xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจสีชมพู “เจนี่-มิกกี้” รักแท้ที่แม่ปลื้ม !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“I said “ YES “ to the love of my life @mickey.a.np”

นั่นคือข้อความที่นางเอก “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” โพสต์ลงไอจีของตัวเอง อันหมายถึงการตอบตกลง หลังจากที่แฟนหนุ่มรุ่นน้อง “มิกกี้ - นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” คุกเข่าขอแต่งงาน พร้อมกับสวมแหวนสัญลักษ์แทนใจ ท่ามกลางบรรยากาศสุด

โรแมนติกริมทะเลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นบ้านเกิดของนางเอกสาว

ต้องบอกว่าความรักของเจนี่ครั้งนี้ ถูกจับตามองไม่แพ้ทุกครั้งที่ผ่านมา ทว่าที่แตกต่างกันไปจากครั้งอื่นๆ ก็คือดูเหมือนว่าหนนี้เธอได้รับแรงหนุน แรงเชียร์จากคนรอบข้างอย่างท่วมท้น แม้จะมีเรื่องดรามาแทรกกลางขึ้นมาบ้าง แต่ก็แค่ผ่านมาเพียงวูบเดียว แล้วก็ผ่านเลยไป โดยที่ไม่ได้กระทบกระเทือน หรือทำให้ความรักของทั้งคู่สะทกสะท้าน

เชื่อว่าครั้งนี้ อาจจะเป็น “รักแท้” ที่เจนี่ตามหามานาน

แม้จะมีความแตกต่างกันบ้างด้วยเรื่องของวัย แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะดูจากไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต ก็ต้องบอกว่าเป็นเคมีที่เข้ากันเป็นที่สุด

ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตหรูหรา อู้ฟู่ หรืออวดร่ำอวดรวย เพียงแค่มีความชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกัน นั่นก็ถือว่าลงตัวเหลือเกินแล้ว

ที่ผ่านมา เจนี่อาจจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องความรักแบบที่จบไม่ค่อยสวย โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด ก็คือการฉกฉวย แย่งชิง และการพยายามคบผู้ชายที่ฐานะ แต่สำหรับมิกกี้น่าจะเป็นเรื่องของความเข้าอกเข้าใจ และการยอมรับตัวตนของกันและกัน

ครั้งนี้จึงเห็นได้ชัดว่า เจนี่ยิ้มอย่างเต็มที่ และแววตาก็ฉายประกายความสุขเสมอ ในทุกๆ รูปที่อยู่ร่วมเฟรมกับมิกกี้

บางทีบทสรุปของความรักที่เธอแสวงหา อาจจะไม่ใช่เรื่องของเงินทอง หรือสถานะความเป็นไฮโซโก้หรู แต่คือการรับรู้ถึงการมีตัวตนในฐานะคนสำคัญของอีกฝ่าย การได้รับการยอมรับอย่างออกหน้าออกตา ไม่ได้ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ

ดังเช่นข้อความที่มิกกี้เคยโพสต์ถึงเจนี่

.....I am there keeping to the shadow but its my duty to protect my true love …..
(แม้ผมจะไม่ได้เปิดเผยตัว แต่มันเป็นหน้าที่ของผมในการปกป้องรักแท้)

และความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือไม่เพียงแต่มีตัวตนในสายตาของฝ่ายชายเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับอย่างจริงใจจากครอบครัวของอีกฝ่ายอีกด้วย ในขณะที่ถ้านึกย้อนไปถึงความรักครั้งที่ผ่านๆ มา ดูเหมือนจะไม่เคยมีโมเม้นต์แบบที่พ่อแม่ของฝ่ายชายออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเจนี่อย่างชื่นชมแบบนี้มาก่อนเลย

ดังที่ในเว็บไซต์ www.mgronline.com เคยมีโอกาสได้ลงบทสัมภาษณ์ของ “ดร.สิริพร ณ ป้อมเพชร” ผู้เป็นมารดาของมิกกี้ ที่พูดถึงเจนี่ ไว้ว่า

