คุ้มมั้ย? “โอ๊ต ปราโมทย์” เปิดใจบ้างาน ถ่ายรายการวันละ 14-15 ชม. จนเท้าอักเสบเดินเหมือนคนพิการ ต้องฉีดสเตียรอยด์ โอดแม่ด่าทำงานหนักแบบนี้ทำไม พ้อกลัวไหลตายที่สุด แต่เป็นสิ่งที่รอมาตลอด 10 ปีกว่าจะมีวันนี้ ยอมรับทะเลาะ-ห่างแฟน แต่ยังไม่เลิก
มีคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นของตัวเองสักที สำหรับนักร้องหนุ่มอารมณ์ดี “โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” แต่ดูเหมือนสุขภาพจะไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไหร่ เพราะวันงานแถลงข่าว Chang Music Connection Presents OAT Pramote Show “The Uncensored” ณ Lobby GMM GRAMMY PLACE เจ้าตัวยังมีอาการเดินกะเผลกให้เห็นอยู่เลย ซึ่งหนุ่มโอ๊ตเผยว่าถึงขั้นต้องฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการปวดเลยทีเดียว
“ตอนนี้ก็ยังเดินกะเผลกอยู่ครับ ที่เห็นก็คือไปฉีดสเตียรอยด์มาที่ส้นเท้า มันเป็นถุงน้ำที่เป็นจอยซ์ระหว่างเอ็นร้อยหวายกับกระดูกส้นเท้าที่มันอักเสบ ซึ่งถามว่ามันเกิดจากอะไร ผมว่าเตะบอลก็ไม่ใช่ เพราะว่าเราก็ไม่เคยเจ็บตรงนี้ มันมาจากช่วงที่เราเคยทำงานหนัก ผมยืนถ่ายรายการบางที 15 ชั่วโมงหรือ 14 ชั่วโมงแล้วก็รองเท้ามันกดไปตรงนั้น แล้วเราเป็นคนไฮเปอร์ อยู่นิ่งได้ที่ไหน เราก็โวยๆ ตลอดเวลามันก็เลยอักเสบขึ้นมา ร่างกายมันก็เลยฟ้องว่าเราทำงานหนักเกินไป”
“แต่เป็นข้างขวาข้างเดียวครับ ผมว่าก็อาจจะเป็นไปได้ แล้วทรมานมาก เมื่อวันก่อนก็ถ่ายรายการที่เวิร์คพ้อยท์ก็ยืนไป 15 ชั่วโมง เมื่อวานไปเชียงใหม่อีก ผมเดินแล้วจะขอวีลแชร์ก็อายเขา (ยิ้ม) ผมเดินลากขาไปขึ้นเครื่อง แล้วขึ้นลงก็เดินลากไปอย่างนั้น โอ้โหลำบากมาก แล้วก็เอาเงินมารักษาขาตรงนี้ได้เลยครับ คุณหมอบอกว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ เป็นเดือนกว่าจะหาย แต่ถ้าพักก็ประมาณอาทิตย์หนึ่งครับ ตอนนี้ก็กินยาแล้วก็พ่นยาด้วย จริงๆ หมอบอกไม่ได้เกี่ยวกับน้ำหนักมาก เพราะมันเกี่ยวกับรองเท้าที่เราใส่ด้วย หรือบางทีไลฟ์ไสต์ของเราด้วย อันนี้ก็เกิดจากการยืนของเราด้วย ตอนนี้พยายามอยู่ครับ อันไหนพอพักนั่งได้ เราก็พยายามนั่งก่อน”
เชื่อหายแน่นอน แต่แอบกังวลผลข้างเคียงจากยาสเตียรอยด์
“ถามว่ากังวลมั้ย ผมว่ามันหายทัน ผมว่า 1-2 อาทิตย์ก็หายแล้ว แต่งานในเดือนนี้มันแน่นมาก 31 วันเลยครับ หยุดไม่ได้ครับ เราก็พยายามจะคุยกับพี่เขาก่อนว่าผมเจ็บขานะ อะไรที่มันหนักกันไปพี่ก็พยายามเลี่ยงให้ผมหน่อย ซึ่งถามว่ามันกระทบกับงานมั้ย ก็กระทบมาก ผมร้องเพลงเชียงใหม่เมื่อวาน มันเหมือนคนพิการยืนเท้า แล้วเวลาจะขยับก็เจ็บคือยืนเฉยๆ ก็ไม่เจ็บๆ แต่พอมีการขยับไอ้ถุงนั้นน่ะจะเจ็บ”
“แฟนทราบครับ ทุกคนทราบหมด แต่เราทำงานด้วยไงก็เลยไม่มีเวลา ดูแลตัวเองก็ลำบาก แต่ถามว่ากลัวมั้ยว่าทำงานหนักสุดท้ายต้องเอาเงินมารักษาตัวเอง บอกเลยว่ากลัวครับ กลัวมาก ตอนนี้เริ่มกลัวตาย ทำงานหนักจนกลัวนอนไหลตาย แต่ว่าทำไงได้ผมรอมาตั้งนานตั้ง 10 ปีกว่าจะมีวันนี้ มันเป็นช่วงที่เราต้องทำให้เต็มที่ ซึ่งถามว่าเหนื่อยมั้ยต้องบอกว่าเหนื่อยมาก เพราะต้องล็อกงานหนึ่งเดือนเพื่อซ้อมคอนเสิร์ต แต่ตอนนี้อายุขนาดนี้เรายังมีแรงทำงานอยู่ เพราะอีกปี สองปีที่ผมทำงานหนัก อาจจะไม่มีแรงทำคอนเสิร์ตใหญ่ก็ได้ ก็เลยรีบทำก่อน แต่ไม่ได้แคนเซิลงานครับ แค่ไม่รับเพิ่มเท่านั้นเองครับสำหรับตอนนี้”
