ที่ปรึกษาครอบครัว “กัปตัน ชลธร” ยอมรับพระเอกดังมือลั่น โพสต์ทวีต “มิ้งโป๊ะแตก” ในวันที่ฝ่ายหญิงป่องครบ 12 สัปดาห์ สัญญาจะไม่ทำอีก คาดอินข่าว แนะให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกสื่อ ตั้งใจทำงานจะดีกว่า เชื่อยังโตไม่พอที่จะตอบคำถามให้ดี ชี้ครอบครัวคาใจ อยากเห็นใบฝากครรภ์ ประกาศลั่นอีก 1 เดือนน่าจะรู้ผล ให้สังคมตัดสิน
ทำเอาฮือฮาเลยทีเดียว สำหรับ “กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง” ที่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาโพสต์ทวีต “มิ้งโป๊ะแตก” ซึ่งเป็นแฮชแท็กที่ “มิ้ง ศวภัทร” อดีตแฟนที่กำลังตั้งครรภ์ถูกชาวเน็ตตามแหกหนัก แต่แค่เสี้ยววินาทีเจ้าตัวก็ลบทิ้ง ล่าสุดผู้สื่อข่าวบันเทิง MGR online ได้สายตรงสอบถาม “คุณแมว” ที่ปรึกษาครอบครัวพระเอกดัง ก็ได้รับการเปิดเผยว่า หนุ่มกัปตันมือลั่นจริง และสัญญาต่อไปจะไม่ทำอีก
“กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวแมวยังไม่ได้คุยกับน้องโดยตรง แต่กับที่น้องได้ให้ข่าวไปเมื่อวาน เพราะเราก็เพิ่งทราบจากข่าวที่สื่อลงว่าน้องคงเข้าไปอัปเดตข่าวในทวตเตอร์ตามประสาเด็กและคงมือลั่น และพอรู้ตัวว่ามือลั่นก็คงรีบลบไป และก็คงคิดว่าเป็นข่าวแน่เลย ก็เป็นข่าวจริงๆ และพอเราเห็นน้องให้ข่าวแล้ว เราจึงไม่ต้องถามน้องแล้ว ก็จบไปในตัวแล้ว”
แฮชแท็กจริงหรือไม่จริง ตอบแทนทุกคนไม่ได้ ส่วนครอบครัวไม่อยากให้ข่าว หวั่นคำพูดไม่สละสลวย
“อืม...ไม่ทราบว่าในสิ่งที่น้องคิดว่าจะมีความจริงอะไรมั้ย แต่ที่เราทราบว่าปกติแล้วเวลาถ้าเราจะเข้าไปอ่านข่าว อัปเตอะไร เราต้องเข้าไปอ่านบ้างล่ะ เพราะมันเป็นแฮชแท็กติดเทรนด์ ดูว่ามีการอัปเดตอะไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าเป็นจริงหรือไม่จริง ตอบแบบจริงๆ เลยว่าเราไม่ทราบ โดยส่วนตัวแล้ว เราสามารถตอบคำถามแทนน้องได้ เพราะโดยส่วนตัวครอบครัวเขาไม่อยากให้ข่าวแล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนในวงการบันเทิง”
“เขาก็กลัวพูดจาคำไม่สละสลวย เขาไม่สามารถพูดกับนักข่าวได้ และพี่ๆ สื่อก็น่าจะทราบว่าตั้งแต่วันที่แถลงข่าววันนั้นพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้มีคำพูดอะไรที่เวลาพูดออกไปแล้วจะทำให้ดูสวยหรู เขาก็เลยไม่อยากออกมาให้ข่าว เราก็มีหน้าที่ต้องมารับหน้าที่ตรงนี้แทน”
กัปตันบอกครอบครัวมือลั่นจริง ต่อไปจะไม่ทำอีก คาดอาจอินข่าวเยอะไป
“และหน้าที่ของเราก็ตอบตามที่น้องตอบความจริงไปแล้ว ก็ตามที่น้องพูดไปเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่น้องคิด และน้องก็ตอบกับครอบครัวว่าก็มือมันลั่น ก็คงไม่ทำอีก ทางครอบครัวเองก็ไม่อยากให้น้องติดตามข่าวแล้ว มันก็จะกระทบทั้งจิตใจและงานที่เขาทำ เพราะพอติดตามข่าวมากๆ เขาอาจจะอินไปหรือเปล่า แต่อันนี้เราไม่ทราบนะคะ เราก็ตอบได้ตามความเป็นจริง และถ้าเราไปถามน้องอีกมันก็อาจจะไปตอกย้ำ และเบื้องหลังจริงๆ เราไม่ทราบเลย ครอบครัวเขาก็ไม่อยากจะเป็นข่าวแล้ว ทางครอบครัวก็ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลา เท่านั้นเอง”
