เหล่านักแสดงนำของหนังอย่าง “คริส แพร็ตต์” และ “โซอี ซัลดานา” แสดงความเห็นถึงกรณี Disney ไล่ “เจมส์ กันน์” ออกจากหน้าที่กำกับหนัง Guardian of the Galaxy Vol. 3 แล้ว ขณะที่ “เดฟ บาทิสต้า” ออกตัวปกป้องผู้กำกับที่ช่วยให้เขาโด่งดังในหนังเรื่องนี้อย่างชัดเจน และบอกด้วยว่า ตนเองไม่โอเคกับการตัดสินใจของ Disney
“พี่น้องที่รักของฉัน, ให้ทุกคนไวในการฟัง, ช้าในการพูด, ช้าในการโกรธ” คริส แพร็ตต์ อ้างข้อความในพระคัมภีร์ในบท เจมส์ 1:19 เพื่อแสดงความเห็นถึงกรณีที่ Disney ตัดขาด เจมส์ กันน์ ออกจากหนังจักรวาลภาพยตร์ Marvel
ส่วน โซอี ซัลดานา ก็พูดถึงเรื่องนี้ผ่านทาง Twitter ว่า “ฉันคงจะไม่โกหกหรอกที่จะบอกว่าต้องอดทนมากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเลือกที่จะหยุดตัวเองก่อนจะพูดอะไรออกไป ตอนนี้อยากให้ทุกคนทราบแค่ว่า ฉันรักสมาชิกของครอบครัว Guardian of the Galaxy เสมอ และจะรักตลอดไป”
แต่คนที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็น เดฟ บาทิสต้า ที่กล่าวว่า “ผมมีอะไรอยากจะพูดอีกมาย แต่ตอนนี้ขอบอกแบบนี้ก่อน เจมส์ กัน คือ คนที่เป็นที่รักที่สุด ห่วงใย และดีกับทุกคนที่เขาได้พบเจอ เขาเป็นคนสุภาพ ห่วงใย ไม่ว่าจะทั้งกับคน และสัตว์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง เขาเคยทำเรื่องผิดพลาด ซึ่งเราทุกคนก็เคยกันทั้งนั้น ผมไม่โอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเลย”
ยังมีดาราจากหนังเรื่อง Guardian of the Galaxy และคนในวงการอีกมากมายที่ออกตัวปกป้องเจมส์ กันน์ รวมถึง ฌอน กันน์ น้องชายของเจมส์ ที่ร่วมแสดงในหนัง Guardian of the Galaxy ที่ยอมรับว่า พี่ชายของเขาเคยทำเรื่องไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้ว และการได้สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ก็ทำให้ เจมส์ กันน์ เป็นคนดีมากกว่าเดิมด้วย
เจมส์ กันน์ ถูกเปิดโปงว่า เคยทวีตข้อความล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องการข่มขืน และล่วงละเมิดทางเพศเด็ก นับสิบข้อความระหว่างปี 2008-2011 ซึ่งข้อความจำนวนไม่น้อยมีความล่อแหลมรุนแรงมาก แต่คนส่วนหนึ่งก็มองว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เจมส์ กันน์ ยังเคยออกปากขอโทษเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมในอดีตของตัวเองมาแล้วด้วย แต่สุดท้าย Disney ซึ่งเน้นขายผลงานให้กับเด็กๆ ก็ตัดสินใจไล่กันน์ ออกจากการมีส่วนร่วมในหนังของ Marvel ทั้งหมดอยู่ดี
ขณะเดียวกัน คนที่เห็นว่า เจมส์ กันน์ ควรได้รับการให้อภัย และให้โอกาสเขามาสานต่อผลงานภาพยนตร์ Guardian of the Galaxy ได้ร่วมกันล่ารายชื่อเพื่อให้ Disney เปลี่ยนใจ และตอนนี้มีคนไปร่วมกันลงชื่อถึง 250,000 คนแล้ว