แพทย์แถลงอาการ “โจอี้ บาซู” สมองปกติ แขน-ขา-พูดดีขึ้น เหลือตาซ้ายบอด มองไม่เห็น ส่งตัวรักษาต่อ เผยเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางศูนย์ฟื้นฟูฯ ไม่ได้เรียกเก็บ บอกเป็นแฟนคลับ ด้านคดียาเสพติดตอนนี้ไม่มีการดำเนินคดีแล้ว ลั่นจบกระบวนการฟื้นฟูจะเข้าสู่กระบวนการคืนคนดีสู่สังคม ด้าน “โจอี้” ลั่น ไม่เกี่ยวข้องยาเสพติดแล้ว รักทุกคน
หลังจากมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ส่งผลให้ซีกตัวด้านขวาไม่สามารถขยับได้ และซีกตัวด้านซ้ายอ่อนแรง จนกลายเป็นอัมพาต ล่าสุดในวันนี้ (2 ส.ค.) อดีตนักร้องดัง “โจอี้ บาซู” หรือ “ศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต” อายุ 49 ปี ได้ออกมาอัปเดตอาการป่วย ณ ศูนย์ฟื้นฟูหลอดเลือดสมอง บีอาร์ซี 738 พร้อมทีมแพทย์ อาทิ นายชาตินันท์ เชยประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัท/ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง บีอาร์ซี, นางนิตยา ชไนศวรรย์ กรรมการบริษัท, นางสาวชนม์นิภา ฉัตรโชคไพศาล กรรมการบริษัท, นายนฤเบศ เสาร์แก้ว กรรมการบริษัท พร้อมด้วยทีมฟื้นฟูฯ ร่วมแถลงด้วยโดยเผยว่าอาการโดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้น เหลือตาข้างซ้ายที่ยังมองไม่เห็น ทางแพทย์คาดอีก 6 เดือนจะสามารถกลับสู่สภาวะใกล้เคียงปกติที่สุด เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางศูนย์ฟื้นฟูฯ ไม่ได้เรียกเก็บ ด้านคดียาเสพติดไม่มีการดำเนินคดีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของทางกรมคุมประพฤติมาคอยตรวจสอบว่ากลับไปเสพยาอีกหรือไม่
โดย “นายชาตินันท์ เชยประเสริฐ” ผู้อำนวยการศูนย์ ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง บีอาร์ซี ได้เผยถึงกระบวนการรักษาอาการป่วยเส้นเลือดในสมองตีบของโจอี้ว่า
“คุณโจอี้ได้เข้ามารับการฟื้นฟูตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน รวมเวลา 2 เดือน อาการแรกรับเบื้องต้นของคุณโจอี้มาด้วยอาการหลอดเลือดในสมองตีบ มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร พูดได้ไม่ชัดเจน มีอาการแขนขาอ่อนแรงทางด้านขวา สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อย ซึ่งในส่วนโปรแกรมการฟื้นฟูและความก้าวหน้าในการฟื้นฟูเราจะให้ทางทีมฟื้นฟู ประกอบด้วยนักกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด”
“สำหรับค่าใช้จ่ายที่พักอาศัยหรือค่ารักษาในการฟื้นฟูทางศูนย์เราไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายกับคุณโจอี้ เพราะทางเราเป็นแฟนคลับของคุณโจอี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนเงินอื่น ๆ คงใช้ในเรื่องการรักษาในส่วนของสมอง หลังจากนี้คุณโจอี้ต้องฟื้นฟูที่นี่อีก 6 เดือนเพื่อฟื้นฟูให้กลับสู่สภาวะใกล้เคียงปกติที่สุด ความเป็นไปได้ที่จะกลับมาปกติก็มีความเป็นไปได้เพราะมีการให้ความร่วมมือที่ดีจากคุณโจอี้ คาดว่าอีก 6 เดือน คุณโจอี้จะสามารถกลับไปทำอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน”
