“ป้อน นิพนธ์” สร้างมิติใหม่ให้วงการ ผุดโปรเจกต์ “หน้ากากแก้ว” เรียลลิตี้ศัลยกรรม ลั่นทำแบบเดิมๆ คนดูเบื่อ ผู้ชนะได้ลุ้นโมหน้าใหม่ที่เกาหลี แจงเรตติ้ง “บางกอกนฤมิต” สตาร์ท 1 กว่าเป็นเรื่องปกติ เหตุชนข่าวเด็กติดถ้ำ ลั่นขนาดตนยังดูข่าวเลย อย่าชงให้เกิดดรามา ดันผู้จัดการ “ใหม่ ดาวิกา” เป็นผู้จัดละคร “นางสาวไม่จำกัดนามสกุล” เพราะมีวิชั่นเรื่องแฟชั่น เผยตัวละครสุ่มเสี่ยงแรดจนคนไม่รัก ต้องพึ่งมุมมองผู้กำกับที่เข้าใจผู้หญิง
แต่ละปีมีโปรเจกต์ไม่ธรรมดาผุดออกมาเรื่อยๆ สำหรับปีนี้ “ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร” ก็ผุดโปรเจกต์ “หน้ากากแก้ว” งานปั้นหน้าใหม่ให้แจ้งเกิด เป็นละครกึ่งเรียลลิตี้ตีแผ่การทำศัลยกรรม ซึ่งเจ้าตัวรับประกันต้องแซบ ผู้ชนะยังมีโอกาสไปโมฯ หน้าใหม่ที่เกาหลีซะด้วย
“เป็นโปรเจกต์ที่ดีมากครับ คือช่อง ONE 31 เรา พยายามจะทำละครที่มีอินโนเวชั่น ในทุกๆ ปีอย่างน้อยคุณต้องมีละคร 1 เรื่องที่มันเป็นนวัตกรรมไม่ใช่เป็นละครธรรมดา โดยเรื่องนี้เราพูดถึงเรื่องของศัลยกรรม ทุกคนเห็นว่าการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติแล้ว ทำโน่นนิดนี่หน่อย ฉีดฟีลเลอร์ ดึงตา ดึงคางโดยทั่วไป เราก็เลยเอาจุดนี้ที่เป็นประเด็นทางสังคมว่าการทำหน้าเรามุ่งเน้นไปที่หน้าตาอย่างเดียว แต่ว่าข้างในเราไม่พัฒนาด้วยหรือเปล่า”
“เรื่องนี้จะทำให้เราได้เห็นว่าคุณทำหน้า คุณต้องทำใจด้วย คือปัญหาของทุกวันนี้ทุกคนไม่ได้พัฒนาในเรื่องของจิตใจ ทุกคนเน้นพัฒนาเรื่องหน้าตา แต่ไม่ได้สำรวจจิตใจว่าเราดีพอหรือยัง ผมว่านั่นคือประเด็น ทีนี้เราเจอกับวอนจิน ซึ่งเป็นเดอะเบสท์ของเกาหลี เราก็เลยทำโปรเจกต์นี้ร่วมกัน ดังนั้นการทำร่วมกันไม่ใช่ว่าทำละครมาหนึ่งเรื่อง เราคิดว่าเราทำให้มันเป็นเหมือนมีเรียลลิตี้ พาร์ตอยู่ด้วย หมายความว่าเราดูพื้นฐานของนักแสดงที่สามารถแสดงได้และมีโอกาสจะได้ไปทำหน้าที่เกาหลี เสร็จแล้วมาเล่นละครกับเรา และระหว่างทางนี้เราก็ถ่ายทำไปด้วย ก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังทำ จะเป็น 3 สเตจ ก็ต้องใช้การทำงานที่ยุ่งยากพอสมควร แต่ก็สนุกดีครับ”
“ตอนแรกคัดเลือกให้เหลือ 5 คนก่อนที่จะไปทำหน้าที่วอนจิน ที่เกาหลี แต่ว่าใน 5 คนนี้จะต้องเหลือแค่คนเดียว เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการยุ่งยากมากที่จะเลือกหลายคน หนึ่งคนที่เหมาะสมและมีจิตใจที่ดีเหมาะกับหน้าที่สวยแล้ว ควรจะได้มาอยู่ในละคร และตัวละครอื่นๆ ก็มีเป็นไปตามปกติครับ”
