xs
xsm
sm
md
lg

“ฮั่น” ตอกกลับดรามาถามเด็กเป็นป่ะ! กลางรายการ ยันไม่ได้เหยียดเพศ ถ้าเหยียดจะไม่แต่งหญิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ฮั่น เดอะสตาร์” ควักเงินตัวเองออกซิงเกิลใหม่ ขอจริงใจในสิ่งที่ทำ ยันไม่ซีเรียสคนจดจำบทบาทจากละครได้มากกว่านักร้อง บอกขำๆ แค่จำท่าเด้งเป้าได้ก็แฮปปี้ ตอกดรามาเหยียดเพศ ในรายการ World of Dance Thailand-เต้นบันลือโลก วอนอย่าตัดสินจากคลิปไม่กี่วิ มั่นใจไม่ได้อคติ ถ้าเหยียดจะไม่แต่งหญิง ติงให้ระวังจะเป็นฆาตกรโซเชียล

ออกซิงเกิลใหม่ “เอาที่สบายใจ” นักร้องนักแสดงหนุ่ม “ฮั่น อิสริยะ ภัทรมานพ” ลงทุนควักเงินทำเพลงขายเอง โปรโมตเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวเผยสาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะต้องการตอบโจทย์ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ได้สนรายได้แต่สนความสุขที่ได้ทำงานเพลงมากกว่า

“ก็สนุกดี แล้วก็ตอบโจทย์กับสิ่งที่ตัวเองต้องการ ตอนนี้เพลงก็ปล่อยออกมาได้พักนึงแล้วสำหรับเพลงเอาที่สบายใจ เหมือนชื่อเพลงมาในที่ๆ ถูกจังหวะ (หัวเราะ) เพราะการทำเอง มันก็จะได้ในเรื่องของความแตกต่างตรงที่เราสามารถทำเพลง แล้วเป็นตัวของเราเองได้มากที่สุด ถ้าในเรื่องของการทำงานผมมองว่ามันก็ไม่ค่อยขนาดนั้น มันอาจจะเหนื่อยกว่า เพราะว่าเราต้องลงมาทำเพลงทั้งหมด แต่ถ้าเป็นตอนเราอยู่ค่ายก็มีฝ่ายนั้นฝ่ายนี้คอยมาประสานงานให้ ผมว่าเราได้เรียนรู้จากการทำงานจากค่ายมา ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว วิธีการทำงานของเราก็ไม่ได้แปลกไปจากเดิม”

“การทำเพลงเองมันเป็นเรื่องของการลงทุน ซึ่งมันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มามั้ย อย่างตัวผมเอง ออกมาทำเองก็ต้องควักเงินเองอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ สำหรับผมมันไม่มีคำตอบว่ามันคุ้มไม่คุ้ม แต่ว่ามันมีความสุขมากกว่ากับผลที่ได้รับ มันอาจจะไม่ได้ตรงตามที่ต้องการ แต่เราก็สามารถพูดออกมาได้ว่า ตอนนี้เราทำเพลงซิงเกิลใหม่ออกมา และคิดว่าคนอาจจะมองเราในเรื่องของเพลงมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าละครมาแทน กลายว่าคนเห็นเพลงแล้วอยากให้มาเล่นโน่นนี่นั่น ก็มีเอ๊ะเหมือนกันว่า เราทำละครเองหรือเปล่า ก็งงเหมือนกัน ก็ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนโดยที่เราไม่รู้ตัว”