“คือเขามีเรื่องของการรักครอบครัวเหมือนกัน เพราะคุณเจนี่รักครอบครัวมาก รักคุณแม่กับน้องสาวมาก แล้วมิกกี้เองก็รักครอบครัว มีอะไรก็จะเอาเรื่องครอบครัวมาที่หนึ่ง เรื่องสุขภาพคนในครอบครัว และเรื่องการทำมาหากินเป็นเรื่องรองมา คือคบกันมีแต่พัฒนาไปในทางที่ดีค่ะ

พ่อแม่ก็สังเกตนะเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน คุณเจนี่มีความเป็นผู้ใหญ่และเขาเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ เขามีความสามารถมากมาย ทำงานได้หลากหลาย เขามีความกตัญญู เขารักครอบครัวมาก เขาเป็นคนที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะอ่อนโยนอ่อนน้อม และเมื่อไหร่ควรจะเข้มแข็งและแข็งแกร่ง

ถามว่าผ่านไหม ตอนแรกเราก็ยอมรับว่าเราก็ต้องดูนะ เพราะมาจากแบ็กกราวนด์ต่างกัน แต่พอดูแล้วเขาส่งเสริมกัน ผู้ชายก็ช่วยดูแลในเรื่องสุขภาพที่คุณเจนี่เขาสนใจที่เขาต้องการอยู่แล้ว เพราะเขาต้องออกหน้าจอ เขาต้องดูแลรูปร่าง และต้องดูแลเรื่องอาหาร มิกกี้ก็จะแนะนำ แล้วเขาก็มีฟิตเนสเหมือนกัน เจนี่มี 911 ของมิกกี้มี อีท แอนด์ เทรนด์ คาเฟ่ เขาจะสั่งอุปกรณ์มาเขาก็ปรึกษากัน เขาจะออกแบบยิม ออกแบบสตูดิโอ เขาก็ปรึกษาหารือกัน นี่ตั้งแต่ต้นปีแล้วนะ

พ่อแม่ก็เริ่มสังเกตว่าเขาเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ดูแลกันและกันมากขึ้นและเป็นห่วงกันเรื่องการขับรถ คุณเจนี่ก็จะเตือนเรื่องอย่าขับรถเร็ว มิกกี้ก็จะคอยเตือนในเรื่องการออกกำลังกายอย่าหักโหม การรับประทานอาหาร เพราะบางทีคุณเจนี่ทำงานเยอะก็ไม่ได้ทานอาหาร ก็ดูแลและฟังกัน

คือเขาอยู่ด้วยกันเขายกย่องส่งเสริมกันพูดง่ายๆ เราก็ดูแล้วว่าส่งเสริมกันดี และไม่ใช่แค่แม่นะคะ คุณพ่อ (สุภรัตน์ อัลภาชน์) ก็ดูเหมือนกัน และโดยเฉพาะคุณพ่อค่อนข้างจะหวงลูกชายด้วย แล้วคุณพ่อก็จะสอนลูกเสมอเรื่องน้ำใจนักกีฬาและเรื่องการเป็นสุภาพบุรุษ การยกย่องให้เกียรติผู้หญิง”

พูดง่ายๆ ก็คือการคบหาระหว่างเจนี่กับมิกกี้นั้น ผ่านความเห็นชอบของครอบครัวฝ่ายชายอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของอดีตรักที่ผ่านมาของเจนี่นั้น ทางมารดาของมิกกี้ก็ได้สะท้อนมุมมองและความคิดได้อย่างน่าฟัง ด้วยสายตาของผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่าวหนาวมาอย่างคนเข้าใจชีวิต