โลกเปลี่ยนไป ต้องสร้างมิติใหม่ให้วงการ
“คือผมคิดว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะครับ คุณจะทำละครแบบเดิมๆ มันจะลำบาก คือพระเอก-นางเอกต้องมีแหละ เพียงแต่ว่าอยู่ในเรื่องอะไร ในสถานการณ์ไหน คนดูได้อะไร ในความใหม่ของคอนเทนต์ผมคิดว่าช่อง ONE 31 ต้องการคอนเทนต์ที่ใหม่และโมเดิร์น สนุก เราพยายามจะพัฒนาไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเรื่องของตัวคอนเทนต์หรือตัวเนื้องานในเชิงโปรดักชั่นก็ดีในยุคในการเดินไปข้างหน้าที่มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะคนดูเปลี่ยนไปทุกๆ วัน”
“อันนี้ยืนยันว่าจะเป็นละครคุณภาพครับ เพราะเราก็ได้ตามผลจากทางวอนจินด้วยว่าคนที่หน้าแบบนี้ควรทำยังไง แบบไหนยังไง เพราะตัวละครในเรื่องที่เป็นตัวหลักเขาต้องเปลี่ยนหน้าเป็นอีกคนหนึ่ง แล้วมันต้องมีระยะเวลาว่าต้อง 1 เดือน เราก็เอาความถูกต้องของความจริงในการทำศัลยกรรมมาทำ เพราะมันหมดสมัยไปแล้วที่คุณจะมามโนเอาเอง เราต้องเอาความจริงมาเป็นพื้นฐานก่อนด้วย ไม่งั้นมันก็ไม่สนุก คนดูก็จะเห็นว่าทำเดิมๆ อีกแล้ว”
“ทำทั้งหมด 24 ตอนครับ โดยปกติก็ 24 ตอนเป็นอย่างต่ำครับ นักแสดงนำก็มีป๊อก (ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) เต๋า (สมชาย เข็มกลัด) กัปตัน (ภูธเนศ หงส์มานพ) คือเน้นที่การแสดง เพราะสมัยนี้ถ้าคุณแสดงไม่ดี แสดงไม่เก่งมันไม่ได้แล้ว ก็ต้องเล่นดี เรื่องคุณดี น่าสนใจ เพราะถ้าแคสดีแล้ว การแสดงก็ต้องดีด้วย”
ดัน “เกล้า น้ำพราว” เป็นผู้จัดละคร “นางสาวไม่จำกัดนามสกุล” เพราะมีวิชั่นเรื่องแฟชั่น เลือก "เต๋อ-ใหม่" เพราะเคมีตรงกัน ไม่มีเคมีก็อย่าทำดีกว่า
“คือช่องของเรามีละครเยอะมาก และกำลังจะทำละครอีกเยอะนะครับ การเปิดรับผู้จัดใหม่เป็นเรื่องปกติ มันต้องมีการสตาร์ท เราเปิดรับทั้งหมดเพื่อโอกาสที่ดีของคอนเทนต์ที่ยังมีอีกตั้งเยอะ สิ่งที่เกล้าเขามีคือเขามีวิชั่นเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นที่ดีมาก มีคอนเนกชั่นที่ดี และมีมุมมองที่ฉลาดจากหลายๆ เรื่องที่เราได้ร่วมงานกับเขาตอนเรื่องชายไม่จริงหญิงแท้ ก็เลยได้คุยกันว่าคุณอยากทำมั้ย อยากลองจัดดูมั้ย เขาก็บอกอยากลองดู การสตาร์ทมันก็คือสิ่งที่เขามีคืออะไร และที่ขาดคืออะไรเราก็เสริมให้เขา มันเป็นการสร้างผู้จัด เหมือนตอนนั้นเราก็สร้างเจี๊ยบ โสภิตนภา หรือ อ้อม พิยดา มันไม่มีใครทำได้เลยทันทีแน่นอน ก็ต้องค่อยๆ เริ่มจากสิ่งที่เขาดีและจุดแข็งคืออะไร แล้วเราก็เสริมจุดที่เขาขาดและพัฒนากันไปให้เติบโตไปข้างหน้า”