จริงใจในสิ่งที่ทำ หวังให้คนจำได้ว่าเป็นนักร้องเด้งเป้าเก่งๆ ก็โอเคแล้ว
“จริงๆ เราก็ไปงานอีเวนต์อยู่ตลอด คนทั่วไปที่เขาไม่ได้ไปเจอเราตามงานอีเวนต์ เขาก็ดูกันที่ผลงาน และเพลงเราก็ยังอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักขนาดนั้น แต่พอพูดถึงงานละคร คนก็จำได้ว่าฮั่นเคยเล่นละครเรื่องนี้ เล่นซีรีส์เรื่องนี้ อย่างเรื่องเพลงอาจจะยังไม่รู้จัก คือบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมคือนักร้อง เขาอาจจะรู้ว่าเรามาจากเดอะสตาร์ แต่ผมคิดว่าเราจริงใจกับสิ่งที่เราทำสักวันหนึ่งผลงานของเรา จะเป็นที่รู้จักชัดเจนในฝั่งไหนฝั่งหนึ่งไปเลย อย่างเวลาผมไปไหนมาไหน แล้วมีคนจำได้ ไม่ต้องจำได้ว่าเล่นละครหรือร้องเพลง แค่คนจำเราได้ว่านี่มันเด้งเป้าเก่งๆ นี่หว่า คนพูดแค่นี้ผมก็โอเคแล้ว เพราะอย่างน้อยก็เท่ากับว่าผลงานของเราเคยผ่านสายตาและเป็นที่ทำให้เขาจดจำได้ ไม่ต้องแบบว่าไปนั่งคาดคั้นอะไร”

“ถามว่าโดยส่วนตัวทอยากให้เขาจำภาพเราเป็นอะไร แค่คนทั่วไปเขาดูผลงานเราแล้วโอเคก็โอเคแล้ว ไม่ต้องไปตีกรอบให้เขาว่าเขาจำเราเป็นอะไร ถ้าคนอยากให้ผมกลับมาทำเพลงแบบเดิมที่โชว์การเด้งเป้าผมก็โอเคนะครับถ้าคนเรียกร้องขนาดนั้น (หัวเราะ) ถ้าทำได้ แต่เอาไว้ให้เป็นกิมมิกในการโชว์ และเป็นกิมมิกในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไป แต่ว่าไม่ต้องไปเน้น ขนาดนั้น (หัวเราะ)”

แฮปปี้กระแสตอบรับรายการ "World of Dance Thailand-เต้นบันลือโลก” ดีเกินคาด
“ดีครับก็ขอบคุณทุกคำชมที่เข้ามา ในเรื่องของกรรมการดูเหมาะสม ก็ทีมงานก็มีส่งมาให้ดูซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าขอบคุณทุกคนที่เขาเห็นตรงกับเรา ขอบคุณพี่ๆ ทีมงานขอบคุณที่ เหมือนว่าทุกๆ ตัวอักษรที่เขาพิมพ์มาตรงกับสิ่งที่เขาคิด ต้องยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่คิดยากเหมือนกันกับการที่จะเอาคณะกรรมการมาอยู่ตรงนี้ว่าเป็นใครที่เหมาะสม ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้เกียรติ เชื่อใจและให้เกียรติผมมาเป็นกรรมการ”

“ความแตกต่างของรายการนี้มันไม่ใช่แค่ว่ามาเต้นๆ แล้วจบ และมันก็ไม่ได้ตัดสินกันแค่กรรมการอย่างพวกผมมานั่งดู แล้วตัดสินเขามันไม่ได้จบที่ตรงนั้น เพราะแค่คณะกรรมการก็มีการถูกคัดกรองมาตั้งแต่ทีมงานจากต่างประเทศ แล้วอันนี้ไม่ได้เป็นแค่ทีมงานไทยเลือกมา ทีมงานต่างประเทศเขาก็เลือกเขาก็ดูโปรไฟล์ว่าใครเหมาะสมที่จะมาอยู่ตรงนี้เพราะการที่เราจะต้องมานั่งตัดสินคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย ตรงนี้มันเหมือนเป็นกีฬา ที่จะต้องหาตัวแทนประเทศไทยเพราะการเป็นตัวแทนประเทศไทยมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก และเราต้องหาแค่หนึ่งเดียวแล้วไปแข่งกับแต่ละประเทศก็คือระดับโลกที่อเมริกา”

