น่ากลัวมาก อดีตนักร้อง “เม จีระนันท์” แฉรพ. ดังที่เกาหลี จ่าย 8 แสนผ่าตัดเสริมนมแต่เกิดผิดพลาด เลือดออกมากผิดปกติ ซัดหมอปกปิด ให้หิ้วถุงระบายเลือดขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย ติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง โอกาสรอด 10 เปอร์เซ็นต์ สุดปรีี๊ดเอเจนท์
หลังจากที่มีกระแสข่าวที่ระบุว่า อดีตนักร้องสาวย่านลาดพร้าว ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ติดเชื้อเกือบตาย ล่าสุดก็เผยแล้วว่า อดีตนักร้องคนดังกล่าวคือสาว “เม จีระนันท์ กิจประสาน” เจ้าของเพลงดัง “นอนไม่หลับ(ถ้าไม่กลับพร้อมเธอ)” โดยเจ้าตัวได้เปิดใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเผยว่าตอนนั้นโคม่า โอกาสรอดเหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น พร้อมแฉจัดเต็มถึงเอเจนท์ที่ไม่เป็นมืออาชีพ ปล่อยคลิปสุดสยอง
“หลังจากทำศัลยกรรมมาจากที่เกาหลี ที่รพ. Grand Plastic Surgery การผ่าตัดผิดพลาด เลือดออกมากผิดปกติ แต่ทางรพ.ปกปิด ให้เมหิ้วถุงระบายเลือดขึ้นเครื่องบินกลับมาไทย เมติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง เป็นเชื้อที่ชื่อ Pseudomonas Aeruginosa ซึ่งพบได้ในรพ.และสถานพยาบาลเท่านั้น เมโคม่า โอกาสรอดเพียง 10% อยู่ ICU และรับการผ่าตัดอีก 3 ครั้ง (ในคลิปนี้ เมได้รับการรักษาที่รพ.ไทยแห่งหนึงเป็นที่แรกค่ะ)”
“Part 1 : ทำไมถึงตัดสินใจทำศัลยกรรม และเลือกรพ. เอเจนท์นี้”
“เมไม่ได้บอกว่า การทำศัลยกรรมไม่ดี หรือไม่ควรทำนะคะ แต่เมออกมาพูด เพื่อแชร์ประสบการณ์ในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง บทเรียนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดพลาดของเมเอง ที่ไปหลงเชื่อและไว้ใจเอเจนท์กับโรงพยาบาลผิด !! ดูเพียงแค่การโฆษณา รีวิว อวดอ้างชื่อเสียงของ รพ.และเอเจนท์”
“ศัลยกรรม” ได้เปลี่ยนชีวิตคนจำนวนหนึ่ง ในทางที่ดีขึ้น และเมขอบอกเลยว่า คนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ คุณคือคนที่โชคดีมาก แต่ในทางกลับกัน “ศัลยกรรม” ก็ได้เปลี่ยนชีวิตคนจำนวนไม่น้อย ในทางที่เลวร้าย บางคนเสียโฉม ทุพพลภาพ ถึงแก่ความตาย บางคนแม้ไม่ตาย แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ซึงเมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เกือบต้องเสียชีวิต จากการทำศัลยกรรม !!