“เป็นการตกลงร่วมกัน ในโลกยุคใหม่มันต้องตกลงร่วมกัน มันบังคับใครไม่ได้ เพราะการบังคับหรือสั่งมันก็มีแต่หน้าที่ ใจจะไม่มา โดยเฉพาะเราทำคอนเทนต์ที่เป็นอาร์ตติสยังไงมันต้องมีใจนิดนึง คือคุยด้วยกันว่าอยากเริ่มแบบไหน ก็คุยกันเลยเป็นโปรเจกต์นี้ครับ”
“ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นใหม่ (ดาวิกา โฮร์เน่) กับเต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ผมต้องถามกลับว่าทำไมไม่เป็นใหม่กับเต๋อ ถ้าจะบอกว่ากลัวมันจะซ้ำกับเรื่องที่แล้ว ก็ไม่หรอกครับ เรื่องมันคนละแบบกัน ใหม่กับเต๋อเป็นนักแสดงที่เก่งมากนะครับ ใหม่จากการที่เวิร์กช็อปที่เห็นคือเป็นนักแสดงที่เก่งมาก และเต๋อก็เก่งมากด้วย เคมีเขาก็ได้ การทำโรแมนติกคอมเมดี้ถ้าพระเอกนางเอกไม่มีเคมีที่ถูกต้องผมว่าอย่าทำเลย เลิกเถอะ คุณอย่าไปบังคับว่าเขาจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คุณต้องเห็นว่าเขามีเคมีต่อกัน ถ้าเกิดว่ามันไม่มี มันไม่ได้ ดังนั้นมันสำคัญมาก และเต๋อกับใหม่ก็มีเคมีต่อกันที่ดี นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของโปรเจกต์นี้ครับ”
ดึง “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” เล่นด้วย ให้เตรียมใจรีเมกสไตล์เอ็กแซ็กท์ไม่เหมือนของเดิม โหยหาอดีตให้ดูยูทิวบ์
“ผมขอเรียนนิดนึงว่าทุกๆ เรื่องของละครที่เรารีเมก เราไม่ได้ทำแบบของเดิมเลยนะครับ คุณต้องเข้าใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป คนก็เปลี่ยนผ่านไป ในตอนที่มันประสบความสำเร็จมากๆ น้องๆ บางคนอาจจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำ หรืออาจจะเล็กมากแล้วยังดูไม่ทัน แต่พอเวลาเปลี่ยนคนดูก็เปลี่ยนไป คอนเทนต์ก็เปลี่ยน มันใช้ความสำเร็จเดิมไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าใครเล่นเป็นตัวไหน ผมบอกว่าไม่มีใครเป็นตัวไหน เพราะเขียนใหม่หมดเลย”