ทีมฟื้นฟูประจำศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง บีอาร์ซี เผยว่า “ในส่วนของกายภาพตอนนี้เน้นของการฝึกเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อและยืดกล้ามเนื้อตอนนี้คุณโจอี้ฝึกเดินได้ประมาณ 5-10 เมตรโดยไม่มีการเหนื่อย แต่ต้องฟื้นฟูต่อไป ส่วนเรื่องของกิจกรรมบำบัดจะเน้นในเรื่องของการพูดคุยสื่อสารในชีวิตประจำวัน และฝึกกำลังกล้ามเนื้อแขนและมือ”
“อาการตอนนี้คุณโจอี้สามารถยกแขนและมือขึ้นมาหยิบจับได้แต่ยังต้องช่วยประคองอยู่ ในเรื่องของการพูด สามารถคิดคำได้เร็วขึ้นและพูดเป็นประโยคได้บ้าง และในส่วนของการพยาบาลตลอดเวลาที่คุณโจอี้ฟื้นฟูอยู่ที่นี่ คุณโจอี้ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดี จากการตรวจเยี่ยมของแพทย์ประจำศูนย์ทดสอบกล้ามเนื้อใบหน้าดีขึ้น และยิ้มมุมปากบ้างข้างที่อ่อนแรงได้เกือบเท่าอีกข้างหนึ่งพูดชัดขึ้น กล้ามเนื้อข้างที่อ่อนแรงฟื้นฟูได้ดี การรับประทานอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ปกติและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดี”
ด้านโจอี้ บาซู ได้เปิดใจหลังเข้ารักษาอาการป่วยมาร่วม 2 เดือนว่า “ทั้งหมดทั้งมวลเลย ผมต้องขอบคุณ ตอนนี้ผมยังพูดไม่ชัดสักเท่าไหร่ แต่ว่าพูดได้ดีขึ้น แต่ไม่เป็นปัญหาครับ พูดได้บ้างแต่พูดไม่ชัดมาก ไม่มีปัญหาในส่วนของสมอง ปกติครับ มีกำลังใจดี ผมต้องมีหน้าที่ในการทำงานอีกขั้นต่อไป ผมค่อนข้างทำทุกอย่างให้มีระบบ อาการหลอดเลือดสมองตีบตอนนี้หายแล้วครับ แต่มีอาการเพิ่มเติมในเรื่องของดวงตาซ้าย ที่มีอาการมองไม่เห็นเนื่องจากผลกระทบจากหลอดเลือดในสมองตีบ ในส่วนของค่ารักษาก็หลักแสน ก็ช่วยๆ กัน เป็นเงินจากการจัดคอนเสิร์ตครั้งที่แล้ว แต่อยู่ที่นี่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผมไม่อยากจะคิดเยอะ ขอคิดเรื่อยๆ เปื่อย ๆ ไปก่อนครับ”
อาการดวงตาซ้าย มองไม่เห็นเนื่องจากผลกระทบจากหลอดเลือดในสมองตีบนั้น “นายชาตินันท์ เชยประเสริฐ” เผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าต้องรอคุยกับแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ก่อน
“เราเพิ่งทราบเรื่องเมื่อ 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา โดยอาการของโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด จากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ คือมันในสมองในส่วนที่ควบคุมการมองเห็น มันเสียไปตรงนั้นพูดตรงๆ ว่าคุณโจอี้คงมองไม่เห็นข้างหนึ่ง ในเบื้องต้น ตอนนี้ทางศูนย์ฟื้นฟูสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้น BRC ทำการรักษาในเรื่องของดวงตาไม่ได้เลย แต่ว่าทางเราจะส่งต่อกับทางโรงพยาบาลที่ทำการรักษาในส่วนนี้ได้ต่อไป”
“ตอนนี้เรื่องดวงตาข้างซ้ายที่บอดเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้ทางศูนย์เราเน้นในเรื่องของการกายภาพบำบัด อาการของตาเป็นคนละเรื่องกับการฟื้นฟูที่ศูนย์นี้ การรักษาดวงตาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในการฟื้นฟูสมองที่ควบคุมการมองเห็น คือดวงตาของคุณโจอี้ไม่ได้เป็นอะไร กระจกตาไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เวลาส่งกระแสประสาทจากตาไปสู่สมองแล้วสมองประมวลผลไม่ได้ว่าภาพคืออะไร”