“นี่เป็นการทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตของเมเลยค่ะ เมทำธุรกิจขายเสื้อผ้า เป็นนางแบบด้วยตัวเอง แต่เมรูปร่างเล็ก สัดส่วนดูเหมือนเด็ก จึงอยากเสริมหน้าอก เพื่อให้ใส่เสื้อผ้าสวย ประกอบกับอายุที่มากขึ้น หนังตาของเมเริ่มหย่อนคล้อย ชั้นตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน และเมก็มีแพลนที่จะกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง (เมเคยเป็นนักร้องนักแสดง สังกัด RS มาก่อนค่ะ) จึงอยากเสริมบุคลิกและความมั่นใจ”
“เมคิดว่าตัวเองได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว โดยเลือกเอเจนท์ชื่อดังให้ดูแล ซึ่งก็คือ คุณ อุ้ม รัสรินทร์ กับโรงพยาบาลแกรนด์ (Grand Plastic Surgery) เป็นรพ.ใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเกาหลี (คุณอุ้มบอกว่ายังงั้น) โดยดูจากการโฆษณารีวิวลูกค้า มีทั้งดารา เซเลป เน็ตไอดอล คุณอุ้มบอกกับเมว่าลูกค้าเขามีทั้ง นักการเมือง ไฮโซ ดารา คนไทยที่เขาพามาทำศัลยกรรมที่นี่ เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 50-60 คน”
“Part 2 : รพ. เอเจนท์ขายฝัน ปิดการขาย จ่ายไม่มีใบเสร็จ ไม่มีสัญญา”
“เมนัดเจอกับคุณอุ้มที่เกาหลี ที่รพ. Grand กลางเดือน พ.ย. 60 เป็นการ Consult ครั้งแรกกับคุณหมอยุน เจ้าของรพ. เมต้องการทำ 2 อย่าง คือตาและหน้าอก เขาบอกกับเมว่าปัญหาบนใบหน้าของเม คือโหนกแก้มและคาง และแนะนำให้เมจัดโครงหน้า ทุบโหนก ดึงคางลงมาให้ยาวขึ้น เมตกใจและปฏิเสธทันที เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำเลย”
“แต่เขาก็พูดโน้มน้าวให้เมเห็นว่า การจัดโครงหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน 45 นาทีก็เสร็จ ยังโน้มน้าวให้ทำไปพร้อมๆ กันกับการทำหน้าอกและตา เพราะต้องวางยาสลบอยู่แล้ว เจ็บครั้งเดียว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการวางยาอีก และจะได้ส่วนลดมากกว่า ที่สำคัญคือหน้าจะหวานขึ้น ดูเด็กลงไป 10 ปี เมก็เคลิ้มสิคะ แต่ขอตัดสินใจอีกที”
“ในส่วนของการทำหน้าอก เมต้องการผ่าเอาซิลิโคนเข้าทางรักแร้ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคีรอยด์หรือไม่จึงไม่อยากให้มีแผลที่ใต้ราวนม แต่วันนั้น คุณหมอพยายามโน้มน้าว ให้เมผ่าทางใต้ราวนม โดยบอกว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก สูญเสียเนื้อเยื่อน้อยกว่า ระยะเวลาพักฟื้นสั้นกว่า คือ 1 เดือน แต่การผ่าทางรักแร้ จะเป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลาพักฟื้น 3 เดือน และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า เพิ่มเงินประมาณ 40,000 บาท โน้มน้าวกันอยู่นาน คุณหมอดูหงุดหงิด จนเมเริ่มเอะใจ จึงถามตรงๆ ว่าคุณหมอทำให้ได้หรือไม่ ไม่ชำนาญ หรือมีอะไรมั้ย แต่เขาก็บอกว่า ไม่มีอะไร ถ้าเมอยากทำ เขาก็ทำได้ เพียงแต่เขาเห็นว่า จะได้ไม่ต้องพักฟื้นนาน และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เขาทำให้ลูกค้าได้หมด คุณอุ้มเอง ที่นั่งอยู่ในห้องวันนั้น ก็ยังบอกกับเมว่าถ้าเมอยากทำที่รักแร้ ก็ทำได้เลย ไม่มีปัญหา อย่าตามใจหมอ เอาที่เมสบายใจเลย”