“รายการนี้คือจริงมาก คุณดรามามาหนักแค่ไหน เราไม่สามารถรู้ได้ ผมเป็นกรรมการผมจะเห็นแค่ผลงานของเขา ไอ้ที่เขาดรามากันมา ว่าเขาชีวิตลำบากมาขนาดไหนอันนี้ผมไม่รู้เลย ผมจะรู้แค่ว่าผลงานที่วัดกันอยู่ข้างหน้า คนที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้อาจจะย้อนถามกลับมาอีกว่าถ้าไม่รู้แล้วจะถามได้ยังไง ซึ่งผมก็ต้องตอบได้ว่าสิ่งที่เขาสื่อสาร เรารู้สึกได้ และมีคำถามเกิดขึ้นว่าเขาอยากสื่อสารอะไร คุณผ่านอะไรมาในการแสดงแบบนี้ หมายถึงว่าเราเห็นบางคนเต้น แล้วน้ำตาไหลขนาดนั้น บางคนร้องไห้ จริงจังแต่ก็ยังเต้นต่อไป เราก็ต้องถามว่าทำไมมันขนาดนั้น โชว์นี้คือโชว์อะไรมันสื่อสารจนเรารับรู้ได้เราก็พูดออกไป”

ลั่นแล้วแต่จะมองว่าวัยวุฒิและคุณวุฒิของตนยังเด็กเกินไปหากเทียบกับคณะกรรมการคนอื่น บอกตนสั่งสมประสบการณ์อยู่กับการเต้นมาครึ่งชีวิตแล้ว
“ก็คงต้องแล้วแต่มุมมองของคนว่าแต่ละคนมีมุมมองความคิดเห็นยังไง แต่ว่าจากที่ถ้าเป็นมุมมองในเรื่องของการเต้น ผมคงต้องบอกว่าผมเองก็อยู่กับการเต้นมาจะครึ่งชีวิต เอาเป็นว่าเราจะพยายามคอมเม้นต์และให้ความรู้กับผู้เข้าแข่งขันให้ได้มากที่สุด จากประสบการณ์ที่เรา เรียนรู้มา นั่นคือสิ่งที่เราพยายามทำให้ ทุกๆ คนได้เห็น สำหรับผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่เขาผ่านมาแล้ว เขาก็มีการพูดคุยกับเรา เขาก็บอกว่าเขารู้สึกว่าเขาเคารพ กรรมการเวทีนี้เพราะกรรมการทุกคน มีความรู้จริงๆ ไม่ได้แบบแค่สงสารหรือให้เข้าเพราะเหตุผลอื่นๆ อย่างบางดทีสงสารแค่ไหนแต่ความสามารถของเขาในการโชว์รอบนั้นมันไม่ดีก็ไม่สามารถให้ผ่านไปได้”

ตอกดรามาเหยียดเพศที่ 3 ในรายการ ที่ตนถามผู้เข้าแข่งขันทำนองว่าเป็นป่ะลูก เพราะการเต้นจริตสูงมาก
“ผมเองก็คิดไว้ว่าคงจะมีดรามาเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก่อนและก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองก่อน ถามว่าทำไมถึงคิดว่ารายการนี้จะต้องมีดรามา อย่างแรกเลยคือรายการนี้มีเด็ก สองคือรายการนี้มีมากกว่าแค่ผู้ชายกับผู้หญิง นี่คือสิ่งที่ผมคิด ว่าน่าจะมีมาแน่ๆ เพราะว่าเราคุยกันก่อนแล้ว ว่าเป็นรายการเต้นเวลาอารมณ์ที่เราดู การสื่อสารออกมามันค่อนข้างที่จะต้องจริง เพราะคนที่เต้นเขาก็ค่อนข้างจริงกับเรา บางทีที่เราสื่อสารมันก็อาจจะต้องมีคำพูด ที่เป็นภาษาเฉพาะ เข้าใจซึ่งกันและกัน บางอันก็เป็นเรื่องของวัย ของอายุหรืออย่างที่บอกไปและมันก็เกิดขึ้นจริง”

กับดรามาที่เกิดขึ้นผมขอย้อนกลับมาที่ตัวเองก่อน คือขอดึงกลับมาที่ตัวเองนิดนึง ถ้าคนบอกว่าผมเหยียดเพศ คอนเสิร์ตเซเว่นวันเดอร์ผมจะไม่แต่งหญิงแน่นอน ถ้าคนบอกว่าผมเหยียดเพศผมบอกได้เลยว่าผมไม่สามารถทำงานในวงการจนมาถึงวันนี้ได้แน่นอน ซึ่งคนรอบตัวผมที่ผมนับถือหรือสนับสนุนผม ก็เป็นแบบนี้ จากที่ผมได้อ่านต้องพูดว่าอยากให้คนที่อยู่ในโลกโซเชียล ใช้โซเชียลให้ถูกต้อง โอเคโลกโซเชียลมันไว พอโลกโซเชียลมันไวก็อยากให้คนมีสติในการใช้ ไม่งั้นวันใดวันหนึ่งถ้าเกิดว่าคนที่ได้รับแรงกดดันหรือแรงกระทำจากสิ่งที่คุณทำ คุณจะกลายเป็นฆาตกรในโลกโซเชียล ไปโดยปริยาย อันนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”