“ถ้าบอกว่าครอบครัวรู้ความจริง จากการที่เราได้วิเคราะห์แล้ว เพราะถ้าเขารู้ความจริงแล้ว เขาก็ต้องทำอะไรแล้วมั้งคะ คิดว่าน่ารู้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะถ้าเรารู้อะไร เราก็คงต้องดำเนินการอะไรแล้วใช่มั้ยคะ แต่อาจจะรู้หรือไม่รู้ หรือไม่ชัวร์ อันนี้เราก็ไม่แน่ใจ เราไม่กล้าจะถามมากกว่า”
คนใกล้ตัวไม่ถามอะไรที่ลงลึกเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นตอกย้ำมาเกินไป
“พอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นักข่าวต้องถามแน่เลย เราก็รู้ว่าประเด็นที่จะถามมันคงไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้ และยอมรับทางเราก็ได้คุยกับทางครอบครัวของน้องกัปตัน ก็ถามว่าจะให้ตอบยังไง เขาก็บอกว่าให้ตอบตามความเป็นจริงออกไป แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นเราก็ตอบแทนไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดละอ่อน และตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาแมวเพิ่งเคยเจอน้องแค่ครั้งเดียว และก็ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย เหมือนว่าการทำงาน ทุกคนก็จะรู้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรา นาดาวหรือว่าใคร คนอื่นที่ดูไนน์บายไนน์เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดละอ่อนมาก อย่างน้องๆ ในไนน์บายไนน์ที่ให้สัมภาษณ์ไป ทุกคนก็ตอบตามความเป็นจริง เพราะทุกคนก็ไม่ได้ตอบเรื่องที่มันเป็นส่วนตัว และก็ไม่ได้ถามอะไรที่ลงลึกไป เพราะมันจะเป็นตอกย้ำเขามากเกินไป และครอบครัวเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกับเรามากสักเท่าไหร่”
รู้จักเหมือนครอบครัว เป็นที่ปรึกษาให้
“จะเรียกว่าเข้ามาดูเลยก็คงไม่ใช่ขนาดนั้น คือเหมือนเป็นที่ปรึกษาให้มากกว่า เราไม่ได้อยู่ในสังกัดนาดาวหรือว่าไนน์บายไนน์คือไม่ใช่ เราก็เหมือนรู้จักครอบครัว และครอบครัวก็เลยไว้ใจให้เราดูแล และพอมันเกิดแฮชแท็กแบบนี้ขึ้นมา และเราเองก็เพิ่งมารู้ทีหลัง รับทราบมาจากข่าวที่เกิดขึ้น และครอบครัวของน้องเขาก็คงอยากให้ที่ปรึกษาเป็นคนตอบแทน เราก็บอกว่าเราจะตอบแทนได้ไง เพราะเราเองก็รู้ข่าวมาจากสื่ออีกทีเหมือนกัน และทางครอบครัวก็บอกว่าน้องก็ตอบแบบนี้แหละ ก็ให้ตอบเหมือนน้องไป”
แนะอีกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ไม่ต้องให้ข่าว ไม่ต้องออกสื่อ เพราะการออกสื่อไม่เป็นผลดีกับใคร ยังไม่โตพอที่จะตอบคำถามได้ดี