“เราก็สรุปกันวันนั้นว่าจะผ่าทางรักแร้ ซิลิโคนขนาดเล็ก 230-250 CC (แต่ไม่ได้แจ้งยี่ห้อของซิลิโคนให้เมทราบ ไม่มีการ์ดที่ระบุยี่ห้อและ serial number เหมือนที่อื่นๆ ซึ่งเมก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามันต้องมี) เมขอคุณหมอมือหนึ่ง ซึ่งคุณอุ้มได้จัดคุณหมอลี เซ ฮวาน ให้ และขอให้เมวางเงินมัดจำทันที เพื่อจะนัดคิวคุณหมอ เขาบอกว่าคุณหมอคิวค่อนข้างแน่น ต้องจ่ายเงินมัดจำก่อน จึงจะนัดคิวได้ กำหนดวันผ่าตัด คือ 21 ธันวาคม 2560 เมจ่ายเป็นเงินสด 800,000 กว่าบาท โดยที่รพ.ไม่ได้ออกใบกำกับภาษีให้ เพราะเขาจะให้ส่วนลดเมเพิ่มขึ้นอีก 10% ค่ะ”
Part 3 : ก่อนขึ้นเขียง สภาพไม่พร้อมยังฝืน ผ่าแล้วเลือดออกผิดปกติ ยังปกปิด ให้หิ้วถุงระบายเลือดกลับไทย ยังบอกว่า “ไม่เป็นไร”
“วันผ่าตัด 21 ธ.ค. 60 ช่วงเช้า คุณหมอลี ซึ่งเป็นหมอที่ทำหน้าอกและตาให้เม จะทำการดีไซน์รูปทรงหน้าอกและตา ระหว่างนั้น เมก็หน้ามืด เป็นลม ตอนนั้นคุณแม่ตกใจมาก เพราะปกติเมไม่เคยเป็นแบบนี้ จะไม่ยอมให้เมผ่าตัดในวันนั้น ขอเลื่อนออกไปก่อน แต่คุณหมอก็เอาผลการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพของเมมายืนยันว่าสุขภาพเมเป็นปกติ แข็งแรงดี สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ ที่เมเป็นลมน่าจะเกิดจากความกลัว เขาให้เมไปให้น้ำเกลือ นอนพักสักครู่ เมื่อเริ่มมีอาการดีขึ้น จึงเข้ารับผ่าตัดในวันนั้น ตามกำหนดเดิม เขาแจ้งว่าการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่การผ่าตัดจริงใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง และมีถุงระบายเลือดที่รักแร้ทั้งสองข้าง”
“หลังการผ่าตัดเมเริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อนภายในทรวงอก คล้ายมีน้ำกรดไหลแสบซ่านอยู่ภายในหน้าอก ลุกเดินแทบไม่ได้ เมถามคุณหมอถึงอาการผิดปกตินี้ คุณหมอบอกว่าเป็นอาการเจ็บปวดตามปกติหลังการผ่าตัด และมันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง”
“เขาให้เมนอนที่รพ. 2 คืน แต่เมเจ็บปวดมาก ไม่สามารถลุกเดินได้เลย จึงขอคุณหมออยู่ต่ออีกคืน เป็น 3 คืน จากนั้นให้เมย้ายไปอยู่ที่โรงแรมข้างๆ รพ.ซึ่งคุณอุ้มเตรียมไว้ให้ พยาบาลบอกให้คุณแม่เอาเลือด เทออกจากถุงระบายเลือดทั้ง 2 ข้างทุกวัน”
“เมเจ็บปวดแสนสาหัสมาก ขยับเขยื้อนตัวแทบไม่ได้ จะลุกไปเข้าห้องน้ำ คุณแม่ต้องคอยอุ้มประคอง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดตัวให้ เอเจนท์ที่เมเสียเงินเพราะคิดว่าเขาจะดูแลเป็นอย่างดี ก็มาเยี่ยมแค่ครั้งเดียวตอนออกจากห้องผ่าตัด ถ้าเมไม่มีคุณแม่มาด้วย แล้วเมจะทำยังไง จะประคองตัว เพื่อดื่มน้ำ ทานข้าวยังแทบไม่ไหว”