“ถ้าอยากจะดูของเดิมก็ไปดูในยูทิวบ์ คือถ้าโหยหาอดีตก็ไปดูในยูทิวบ์ครับ คือคอนเทนต์ใหม่สำหรับปัจจุบันก็ต้องเป็นอะไรที่ใหม่ๆ นักแสดงใหม่ๆ คนเขียนบทใหม่ๆ ตัวละครที่จะไปงมงายดูหมอดู แล้วก็เชื่อหมอดูว่าจะมีผัวมั้ยเนี่ย สมัยนี้คนไม่ซื้อแล้วนะครับ เราก็ต้องเปลี่ยนให้ได้ว่ามันคืออะไร และตัวละครที่เป็นผู้ชายรายล้อม เราก็ต้องดูว่าผู้ชายแบบไหนที่ผู้หญิงอยากได้ ไม่ใช่ตั้งเป้าว่าเราจะเปลี่ยนแปลงผู้หญิงเป็น 5 อย่าง เราก็ต้องดูว่าผู้ชายแบบนี้โอเคมั้ย ต้องเป็นไอดอลของผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของนางเอก ก็ต้องเป็นผู้ชายแบบ 1 2 3 4 5 ถึงได้เป็นแคสที่เห็น ส่วนโต๋คือความโอปป้า เกาหลี อบอุ่น โรแมนติก เราก็เอาคาแรกเตอร์ของโต๋มาใส่ด้วย คือเรื่องแรกเราต้องทำให้เขาสบายตัวที่สุด ไม่งั้นจะลำบากเกร็งไปเปล่า”
“จริงๆ แล้วโต๋เล่นละครเวทีที่รัชดาลัยมา เราก็ได้คุยกันกับคุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ว่าโต๋เป็นคนที่มีของมาก ก็เลยได้คุยกันว่าถ้าเป็นโปรเจกต์ที่เหมาะกับเขา ก็อยากให้เขามาลองดู ก็ได้คุยกันว่ามันน่าจะเหมาะกับเขา เพราะมันไม่หนักเกินไป ไม่ต่างจากตัวเขามาก และเขาได้ใช้เสน่ห์ของเขาเต็มที่ ก็เลยลงตัวที่โปรเจกต์นี้ครับ”
สุ่มเสี่ยงตัวละครแรดจนคนไม่รัก ต้องพึ่งมุมมองผู้กำกับที่เข้าใจผู้หญิง
“คือในเรื่องที่แล้วเราใช้ผู้กำกับที่เป็นผู้ชาย เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องเกย์ แต่พอเป็นเรื่องนี้ผู้กำกับต้องเข้าใจผู้หญิง ดังนั้นผู้กำกับที่เข้าใจผู้หญิงก็ต้องเป็นผู้กำกับที่เป็นผู้หญิง เราก็เลยได้ ฉัตรแก้ว สุศิวะ ที่ทำ รักนะเป็ดโง่ ซึ่งเขาเข้าใจผู้หญิง เพราะเขาเป็นผู้หญิง ซึ่งถ้าเป็นผู้กำกับที่ไม่เข้าใจผู้หญิง มันสุ่มเสี่ยงมากที่จะทำให้ตัวละครแรดจนคนไม่รัก คือทำไมโลภมาก เอาผู้ตั้ง 3 คน คือมันไม่ใช่ คุณต้องเข้าใจมุมผู้หญิงว่าฉันอยากมีแฟน ฉันก็รักทุกๆ คน แต่มันไม่ใช่เพราะอะไร เขาต่างกันทางสังคม ทัศนคติไม่ตรงกัน ก็เหมือนคนเราก็อยากมีแฟนดีๆ สักคนหนึ่ง มันต้องการผู้กำกับที่เข้าใจผู้หญิงตรงนี้ แต่ถ้ามองจากมุมผู้ชายนางเอกจะแรดมาก ซึ่งไม่ได้”
“ได้ผู้ชายครบแล้วครับ ทุกคนก็มีต่างสถานะกัน ก็มีกอล์ฟ (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) เล่นเป็นคนรวย ปัญหาของเขาคือแม่ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ปัญหาของเขาคือแฟนคลับและผู้จัดการ ณัฏฐ์ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยาเทพ) ก็จะเป็นผู้ชายสายคลีน นักกีฬา ซิกแพ็ก อัฐ (อัครัฐ นิมิตรชัย) ก็จะเป็นหนุ่มรักธรรมชาติ คนสุดท้ายจะเป็นเด็กใหม่เลย ชื่อ เหน๋ง เป็นเด็กใหม่เลย ยังไม่เคยเล่นที่ไหน นี่เปิดซิงเรื่องแรก หล่อๆ เกาหลีๆ เลย ตอนนี้ฟิตติ้งแล้ว กำลังจะเปิดกล้องในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าครับ”