มั่นใจไม่ได้เหยียดเพศ บอกอย่าเพิ่งตัดสินจากคลิปแค่ไม่กี่วินาที
“และคนที่ทวิตข้อความนั้นเขาไม่ได้พูดว่ามันเป็นการเหยียดเพศ เขาแค่บ่งบอกว่าทำไมเราถึงต้องถาม ผมขอบอกก่อนเลยว่าผมได้อ่านทั้งหมด สิ่งที่พี่เขาเขียนก็คือทำไมเราถึงต้องถามเด็กตรงนั้น มันเป็นเหมือนศัพท์เฉพาะ เหมือนว่าเราไปบีบบังคับ จิตใจ มันไม่ใช่เรื่องของการเหยียดเพศ แต่คนที่เข้ามาตอบต่อในคอมเมนต์นั้น เพิ่งเข้าไป พูดง่ายๆ ก็เหมือนเราเล่นเกม ยืนเรียง 10 คนแล้วก็บอกข้อความคนแรกและบอกต่อๆ ไปจนถึงคนที่ 10 สารที่ออกมาก็จะเปลี่ยนไป ผมจึงอยากให้ทุกคนอ่านดีๆ และทำความเข้าใจกับสิ่งที่คุณพี่คนนั้นเขาอยากจะสื่อสาร และอยากให้เข้าใจกับตัวผมด้วยว่าผมอยากสื่อสารอะไร เราไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นและสิ่งที่เราทำในวันนั้น และสิ่งที่ทุกคนได้ดูเป็นเพียงคลิปสั้นๆ ถ้าผมจำไม่ผิดคือประมาณ 45 วินาที ผมเลยอยากบอกทุกคนว่านั่นเป็นเพียงแค่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ของสิ่งที่ผมพูด”

ยันไม่ได้อคติ
ซึ่งก่อนหน้านั้นที่ผมพูดมามันเป็นการชื่นชมทั้งหมดและสิ่งที่ผมถามน้องมันก็ไม่ใช่ว่าผมไปอคติอะไรกับเขา คำถามนี้มันมาจากที่ว่าทำไมนักแสดงคนนึงเวลาขึ้นเวที อันนี้ขอชี้แจง ทำไมนักแสดงคนนี้ซึ่งเป็นเด็กอายุเท่านี้ ถึงทำให้เราเชื่อได้มากขนาดนั้นว่า ว่าเขาเป็น เราจึงมีคำถามเกิดขึ้นซึ่ง เป็นไปในทิศทางการชื่นชม ความสามารถเขาเกินเด็ก ซึ่งหลังจากที่ถามคำถามนี้เด็กทุกคนไม่ได้มีสีหน้าหรืออาการที่รู้สึกแย่เขาก็ตอบและเขาก็ยังเล่นกับเราซึ่งที่ตัดมาไม่กี่วินาทีทุกคนอาจจะไม่ได้เห็น”

“แล้วภาพก็ตัดมาที่ผู้หญิงซึ่งก็ถามว่าเอาจริงหรือเปล่าซึ่งในขณะนั้นน้องเองเขาก็ยังเล่นกับเรา น้องเขาเหมือนนักแสดงคนนึงที่ได้รับบทบาทนึง ผมอยากให้มองในเรื่องของโชว์ของการเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ ไม่อยากให้มันนั่งโฟกัสในเรื่องที่ไม่ควรจะโฟกัส อย่างที่บอกว่ามันอันตรายเรื่องคำพูด เพราะโซเชียลมันเลวร้ายก็อยากให้ใช้กันอย่างระมัดระวัง”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)






กำลังโหลดความคิดเห็น