“วันที่ 28 ธ.ค.60 ตามกำหนดที่เมจะต้องตัดไหม ถอดถุงระบายเลือดออก และเดินทางกลับไทย เมื่อมาถึง รพ. คุณแม่ได้ให้คุณหมอลีดูปริมาณเลือดที่จดเอาไว้ และถามคุณหมอว่าทำไมเลือดของเมยังออกในปริมาณมากทุกๆ วัน ไม่ลดลงเลย มีอะไรผิดปกติมั้ย คุณหมอได้แต่ตอบว่า “ไม่เป็นไร” แต่บอกกับเมว่าเขาจะยังไม่ถอดถุงระบายเลือดออกให้เมนะ เมต้องหิ้วถุงระบายเลือด ขึ้นเครื่องกลับไทยด้วย ซึ่งเมตกใจมาก ถามคุณหมอหลายครั้งว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เพราะตามกำหนดคือจะใส่สายระบายเลือดประมาณ 3-7 วันหลังการผ่าตัด”
“คุณหมอก็ยังยืนยันว่า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นปกติดี” แต่เมก็สงสัยว่าถ้าเมกลับไทยแล้ว ใครจะเป็นคนเอาสายระบายเลือดออกให้เม ที่ไหน ยังไง คุณหมอบอกว่า เขาจะบินไปไทย ในวันที่ 3 ม.ค. 61 และจะเป็นคนเอาสายระบายเลือดออกให้เมเอง ที่ KTOP Clinic ซึ่งเป็นสาขาของรพ.Grand ในไทย ในย่านทองหล่อ เมถามคุณอุ้มว่าเคยมีใครที่ต้องหิ้วถุงระบายเลือดกลับไทยมั้ย เขาบอกว่า ไม่เคยมี เมเป็นเคสแรกทีต้องหิ้วถุงระบายเลือดกลับ แต่เค้าก็บอกเมว่าไม่เป็นไร”
“คุณหมอออกใบรับรองแพทย์ ให้เมยื่นสายการบิน และขอรถเข็นจากสนามบิน ทั้งที่เกาหลีและไทย เมเดินแทบไม่ได้เลย นับเป็น 7 วันหลังการผ่าตัดแล้ว แต่เมยังคงเจ็บปวดมาก ไม่เหมือนที่คุณอุ้มบอกเลยว่าตอนที่เขาทำ หรือลูกค้าคนอื่นๆ 3-4 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาการดีขึ้นๆ เมื่อมาถึงไทย เมก็อยู่แต่ที่บ้าน นอนเป็นผัก ลุกไปไหนไม่ไหว จะไปเข้าห้องน้ำ คุณแม่ต้องคอยอุ้มให้ลุกนั่ง พยุงตัวพาไป เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำให้เม ตลอดเวลา”
“อาการของเมในแต่ละวันไม่ดีขึ้นเลย เมเจ็บปวดแสนสาหัส อย่าว่าแต่เดินเลยค่ะ แค่ใครมาโดนแขนเมนิดเดียว เมก็จะเจ็บสะท้านไปทั้งตัว”
“ภาพเหตุการณ์ที่ รพ. Grand Plastic Surgery นะคะ เมได้นอนที่รพ. 2 คืน แต่เมเจ็บหนักมาก คุณแม่จึงขออยู่ต่ออีก 1 คืน พยาบาลสอนให้คุณแม่ เทเลือดออกจากถุงระบายเลือดทุกวัน แล้วให้เมย้ายไปนอนที่โรงแรมอยู่ติดกันกับข้างๆ รพ. พร้อมถุงระบายเลือด ถึงกำหนด 7 วัน ที่ต้องถอดสายระบายเลือดออก แค่หมอลีบอกว่ายังถอดออกไม่ได้ และให้เมหิ้วถุงระบายเลือดขึ้นเครื่องกลับไทยมาด้วย โดยบอกว่า “ไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นปกติดี”
เมเพิ่งมาทราบภายหลัง ว่ามันผิดปกติ !! การที่มีสายเดรนนานถึง 2 สัปดาห์ การที่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่พยาบาลเทเลือดออกจากถุงเดรน และยังให้หิ้วขึ้นเครื่องบินกลับไทยมาด้วย !!
“เมไม่ได้ต่อต้านการทำศัลยกรรมเกาหลีนะคะ แต่อยากให้เรื่องของเมเป็นอุธาหรณ์ ไม่อยากให้ใครต้องมาเสี่ยงชีวิตเหมือนเมอีก ซีรีย์ศัลยกรรมเกาหลี ยังไม่จบนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไป ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจทุกความห่วงใยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)