ไม่รู้ “ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก” ถูกติดแฮชแท็กสวยแต่แข็ง อย่าวิจารณ์ทิ่มแทงกัน
“อันนี้ผมไม่ทราบเลย แต่ไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจอะไรนะ เราต้องเข้าใจว่ามุมมองของคนที่มีต่อละครแต่ละเรื่องมันต่างกัน ดีที่สุดของคนหนึ่ง อาจจะไม่ได้ดีที่สุดของอีกคนหนึ่ง มันอยู่ที่ทัศนคติของการมองมากกว่า ผมคิดว่าเขาทำดีของเขาแล้วนะครับจากที่ผมมองนะ มันอยู่ที่ว่าคุณเทียบกับอะไร”
“ผมคิดว่าทุกคนมีความตั้งใจที่ดี และดีมากน้อยแค่ไหนอันนั้นก็วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าเอามีดมาทิ่มกัน แล้วผมคิดว่าสังคมตอนนี้มันชอบมีดรามา ชอบแบ่งทีม ผมว่าเป็นเรื่องไม่ดีเลย อย่างเรื่องเด็กติดถ้ำก็เหมือนกัน คุณแยกทีมโค้ช ไม่โค้ช ผมว่ามันเลอะเทอะ ผมว่ามันไม่สร้างสรรค์ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่คอมเมนต์ดีๆ แล้วสร้างสรรค์ อันนี้ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้อ่านที่ว่าปูนะ แต่ถ้ามีดรามาจริงก็อยากจะรู้ว่าจากมุมไหน เท่าที่ดูผมคิดว่าผมโอเคแล้ว”
ลั่นเรตติ้งสตาร์ทที่ 1 กว่าเพราะชนข่าวเด็กติดถ้ำ ขนาดตนยังดูข่าวเลย อย่าชงให้เกิดดรามา
“ก็ชนกับเด็กติดถ้ำไง วันนั้นเจอเด็กพอดี คือต้องเข้าใจว่าเพราะอะไรก่อน วันนั้นตรงกับที่เจอเด็กพอดี ผมยังดูเด็กเลย อย่าไปชงให้มันเกิดดรามาเลย มันไม่น่ารัก คืออย่างละครเรื่องอื่นก็เริ่ม 1 กว่านะ อย่าง พิษสวาทก็เริ่ม 1 กว่า ทำไมคิดว่ามันจะต้องเริ่มเยอะๆ ล่ะ มันไม่แฟร์กับคนทำงานเลย คือทุกเรื่องมันสตาร์ทที่ 1 กว่า แล้วมันก็ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้แปลว่ามันไม่ขึ้น และต่อไปก็จะขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมคิดว่าการแสดงของเขาโอเคนะ แล้วถ้าเขาจะอยู่และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ได้ ผมคิดว่าทุกคนมีสิทธิพัฒนา ผมคิดว่าในวงการเรามีสองคำ คือโอกาสและทัศนคติ ถ้าทัศนคติที่แย่ต่อให้คุณมีโอกาสและไม่ได้ใช้มันหรือใช้ในทางที่ผิด หรือถ้าคุณมีโอกาสที่ดี แต่ทัศนคติคุณแย่ คุณก็แย่ มันต้องไปด้วยกันคือทัศนคติที่ดีและโอกาสที่ดี มันจะพัฒนาขึ้นไปข้างหน้าครับ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)