“คือถ้าเป็นเรื่องจริง เราคุยอยู่แล้วค่ะ และพูดตามหลักความเป็นจริง พอมีข่าวออกมาน้องก็ต้องเซฟตัวเอง และเราก็บอกน้องทุกอย่างว่าต้อง go on ต่อไป หมายถึงว่าต้องทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ส่วนในเรื่องของข่าวก็คือไม่ต้องไปให้ข่าว ไม่ต้องออกสื่อ หมายถึงการออกสื่อไปมันก็ไม่ได้มีผลดีต่อใคร และตัวของน้องเองก็ไม่ได้โตพอที่จะตอบคำถามได้ดี”
“และเหตุการณ์ที่ผ่านมา การที่น้องอยู่เฉยๆ และตั้งใจทำงาน มันคือสิ่งที่ดีกว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา เรื่องจริงหรือไม่ยังไง ไม่กี่วันก็รู้เอง อันนี้คือพูดตามหลักความเป็นจริงที่เราคุยกับน้อง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เราก็บอกไปว่าพยายามไม่ต้องอ่านข่าว มันจะกระทบต่อจิตใจ ซึ่งมันไม่ได้กระทบน้องคนเดียว แต่มันกระทบกับคนรอบข้างด้วย และเราเป็นคนให้คำปรึกษาน้องเขาด้วย มันก็ต้องกระทบไปด้วย เพราะเราเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก เราตอบนักข่าวไป เราก็ตอบตามความเป็นจริง และพอถามนักข่าวถามอะไรลึกๆ เราก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพราะเราไม่รู้เรื่องจริงๆ มันเป็นเรื่องของครอบครัว”
เหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้เป็นผู้ใหญ่
“ถ้าถามถึงสภาพจิตใจ คือยังไม่ได้คุยกับน้อง แต่เท่าที่ดูก็คือน้องทำงานปกติ ก็คือมีโปรเจกต์ไนน์บายไนน์ และเหตุการณ์นี้ก็น่าจะทำให้น้องโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อย่างทางครอบครัวเราก็ไม่ทราบอะไรมาก อย่างที่บอกทุกคนก็ต้องก้าวต่อไป ในส่วนเรื่องของจิตใจพอมันมีอะไรมากระทบที มันก็เลี่ยงที่จะปฏิเสธไม่ได้ ก็ต้องรู้สึกกังวลเป็นธรรมดา”
“เรื่องคุณพ่อคุณแม่น้องเครียดจนต้องจ้างที่ปรึกษา จริงๆ คือทางแมวกับครอบครัวน้องเขารู้จักกัน เขาแค่ปรึกษาว่าต่อจากนี้จะเอายังไงดี คือรู้จักกันและเหมือนเพื่อนช่วยกันแนะนำมากกว่า ไม่ถึงกับเป็นที่ปรึกษาเป็นจริงเป็นจังอะไรขนาดนั้น เพราะอย่างที่บอกว่าเขาไม่พร้อมจะเจอสื่อ เขาไม่พร้อมจะเจอนักข่าว เขาแค่ต้องการว่าจะทำยังไงดี จะตอบคำถามไปในทิศทางไหน แต่กลัวตอบไม่ตรง หรือตอบไปแล้วมันอาจจะออกมาอีกแบบนึง เราก็เลยโอเคว่าเราจะคุยให้ได้ แต่เราก็จะตอบไปในหลักความเป็นจริง และถ้าเป็นเรื่องอื่น นักข่าวถามมา เราก็ต้องตอบว่าเราไม่รู้จริงๆ ทางครอบครัวเขาก็โอเค”
รับสังคมและครอบครัวอยากเห็นใบฝากครรภ์จาก “มิ้ง ศวภัทร”
“ความคืบหน้าเหรอคะ อันนี้ก็ไม่ได้ถามครอบครัวเลย ว่าตกลงอัปเดตไปถึงไหน ส่วนเรื่องใบฝากท้อง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็อยากเห็น ส่วนทางครอบครัวเองก็ยังไม่ได้เห็นใบฝากท้องเลย เอาอย่างงี้ถ้าตอบแทนครอบครัวเลย เราไม่รู้ แต่เท่าที่เราฟังมาและพิจารณาดูแล้ว คิดว่าครอบครัวอยากเห็นแน่นอน เพราะก็อยากเคลียร์ตัวเองเช่นกัน น้องผิดก็ว่าไปตามผิด และถ้าน้องไม่ผิดก็ต้องเคลียร์”