“คุณพ่อคุณแม่มองว่า ธรรมชาติมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาทุกคนมีข้อบกพร่อง มีบทเรียนที่สวยงามและไม่ค่อยสวยงามนัก สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่เอาข้อบกพร่องมาพัฒนาตน พัฒนาชีวิตในทางที่ดีขึ้น บทเรียนที่ไม่ค่อยสวยงามเอามาเรียนรู้และแก้ไข บทเรียนที่สวยงามเอามาทำให้สวยงามยิ่งขึ้น

คุณพ่อเขาหวงลูกชายมาก แล้วคุณพ่อก็จะดูเยอะมาก มิกกี้ก็มาบอกว่าตั้งแต่แรกๆ ว่าอยากจะแนะนำเพื่อนคนสนิทให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จัก แล้วเขาก็พามาให้รู้จัก ครั้งแรกที่เจอก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักและดูตรงๆ ดี คือไม่ขาวก็ดำ ไม่มีเทา คือเป็นคนพูดตรงๆ มีอะไรเราถามตรง เขาก็ตอบตรง”

เจนี่อาจจะเคยคบหาผู้ชายที่ครอบครัวรวยมาก ถึงมากที่สุดมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเจอครอบครัวที่อบอุ่น และมองโลกในแง่บวกแบบนี้

ก็ต้องขอชื่นชมครอบครัวของมิกกี้ ที่ไม่ได้สนใจเรื่องความแตกต่างของวัย และก็ไม่ได้เอาเรื่องของอดีตที่ผ่านมา มาเป็นบรรทัดฐานในการเลือกลูกสะใภ้ เพราะมุมมองและความคิดนั้น สะท้อนผ่านถ้อยคำที่สัมภาษณ์ไว้อย่างชัดเจน

จริงอยู่ที่ถ้านับเชื้อสายของตระกูล ณ ป้อมเพชร ของฝั่งมารดาของมิกกี้ ก็ต้องถือว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ ที่สืบทอดกันมายาวนาน และยังแตกสาแหรกไปมีสายสัมพันธ์กับครอบครัวของอดีตนายกรัฐมนตรีอีกถึง 2 คน คือทางสายของ “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” และทางสายของภรรยา “คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” พูดง่ายๆ ว่ามีเชื้อ มีสกุล เพียงแต่ถ้าเทียบทรัพย์สิน อาจจะไม่ได้มากมายเท่ากับครอบครัวของอดีตสามี และอดีตแฟนหนุ่มคนก่อนหน้านี้ของเจนี่ แต่ก็อย่างที่บอกว่า การได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวนั้น มีมูลค่ามากมายทรัพย์สินเงินทองมากมายนัก

เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คำตอบของเจนี่ จะคือการเซย์ “YES” เพราะมองไม่เห็นเหตุผลที่จะปฎิเสธ ในเมี่อทุกอย่างเหมาะสม ลงตัว โดยเหตุผลหลักที่เจนี่ตอบรับก็คือครอบครัวของฝ่ายชายที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย

“จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าที่เจนตัดสินใจมันไม่ใช่แค่มิกกี้คนเดียว เพราะอย่างที่พี่ๆ ทราบคือที่ผ่านมาความรักของเจนี่มันไม่ได้สวยงามมากนัก เพราะฉะนั้นการที่เจนี่จะตัดสินใจใช้ชีวิตกับใครสักคนในอนาคต มันค่อนข้างเป็นอะไรที่ลำบากใจสำหรับเจนี่มาก เพราะมันคือชีวิตทั้งชีวิตจริงๆ

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจนี่ตัดสินใจครั้งนี้ก็คือคุณแม่ของมิกกี้ คือคุณแม่ได้มีการพูดคุยกับเจนี่ไว้ก่อนที่มิกกี้จะขอในครั้งนี้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้เจนี่รู้สึกอุ่นใจ และทำให้เรารู้สึกว่าเราปลอดภัยทางความรู้สึก มันมากกว่าคำว่าแฟนคือคุณแม่ เราก็เลยรู้สึกว่าความรักของคุณแม่เป็นอะไรที่ครบค่ะ ทั้งความเข้าใจ และความรักจากคุณแม่ มันทำให้เจนี่รู้สึกว่าเจนี่อบอุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขาไปด้วย อีกอย่างตัวเจนี่เองก็ไม่อยากให้มีปัญหาอะไร หรือจะต้องให้อดีตมาทำร้ายปัจจุบันและสถานการณ์ที่มันเป็นอยู่

