ผู้ชายเลวกว่าหมา ไม่ได้มาจากดาวอังคาร (หัวเราะ) แต่จริงๆ เขาไม่ได้ด่านะ เขาจะบอกว่าคนที่ดีต้องมาจากดาวอังคาร เป็นตรรกะของเขา”
บอกไม่ห่วงแม่ลูกสาวจะยังไม่มีคู่ครอง ยิ่งทุ่มเงินซื้อคอนโดกว่า 100 ล้านก็ไม่เป็นปัญหา บอกภูมิใจที่มีลูกดีทั้งสองคน
“เรื่องเขายังไม่มีแฟนแม่ไม่ห่วงเลย เพราะว่าเขาสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ ตอนนี้เขาสนุกกับงานและเขามีเพื่อนดีๆ หลายคน และเขาก็ปฏิบัติธรรมถือศีล 5 แต่ถามว่าแม่อยากให้เขาแต่งงานไหม แม่เฉยๆ นะ เพื่อนแม่มาเล่าให้ฟังตลอดว่า ต้องเลี้ยงหลานอย่างโน้นอย่างนี้ เวลาพ่อแม่หลานไม่อยู่ไม่สบาย ยายก็ต้องมานั่งเลี้ยงหลานให้ไปนั่งเฝ้าโรงพยาบาลอีก แต่แม่นี่สบายจะไปเที่ยวไหนก็ได้ แม่ไม่เคยคาดหวังไม่เคยคาดคั้นให้เขาต้องแต่งงานหรือมีหลานให้แม่ แม่ไม่เคยไปบังคับหรือพูดกับเขาเรื่องพวกนี้เลย ลูกชายแม่ก็ชอบปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ถือว่าแม่โชคดีค่ะ ดีกว่ามีเงินมีทองมากมายอีก แม่มีลูกดี เขาสามารถดูแลตัวเอง ทำชื่อเสียงให้ตัวเองได้ ไม่เคยทำให้แม่ต้องเสียใจสักนิดนึงเลย”
“แต่แมร์เขาเป็นคนพูดตรงๆ เป็นผู้หญิงที่ว่าถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ อย่างผู้ชายเจ้าชู้ใครจะไปชอบ ผู้ชายกินเหล้าทั้งวันไม่ทำมาหากิน ผู้ชายสูบบุหรี่ ผู้ชายติดพ่อติดแม่ เงาะแงะๆ ใครจะไปเอา ไม่มีคนชอบหรอก อันนี้แม่คิดเองนะว่าเขาน่าจะเป็นแบบนี้แหละ เรื่องอะไรเขาจะต้องมานั่งผูกมัดกับคนแบบนั้น เขาทำงานมาเหนื่อยแทบตาย แล้วเขาต้องมานั่งดูแลคนที่เงาะแงะๆ เหรอ”
“หรือเขาอาจจะเห็นแม่เป็นคนสตรองก็ได้ แม่ไม่เคยเรียกร้องว่า ลูกต้องพาฉันไปกินข้าว ลูกต้องพาฉันไปนั่นนี่ ไม่มีเลย เขาว่างปุ๊บเขาพาแม่ไปเลย บางทีแม่ยังห่วงรอเพื่อนคนนั้นคนนี้นะ แมร์บอกไม่ต้องรอแล้วเก็บแพ็คของเตรียมพาสสปอร์ตพาแม่ไปญี่ปุ่นเลย ก็ไปลุยกันสองคนแม่ลูก ไปเช่ารถที่นั่น ขับไปเที่ยวกันสนุกสนาน แล้วเดี๋ยวนี้แม่เองก็ไปเที่ยวคนเดียวได้ ก็ไปเจอเพื่อนใหม่ในที่ต่างๆ เลยกลายเป็นก๊วนเพื่อนเยอะมาก แต่เวลาแม่ไปเที่ยวเองเขาก็จะคอยโทรมาหาตลอด ถามตลอด เพราะแม่เคยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบบริเวณหน่วยความจำ 7 เส้น เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสวูบได้ ลูกๆ ก็จะห่วง ลูกทั้งสองคนก็เลยห่วงแม่มากกลัววูบ แต่แมร์จะไม่ค่อยแสดงออก แต่ลูกชายจะแสดงออกมากกว่า”
“ถามว่าแม่ห่วงอะไรเขาอีกไหม ก็ไม่ห่วงนะ การใช้เงินใช้ชีวิตเขาก็ดูแลตัวเองได้ดี เขารู้ว่าจะต้องใช้อะไรยังไง ที่เขาซื้อคอนโดเป็น 100 ล้านนี่แม่ก็ไม่ได้ห้ามนะ แม่ยังถามเขาเลยว่าเงินพอไหม ถ้าไม่พอแม่จะช่วย (หัวเราะ) เพราะเขาทำของเขามา พอเขาจะซื้อเขาก็มาบอกแม่ ถ้าเขาพอใจเขาอยากได้แบบนี้ก็เรื่องของเขา เขามีสตางค์ที่จะซื้อแม่ก็โอเคเพราะเขาทำงานมาหนักและเขาเก็บเงินเก่ง เพราะเราสอนเขามาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่ขี้เหนียวและไม่เอาเปรียบใครเด็ดขาด ตอนนี้แม่ก็ไม่ห่วงอะไร คอนโดนี่แมร์เขาก็ทำห้องให้แม่ด้วย แม่ก็มาอยู่กับเขาบ้าง กลับไปอยู่บ้านบ้างสลับกัน เพราะบ้านของแมร์ก็มีอีกหนึ่งหลัง เขาเลี้ยงปลาคาร์ฟเอาไว้ แม่ก็ต้องไปคอยให้อาหารมัน แล้วแม่ก็ยังมีบ้านของแม่อีก แต่บ้านก็ไม่ห่างกันมาก แค่ 1 กิโล ก็ไปๆ มาๆ สะดวก แต่ที่เขามาซื้อคอนโดก็เพราะอยู่ในหมู่บ้านก็มีคนเข้าออกเรื่อย เขาก็เลยมาซื้อคอนโด ฉะนั้นตอนนี้ก็วางใจได้ แม่ไม่ห่วงเลยค่ะ ภูมิใจด้วยที่เขาเป็นคนเอาตัวรอดได้เอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร (ยิ้ม)”