“อย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วเราก็ยังไม่ได้เคลียร์ตัวเอง และคงไม่มีใครไม่อยากเคลียร์ตัวเอง แต่ที่เราไม่ออกมา เพราะเราจะให้เวลาเป็นเรื่องพิสูจน์มากกว่า และตามกฎหมายเราไม่สามารถไปเร่งรัดเขาถึงเรื่องว่าเอาใบฝากท้องออกมายืนยันนะ เราไม่สามารถทำได้ และถ้าเราไปเร่งรัด อาจจะทำให้ไปกระทบจิตใจของมิ้งเขาหรือเปล่า ตอนนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถไปเร่งรัดขอดูใบฝากท้องได้ หรือเราไม่สามารถจะไปพูดกับเขาในทางที่ไม่ดี หรือไปเจรจา ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้มันช้าไปแล้ว”
ลั่นเป็นปมในใจ แต่เชื่อเวลาจะเผยความจริงออกมาเอง อีก 1 เดือนน่าจะรู้ผล ให้สังคมตัดสิน
“จริงๆ ถามว่ามันเป็นปมในใจมั้ย จริงๆ มันก็เป็นปมในใจ แต่จริงๆ คือตามปกติตามหลักการทั่วไป คือถ้าท้องเดี๋ยวท้องมันก็ป่องเองล่ะ ป่องจริงมั้ย แต่อย่างที่บอกว่าเราก็ต้องให้คนอื่นเขาตัดสิน เราก็ต้องให้เวลาเป็นคนเคลียร์ทุกอย่าง ต่อให้ผ่านมาแล้ว 12 สัปดาห์หรือว่า 15 สัปดาห์ก็ตาม คือแมวเชื่อว่ามันจะเคลียร์เอง เราไม่ได้เข้าข้างน้อง หรือว่าจะมาบอกว่าใครเป็นคนผิด แต่เราเชื่อว่าอีกไม่กี่วัน กี่เดือน กี่สัปดาห์ ความจริงมันก็จะเปิดเผยอยู่แล้ว”
“เราถึงไม่ออกตัวอะไรเพราะเวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ จริงๆ ในส่วนตัวของน้องกัปตัน เราก็ได้ให้ข้อคิดเขามากกว่าว่าเราไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ อะไรที่เป็นผู้ชายมันก็ต้องเป็นแบบนั้น เราก็ต้องว่าไปตามนั้น โดยเบื้องต้นน้องเป็นคนเข้มแข็ง และถ้าทำผิดก็ต้องขอโทษและรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เฉพาะกัปตันคนเดียว ใครที่ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลที่ตัวเองได้ทำไว้ และสักเดือนนึงก็น่าจะรู้ผลแล้ว ให้สังคมเป็นตัดสินเองดีกว่า ให้เวลาเป็นตัวตัดสินแล้วกัน เราถึงไม่อยากออกตัวอะไร ผิดก็ว่าไปตามผิดเพียงแต่มันลั่นในวันที่ครบ 12 สัปดาห์จริงๆ มันไม่ดีเลยนะลูก เพราะทุกอย่างมันเป็นบทเรียน น้องเขาก็ต้องเรียนรู้ เดี๋ยวมันก็หาทางออกได้เองขนาดเด็กติดถ้ำายังหาทางออกได้เลย”
เชื่อภายในครอบครัวคงได้คุยกันแล้วเรื่องใบฝากครรภ์ แต่ตนไม่รู้รายละเอียด
“แมวคิดว่าภายในน่าจะมีการคุยกันแล้วนะคะ แต่จริงๆ การคุยกันมันก็ต้องได้รับความร่วมมือทั้งสองฝ่ายเนอะ แต่ที่นี้รายละเอียดที่เขาคุยกันมันจะยังไงนั้น ก็ดูไปตามนั้น แต่อาจจะมีการคุยแล้วและไม่ลงตัวหรือเปล่า อันนี้แมวไม่ทราบเหมือนกัน คิดว่าเขาคงทำทุกทางแล้ว”
“ในมุมที่ปรึกษา จริงๆ ไม่ได้แนะนำเลย เพราะน้องเขาก็แจ้งมาเลยว่าเขาก็รับได้ ถ้าน้องผิดจริงก็ยอมรับในสิ่งที่ทำจริง รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เหมือนกับในวันที่แถลงข่าวเลย แต่ตอนนี้ก็ต้องรอเวลาว่าจะต้องรับผิดชอบส่วนไหน เพราะต้องเป็นเรื่องที่เขาต้องคุยกันอีกที”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)