ถามว่ามิกกี้สร้างความมั่นใจให้เรามากน้อยแค่ไหน เอาจริงๆ นะคะ คุณแม่สร้างความมั่นใจให้เจนี่มากกว่า เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ ความรักจากครอบครัวมันทำให้เรารู้สึกว่ามิกกี้ให้ความรักเรามายังไง นั่นมันคือความรักจากในสิ่งที่คุณแม่เขาให้มา

คุณพ่อคุณแม่ของมิกกี้ได้คุยกับคุณแม่ของเจนี่ไว้นานแล้วเหมือนกันค่ะ คือทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ มันไม่ใช่แค่ความรักระหว่างเจนี่กับมิกกี้อย่างเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากความรักของครอบครัวของมิกกี้และคุณแม่ของเจนี่ด้วยเหมือนกันค่ะ”

แม้ว่าถ้านับจากช่วงเวลาในการคบหาและพัฒนาความสัมพันธ์ อาจจะดูเหมือนจะน้อยไปนิดในสายตาของคนอื่น แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการตัดสินใจ

“เจนี่ว่าระยะเวลาบางครั้งมันเป็นเรื่องของคนสองคนค่ะ บางคนคบกันแค่ 2 เดือนแล้วแต่งมันก็มีค่ะ เพราะฉะนั้นเจนี่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของความผูกพัน เหมือนกับคุยภาษาเดียวกัน มองตากันก็รู้ใจค่ะ
ส่วนเรื่องอายุตอนแรกเจนี่ก็คิดนะคะ ต้องบอกก่อนว่าเจนี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าอายุมันเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรค เจนี่เองก็คิดว่าคนที่อายุน้อยกว่า จะมีความคิดหรือว่าประสบการณ์ชีวิตที่มันเท่ากับเราหรือเปล่า แต่กับกลายเป็นว่ามิกกี้เขาโตกว่าเจนี่ คืออะไรหลายๆ อย่าง ความคิดแล้วก็วิธีการวางแผนจัดการชีวิต เขาจะมีแบบแผนการจัดการที่ค่อนข้างเป็นระบบ เพราะฉะนั้นเจนี่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ”

ต้องบอกว่าเจนี่เดินทางมาถึงจุดที่ผู้หญิงทั้งโลกใฝ่ฝัน ก็คือมีวินาทีที่ถูกขอแต่งงาน มีโอกาสจะได้สวมชุดเจ้าสาว เหลือเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมว่าจะจัดพิธีเมื่อไหร่ ? ทื่ไหน ? และอย่างไร ?

ในขณะที่ชีวิตคู่ในหนก่อนนั้น ค่อนข้างจะมาแบบสายฟ้าฟาด คือข้ามขั้นไปถึงการจดทะเบียน ไม่มีวินาทีที่จะตราตรึงในความทรงจำแบบนี้ จนเมื่อย้อนนึกกลับไป ก็ยังอดที่จะฉุกคิดขึ้นมาไมได้ว่า การตีตราในครั้งนั้น มันใช่ความรักจริงๆ หรือว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุทางอารมณ์ที่นำพาไป

อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ชีวิตของเจนี่ ที่เจอทั้งแดด ฝน มรสุม และลมพายุมาครั้งแล้วครั้งเล่า จะได้พบเจอกับความสุขอย่างแท้จริงเสียที

….. A never ending love story JM @mickey.a.np .....

นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 450 7-13 กรกฎาคม 2561


กำลังโหลดความคิดเห็น