“กลัวฟีดแบ็กจากยาสเตียรอยด์ครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ ผมต้องใช้กับร่างกาย มันต้องฉีดไปก่อน แต่พยายามไม่ฉีดบ่อยๆ แต่คุณหมอบอกให้เบาหน่อยๆ ครับ กลัวจะไม่ได้ใช้ตังค์เพราะว่าครั้งหน้ามาอย่าถึงขนาดตัดขาเลย หมอเขาห่วง หมอน่ารักมากเลยครับ แต่ผมคิดว่ามันอาจจะมาจากรองเท้าวิ่งหรือช่วงนี้ผมเริ่มวิ่งสายพาน เริ่มมาเดินสายพาน เริ่มมาวิ่งใกล้คอนเสิร์ต ผมก็อยากให้มันฟิตหน่อย อาจจะเป็นจากรองเท้าวิ่งที่มันกดมากเกินไป แต่มันไม่ได้เป็นเลยไง มันวิ่งเสร็จ 2 ชั่วโมงแล้วค่อยเป็น ซึ่งตอนนี้ก็ยังปวดอยู่”
จ้างเทรนเนอร์มาลดน้ำหนัก แต่กลับไม่มีเวลา แม่ด่าทำงานหนักขนาดนี้ทำไม
“ก็อยากลดน้ำหนักมาก แต่ไม่ลดเยอะครับ ตอนนี้ก็พยายามจ้างเทรนเนอร์ มาเทรนที่บ้าน แต่ปัญหาก็คือผมไม่มีเวลาที่จะเทรนมาก เพราะเดือนนี้มันแน่นมาก เพราะเดือนหน้าผมจะหยุดไง ก็เลยอัดเดือนนี้ให้มันสต็อกเอาไว้ ที่บ้านก็บ่นๆ กันครับ บ่นว่าทำไมต้องทำงานหนักขนาดนี้ แม่ก็ด่าบอกว่าทำไม ลำบากเหรอ เป็นหนี้เหรอ ทำงานอะไรหนักขนาดนี้ ซึ่งเราก็สนุกกับการทำงาน ซึ่งแม่เราก็เป็น ผมก็เลยบอกแม่ว่ามันเป็นแบบๆ นี้นะ แม่อย่าด่าเลย”
บ้างานจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน จนห่างแฟนสาวแต่ยังไม่ถึงขั้นเลิกกัน บอกอีก 1-2 ปีค่อยวางแพลนแต่งงาน
“เรื่องแต่งงานก็ยังครับ ขอทำงานก่อน งานมันแน่นมากเลย คือมันก็มีห่างกันบ้าง เพราะผมทำงานหนักมาก หนักมากแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย กลับถึงบ้านก็หลับ คือบางทีไม่ได้คุยกัน 3-4 วันไม่ได้คุยเลย แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย ซึ่งทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ เพราะโทรศัพท์แทบไม่ได้คุยเลย แค่ไลน์ว่าออกจากบ้าน ทำงานแล้ว ถึงบ้านแล้วแค่นี้เลย”
“ที่มีข่าวลือว่าเลิกกัน คือถามว่ามีทะเลาะกันบ้างมั้ย ก็มีทะเลาะกัน เพราะผมเองทำงานหนัก เรารู้สึกว่าเราอยากทำตรงนี้ให้มันสมบูรณ์ คือถ้าอะไรที่ผมได้รับผิดชอบแล้ว ผมอยากทำให้มันดี ไม่ค่อยเหลาะแหละ ผมเลยรู้สึกว่าบางทีเราบ้างานมากเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาทั้งคู่เลยครับ ถามว่ากลัวจะกระทบมั้ย มันมีอยู่แล้ว เพราะทำงานหนัก จะพูดว่าไม่กระทบไม่ได้หรอก มันกระทบอยู่แล้ว แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าเขาจะเข้าใจหรือเปล่า ซึ่งก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ยังไม่ได้เลิกกัน แต่มีทะเลาะกันบ้าง มีห่างกันบ้าง”
“แต่ถามว่าจะแต่งงานมั้ย มีครับ แต่ผมอยากทำงานก่อน คือถ้างานแต่งงาน ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขา เพราะทุกวันนี้ผมอยากเลี้ยงหมามาก แต่ผมไม่มีเวลาให้มัน ผมรู้สึกว่าถ้าผมว่าง เดี๋ยวผมจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอยู่ด้วยกันและอยากใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะๆ ไม่ใช่ผมแต่งงานแล้วออกไปทำงาน ผมจะแต่งงานทำไม ฉะนั้นควรให้ชีวิตมันเซ็ตตัวกว่านี้ หรือรอให้งานมันเบากว่านี้ อีก 1-2 ปีค่อยว่ากันครับ”
“ไม่ได้หมายถึงว่าจะปลีกตัวจากงานในวงการ แต่คือตอนนี้ผมอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ หลังจากเสร็จอาจจะคิดว่าต่อไปจะทำอะไรดี จนวันหนึ่งเรารู้สึกว่าเราพอแล้ว เราไม่ต้องมีโกลด์และเราก็ค่อยคุยกันว่าจะเอายังไงดี ซึ่งผมมองว่าเรื่องแต่งงาน เป็นรูปธรรมคือใครก็แต่งงานกันได้ แต่ว่าคนที่จะอยู่กันได้นานๆ การแต่งงานมันไม่ใช่จุดสุดท้ายของชีวิต คนแต่งงานเลิกกันก็เยอะแยะ ขนาดคนมีลูกเลิกกันก็มี ผมเลยรู้สึกว่าเอาทุกวันนี้ให้มีความสุขดีกว่า”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)