“เหมือนเมนบอร์ดที่ประมวลผลไม่ได้ พอประมวลผลไม่ได้ก็หมายความว่าเราต้องมาดูว่าสมองส่วนที่เสียไปจะมีโอกาสฟื้นกลับมาได้หรือไม่ ตอนนี้ยังยืนยังไม่ได้แต่ว่าโดยรายละเอียด คาดว่าต้องรอคุยกับแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ก่อนครับ”
สำหรับเรื่องคดีเสพยาเสพติด (ยาไอซ์) ที่เป็นเป็นคดีความและถูกจับกุมก่อนนี้ โจอี้ได้เผยว่า ตอนนี้ตนอยู่ในสถานะคนป่วย มีเจ้าหน้าที่คอยมาตรวจอยู่ตลอดว่ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกหรือไม่ ก่อนฝากถึงคนที่มองว่าตนป่วยเพราะเสพยาเสพติดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“ตอนนี้ผมอยู่ในสถานะคนป่วย เจ้าหน้าที่เข้ามาเยี่ยมเพื่อดูว่าเราไปเสพอีกหรือเปล่า ซึ่งไม่มีเลย ถามว่ามีผลต่อสภาพจิตใจมั้ย ต้องทำใจ ก็คิดซะว่าผ่านไปแล้ว ไม่มีปัญหา มีเพื่อนมา แต่เราไม่รู้เลยใครเป็นใคร ส่วนครอบครัวก็มา ลูกมาทุกสามวัน อย่างวันที่ 28 ก.ค. ลูกสาวก็มา และตอนนี้เขาก็อยู่กับน้าสาว ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้มองภาพอยู่ 3 ภาพ คือภาพโดยรวม ภาพลูกสาว และภาพตัวเองว่าจะก้าวต่อไปยังไง เพราะเราก็หวังว่าจะกลับไปทำงานได้อีกครั้ง”
“สมองแทบไม่ได้คิดเลย แทบจะไม่คิดเลยว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ใจเย็นๆ ค่อยๆ เดิน มันเดินได้อยู่แล้ว สำหรับที่คนมองว่าผมป่วยเพราะ ใช้ยาเสพติด จริงๆ ไม่ใช่ครับ ผมฝากบอกคนที่ติดตามผมว่าผมก็ยังเหมือนเดิม ผมยังรักทุกคนเหมือนเดิม เรื่องมันไปไกลมากเชื่อได้เลยว่าผมรักทุกคนครับ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงดีครับ”
ด้าน “นางนิตยา ชไนศวรรย์” กรรมการบริษัท กล่าวเสริมถึงเรื่องคดีว่า ตอนนี้โจอี้เป็นผู้ป่วย ดังนั้นจะไม่มีการดำเนินคดีแล้ว แต่จะมีเจ้าหน้าที่ของทางกรมคุมประพฤติเข้ามาติดตามอาการ และทำงานร่วมกับทางศูนย์ฟื้นฟูฯ จนเข้าสู่กระบวนการคืนคนดีสู่สังคม
“ในส่วนของเรื่องคดี เขามองคุณโจอี้เป็นผู้ป่วย ดังนั้นจะไม่มีเรื่องของการดำเนินคดีแล้ว โดยตอนนี้ทางกรมคุมประพฤติ ก็ได้มาติดตามและทำงานร่วมกับพวกเราทางศูนย์ฟื้นฟูฯ ให้ความสะดวกค่อนข้างมาก คือกรณีถ้าคนทั่วไปปกติ จะต้องเดินทางไปที่กรมคุมประพฤติเพื่อรายงานตัวว่าไม่มีโอกาสในการกลับไปใช้ยาเสพติด แต่สำหรับคุณโจอี้หลังเกิดคดีมีการเจ็บป่วย เลยทำให้มีปัจจัยหลายอย่าง ด้วยสภาพร่างกาย ทางกรมคุมประพฤติเลยเป็นฝ่ายมาหาแทน ทำงานร่วมกับทางเรา”
“และมีการมาตรวจเยี่ยมทั้งหมด 4 ครั้ง นี่ก็มาแล้ว 3 ครั้ง เหลืออีกครั้งสุดท้าย ไม่เกินช่วงต้น ก.ย. คือจะมีเจ้าหน้าที่ มากัน 4 ท่าน เพื่อมาซักประวัติ ตรวจปัสสาวะ ตรวจร่างกายปกติ โดยทางเราก็จะต้องมีการรายงานอาการกลับไปเรื่อยๆ และถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็จะพ้นในระยะฟื้นฟู ซึ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยในอีก 1-2 เดือนนี้ ไม่มีการดำเนินคดีต่อคือจบจริง และหลังจากฟื้นฟูจบแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการคืนคนดีสู่สังคม คือปัจจุบันบ้านเราผู้เสพถือเป็นผู้ป่วย พอบำบัดหายแล้ว ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการคืนคนดีสู่สังคมค่ะ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)